อยากเป็นผู้ใหญ่! "กัปตัน" ขอรับผิด วอนอย่าโทษผู้ใหญ่-ค่าย

อยากเป็นผู้ใหญ่! "กัปตัน" ขอรับผิด วอนอย่าโทษผู้ใหญ่-ค่าย

           ไม่ทิ้งเรื่องราวให้ข้องใจกันนาน สำหรับประเด็นฮอตของนาทีนี้ ของนักแสดงหนุ่ม “กัปตัน ชลธร คงยิ่งยง” หลังจากสลับกันออกมาพูดกับอดีตแฟนสาวถึงเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้ง และประเด็นที่ฝ่ายหญิงออกมาเปิดปากว่าตั้งครรภ์กับเจ้าตัว แต่ถูกกีดกันจากครอบครัวและต้นสังกัด จนเรื่องราวบานปลาย ล่าสุดหนุ่ม "กัปตัน" ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า 

           ต้องขอขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่มาร่วมฟังแถลงข่างในวันนี้ ก่อนอื่นผมต้องขอยอมรับว่าผมกับ “มิ้ง” เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจริงๆ แต่มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เราต้องเลิกกันไป แต่เราก็ยังมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน สำหรับเรื่องที่มีเด็กอยู่นั้น ทางผมก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลเด็ก เพราะว่าผมไม่สามารถปล่อยให้สิ่งที่เกิดจากผมได้รับอันตรายใดๆ อยู่แล้ว

           ส่วนทางฝ่ายหญิงเผยว่า หลังจากที่เราได้คุยกับ “กัปตัน” ตอนนี้เราก็ต้องรับผิดชอบ และก็ต้องกลับไปคุยกับครอบครัวทั้ง 2 ฝ่ายอีกทีนึง หนุ่ม “กัปตัน” เสริมว่าก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า ผมมีความเป็นห่วงเด็กมากๆ ฉะนั้นก็ต้องมีเรื่องการฝากครรภ์

           ส่วนเรื่องครอบครัวในอนาคต ตอนนี้ก็บอกไม่ได้ สิ่งที่ผมต้องโฟกัสตอนนี้ก็คือเด็กในท้องจริงๆ ผมไม่สามารถปล่อยให้เด็กเป็นอะไรขึ้นมาได้ ส่วนทางฝ่ายหญิงว่าอย่างไร หากฝ่ายชายจะรับผิดชอบเฉพาะเด็ก

           “มิ้ง” เผยว่าก็ต้องแล้วแต่ครอบครัว ตอนนี้ก็ 7 สัปดาห์แล้ว ส่วนเรื่องที่คุณแม่ของ “กัปตัน” ไม่โอเค คุณแม่ได้ให้คำตอบว่า ถ้าเกิดเกิดจริง ครอบครัวก็รับผิดชอบอยู่แล้ว ถ้าเกิดจริงและได้ตรวจสอบแล้ว เราก็พร้อมจะรับผิดชอบอยู่แล้ว ส่วนว่าเชื่อใจไหมว่าไม่ใช่ลูก “กัปตัน” ตอนนี้เราก็ห่วงเด็ก เราก็ต้องดูที่ความปลอดภัยของเด็กก่อน และตัวแม่เขา ส่วนเชื่อไหมว่าเป็นลูกของ “กัปตัน”

           คุณพ่อของหนุ่ม “กัปตัน” ได้ให้คำตอบว่าเราก็ต้องรอเป็นขั้นตอนไป ตอนนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ ส่วนทาง “กัปตัน” ได้เผยว่าตอนนี้ผมไม่ได้สนตรงนั้นแล้ว เพราะว่าเราเคยมีความสัมพันธ์เป็นแฟนกันมา ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดจากผม ผมก็ขอรับผิดชอบ ต้องขอโทษทุกๆ คนด้วย อยากจะบอกทุกๆ คนว่าสิ่งที่ทุกคนมองว่าพ่อแม่ผมไม่ดี ผู้หญิงไม่ดี ทางค่ายไม่ดี หรือใครรอบตัวของผมไม่ดี ผมขอให้อย่าไปโทษเขาเลย พ่อแม่ผมก็สอนผมมาว่าให้ผมเป็นคนที่ดีของสังคม สอนมาตลอด จนเมื่อผมถึงช่วยวัยรุ่นของผม ผมอยากลองเป็นผู้ใหญ่เอง ผมต้องการพิสูจน์ตัวเอง และก็ได้ข้อคิดว่าผมยังไม่พร้อมจริงๆ ที่จะสามารถตัดสินใจได้คนเดียว ฉะนั้นอย่าโทษใครเลย ขอให้ทุกคนมาโทษที่ผม

