"ไก่ วรายุฑ" เปิดใจความรักในอดีต ลั่นแอบลุ้นความรักครั้งใหม่
ตัดสินใจแชร์ความรักให้หลายคนรับรู้ผ่านรายการคลับฟรายเดย์ สำหรับ "ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา" ถึงแม้คนๆ นั้นจะมีครอบครัวไปแล้วแต่เจ้าตัวก็ยอมรับว่ายังคงรักจนวันตาย แต่ไม่รู้ว่าความรักปัจจุบันจะเป็นอย่างไรบ้าง
รายการคลับฟรายเดย์ที่ตัดสินใจไปออกเพราะฉอดติดต่อมานานแล้วตั้งแต่เขาเริ่มทำ แล้วเราก็ไม่ว่างไม่อยากไปออก บอกตรงๆ อยู่มานานพอสมควรเขาก็เอาคิวทั้งหมดมาแล้วบอกว่าว่าวันไหนเลือกเอา แล้วเว้นเอาไว้ว่าที่ว่าง ก็เลยบอกว่าโอเคก็ว่างก็เลยเอาคิวให้เขา อันนี้สัมภาษณ์มาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว ไม่เข้าใจทำไมคนโฟกัสเรื่องความรัก คือคนเรามันมีความรักอยู่แล้วแต่ไม่จำเป็นต้องบอกใคร แต่ครั้งนี้เรารู้สึกว่ามันเป็นความสุขที่อยู่ในความทรงจำของเรา แล้วก็อยากจะเผื่อแผ่และอยากจะบอกคนที่เป็นแบบพี่ว่าความสุขอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของ ไม่จำเป็นต้องครอบครอง เพราะฉะนั้นเราจงภูมิใจในเราที่มีคนรัก ไม่ใช่เรารู้สึกว่าจะรักใครชีวิตนี้ ชีวิตนี้ไม่มีคนรักแล้วจะรู้สึกว่าทำไมไม่มีคนรักเลยหรอ อย่างครั้งหนึ่งเคยไปถ่ายละครสมัยก่อนต่างประเทศไม่มีคนรัก เห็นคนเขียนจดหมาย โปสการ์ด กลับมาที่บ้านแล้วเราต้องเขียนให้ใคร เขียนให้ตัวเองกลับมาถึงบ้าน มันเป็นความรู้สึกว่าทำไมเราไม่มีคนรักเลยเหรอ แล้วไม่มีคนคิดถึงที่เราอยากจะบอกอะไรเลยเหรอ แล้วพอเรามีความรักเรามีคนที่อยากจะบอกว่าเราถ่ายละครที่นี่ ส่งโปสการ์ดมาบอกเขาได้มันมีความรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่เรามีตรงนี้ แล้วสิ่งที่เรามีเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี เพราะฉะนั้นอยากจะบอกทุกคนว่าความรักเป็นสิ่งดี แต่สิ่งไม่ดีก็มีเหมือนกันก็เคยเจอเหมือนกันกับสิ่งไม่ดี ก็มีคนโทรมาถามว่าใครเราก็บอกไปเดาเอาเองแล้วกัน