           ส่วนทางแม่ของฝ่ายหญิงเผยว่า เราก็ให้เขาเป็นคนตัดสินใจกัน 2 คน เราไม่ได้เรียกร้องอะไร และก็เชื่อว่าเป็นลูกของทั้งคู่

           ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ ที่รู้เรื่องการตั้งครรภ์ หนุ่ม “กัปตัน” เผยว่า ตอนแรกผมไม่ทราบ “มิ้ง” มาบอกให้ผมรู้ที่บ้าน ผมก็ช็อก เพราะไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดขึ้น เราก็ป้องกันและเราก็ค่อนข้างระมัดระวังเป็นอย่างมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็มีการบอก แต่ส่วนที่ฝ่ายหญิงให้สัมภาษณ์ว่าครอบครัวฝ่ายชายกีดกัน คุณพ่อของหนุ่ม “กัปตัน” เผยว่า ไม่ได้กีดกัน อย่าง “มิ้ง” อาจจะมองว่าทั้งคู่บรรลุนิติภาวะแล้ว สามารถตัดสินใจกันเองได้ทั้งคู่ แต่มันค่อนข้างแตกต่างกับทางครอบครัว เพราะว่าทางครอบครัวคิดว่า ถ้าเกิดตัดสินใจเองแล้ว เรื่องมันมาถึงขนาดนี้ เราก็คงต้องมีส่วนในการตัดสินใจ

           ส่วนเหตุผลที่ทำไมต้องการคุยเพียง 2 คนนั้น ทางฝ่ายหญิงเผยว่า ความจริงตอนนี้เราก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน ที่ตัวเขาเองที่แม้ยังคิดว่าเรายังไม่โตพอ สุดท้ายเราก็ต้องมีความเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องมารับผิดชอบว่าจะเอาอย่างไรต่อดี อย่างที่บ้านมิ้งเองก็ให้เราตัดสินใจด้วยตัวเอง ว่าจะรับผิดชอบยังไง ถ้าวันนี้ไม่ได้มาเจอกัปตันนั้น เราก็คงยังแบลงค์ๆ คิดอะไรไม่ออก

           “กัปตัน” ตอบว่า ส่วนตอนนี้สิ่งที่ตกลงกันตอนนี้ก็คือต้องพาไปฝากครรภ์ ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กและมิ้งเองด้วย ส่วนเรื่องที่อยากคุยกัน 2 คนอีก ก็ยังมีอยู่ ส่วนก่อนหน้านี้ที่ให้สัมภาษณ์ก็มีอารมณ์โกรธ น้อยใจทุกอย่างที่เราเจอมา แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่เราพูดออกมา

           สำหรับเรื่องที่ทางค่ายนาดาวเลือกโรงพยาบาลให้ตรวจนั้น เราไม่ได้เป็นคนพูด แต่มีทางคุณพ่อเสนอมาที่โรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งเรารู้สึกว่ามันไกลจากบ้านเรา ทางค่ายจึงได้เสริมขึ้นว่า มันไม่ใช่เรื่องของการตรวจ เพราะก่อนหน้านั้นน้องได้ไปตรวจมาก่อนแล้ว เราไม่ได้บอกว่าให้ไปตรวจที่นั่น ส่วนเรื่องโรงพยาบาลที่เราได้บอกไปนั้น เป็นเรื่องของการฝากครรภ์ คนละอย่างกัน

           ส่วนเรื่องที่เป็นห่วงเด็กในท้องของ “มิ้ง” หนุ่ม “กัปตัน” ได้เผยว่า ทุกคนก็รู้อยู่ว่าตอนนี้กระแสมันออกเป็นวงกว้าง ขนาดผมเป็นคนที่อ่านหรือว่ารู้ข่าว มันก็ทำให้สภาพจิตใจแย่พอสมควร รวมไปถึงครอบครัวและคนรู้จักผมด้วย ก็เลยคิดว่าทาง “มิ้ง” เองก็คงไม่ต่างอะไรกับผม