ส่วนคนที่เราพูดถึงก็ไม่ได้โทรมาทั้งหมดนี้เราก็รู้กัน เรามองตากันหรือไม่ต้องเรามีจิตวิญญาณคุยกัน มีอะไรที่ความรู้สึกที่ดีต่อกัน ที่ออกมาพูดไม่มีผลกระทบกับใคร เพราะว่าเราไม่ได้ทำให้เขาเสื่อมเสีย เราไม่ได้ไปย่ำยีใคร เราไม่ได้ไปครอบครอง เราแค่รักแค่นั้นเองเราก็มีความสุขในสิ่งที่เรารัก พี่มีความสุขกับสิ่งที่อยากจะบอกกับคนในคลับฟรายเดย์ พี่พูดไปก็มีความสุขที่จะเล่าแต่พิธีกรร้องไห้ ตอนนี้กับคนนั้นก็ยังคุยกัน เรื่องที่ไปเล่าไม่ได้บอกใครเลยอยากจะพูดก็พูด สิ่งที่ออกมาจากปากตัวเองแล้วคือสิ่งที่ออกมาจากใจตัวเอง เพราะฉะนั้นไม่อายหรือไม่กลัว แล้วก็ไม่ได้คิดว่ามันผิดและไม่ได้เป็นความเสียหาย
อย่างที่พี่บอกขอให้พี่มีคนรักถ้าเราไม่มีคนรักเราจะว้าเหว่ก็บอกว่าจะขอรักจนวันตาย นี่แต่งเพลงให้เขาเพลงหนึ่ง ชื่อ "จะขอรักจนวันตาย" อยู่ในเรื่อง “แค้นเสน่หา” ถามว่ายังรักคนนี้อยู่ไหมก็ยังรักคนนี้อยู่ แม้กระทั่งพี่มีคนใหม่ก็จะบอกว่าเคยรักคนนี้มาก่อน เพราะฉะนั้นเวลาพี่พูดหรือเผลอตัวก็อย่าถือกับคนๆ นี้ กลัวคนใหม่น้อยใจไหมก็ต้องยอมรับได้ เขาต้องเข้าใจ ที่รักเขาเพราะเขาเป็นคนดี ช่วยเหลือ และให้โอกาส เป็นคนที่สร้างชีวิตในการทำงาน คนดีอย่างนี้พี่กลัวนะแต่คนที่เลวกว่าหรือร้ายพี่ไม่กลัวพี่ด่าได้ ตบได้ แต่คนที่ดีกับเราเรากลัวดีไม่เท่าเขาที่เขาดีกับเราฉะนั้นพี่แพ้คนดี ถ้าเป็นคนใหม่เข้ามาเขาก็ต้องยอมรับได้มันคือความจริง กลัวเสียโอกาสไหมไม่กลัวนะพี่คิดว่าถ้าเราเจอสิ่งที่ดีกว่าพี่ว่าคงไม่มีอะ แต่ถ้าเจอสิ่งที่ดีน้อยกว่าถือเป็นโชคดีของเราก็ยังมีความรักเข้ามาหาเราอีกในอายุปูนนี้แล้ว บอกตรงๆ ว่าไม่ใช่วัยรุ่นหรือเด็กๆ แต่ถามว่าแอบชอบคนนี้คนนั้นไหมก็มีอยู่ เราอยู่ในวงการบันเทิงอยู่ในวงการตัวละครดารา ถ้าไม่รักตรงนี้เราจะไปรักที่ไหนเพราะเราเจอเฉพาะตรงนี้
ส่วนคนที่เรียกว่าแฟนตอนนี้ยังไม่มีแต่กำลังจะมีนะขอให้เป็นไปได้ ดึงมาร่วมงานไหมก็ร่วมงานกันอยู่บ้าง มุมมองความรักของพี่เป็นมุมมองความรักที่สวยงาม พี่มีความรู้สึกว่าถ้าเรารักใครแล้วเรามีความสุขเรารักไปเถอะ จะได้ครอบครองหรือไม่ได้ครอบครองก็ขอให้คนที่เรารักเขารู้ก็พอแล้ว ไม่เคยหวังครอบครองเลย เพราะคนเราเดี๋ยวมันก็ตายจากกัน ดีที่สุดคือรักกันในสิ่งที่ดีๆ ดีกว่า ส่วนกับคนล่าสุดนี้มีลุ้นไหมพี่ยังลุ้นเลย พี่อยากบอกว่าขอให้ความดีที่พี่มีอยู่ยังทำทุกอย่างชนะใจเขา ไม่ได้คาดหวังอะไรเพราะพี่ไม่มีอนาคต มีแต่ปัจจุบันกับอดีตที่ผ่านมา อนาคตเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นอยากทำอะไรจะพูดอะไรพูดให้เขารู้ ควงออกงานไหมก็อาจจะมีบ้างเขาก็รู้ตัว