           และถามไปที่อีกมุมมองของฝ่ายหญิง เรื่องเอาน้องออก ทาง “มิ้ง” ได้ยอมรับว่าก่อนหน้านี้มีคิดแวบๆ มาบ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว และทาง “กัปตัน” เองก็พูดแต่แรกว่าไม่ให้ทำ สิ่งที่เราคิดก็คืออารมณ์โกรธ น้อยใจด้วย ซึ่งคุณแม่ก็อยู่ด้วยตลอดและไม่ได้ให้เอาออก อยากให้เก็บไว้ อย่างไรก็ยกเป็นลูกให้คุณแม่ก็ได้ ส่วน ณ วันนี้สภาพจิตใจดีขึ้นหรือเปล่า ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นนิดหนึ่ง หรือเรื่องที่อยากคุยกับ “กัปตัน” ก็คงต้องไปคุยหลังไมค์กับทาง 2 ครอบครัวอีกทีหนึ่ง

           ส่วนทางคุณแม่หนุ่ม “กัปตัน” ที่เจอกระแสข่าวโจมตีนั้น ทางคุณแม่ได้เผยว่า ไม่ได้สนใจข่าวเท่าไหร่ แม่มีจุดยืนอยู่ หนึ่งคือเอาเรื่องความปลอดภัยมาก่อนสำหรับคนที่ตั้งครรภ์ ทั้งตัวผู้หญิงและเด็ก ก็เลยคิดว่าเราพาไปดูแลแค่นั้น ก็บอกเขาไปอย่างนั้น ส่วนเรื่องว่าทางครอบครัวโกรธทางฝ่ายหญิงไหมที่ออกมาให้สัมภาษณ์ ถามว่าโกรธไหมถ้าบอกว่าไม่โกรธก็คงไม่มีคนเชื่อ ก็ต้องมีอารมณ์ เราก็ตั้งสติ เราก็ต้องคิดว่าสิ่งที่ควรจะทำต่อไปคืออะไร ถามว่าเข้าใจเขาไหมที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เราก็พยายามเข้าใจอยู่แล้ว

           ส่วนทาง “กัปตัน” ตอนนี้ก็เป็นห่วงสภาพจิตใจของคุณพ่อ คุณแม่ ครอบครัว คุณแม่และทางครอบครัวมิ้ง รวมถึงมิ้งเอง ส่วนเรื่องงานในวงการมีผลกระทบไหม จริงๆ ตอนนี้ผมก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องทำให้เสร็จ และหลังจากนี้ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร ผมก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำ ส่วนโอกาสในวงการมันจะมาหรือไม่มาก็ไม่เป็นไร เราก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมาก่อน

           ทางค่ายก็มีคุยเรียบร้อยแล้ว ทางค่ายที่ผ่านมาก็อย่างที่บอกคือ ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน สิ่งที่เขาทำมันผิดศีลธรรมไหม ก็อย่างที่ทุกเห็นคือเขาก็ออกมาพูดอย่างชัดเจน มารับผิดชอบแล้ว ทางบริษัทก็รู้สึกว่า สิ่งที่เขาออกมารับผิดชอบมันคือสิ่งที่เขาแสดงตัวตนของเขาออกมา และงานที่ผ่านมาเขาก็เต็มที่กับการทำงาน ตั้งใจ เลยไม่อยากเอาสิ่งที่เกิดขึ้นมาตัดสินเขา ถ้าในอนาคตเขาเกเร เขาไม่เต็มที่ ไม่ตั้งใจ ถึงจะเป็นการตัดสินเรื่องงานของเขามากกว่าในเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนี้เขาก็ยังเป็นเด็กในสังกัดนาดาว และกับโฟโนล็อก น้องก็ยังอยู่ในโปรเจ็คท์อยู่ ในอนาคตจะเป็นยังไง ทางโฟโนล็อกจะเป็นคนตัดสินใจอีกทีนึง แล้วจะมาแจ้งให้ทราบ

           ทางหนุ่ม “กัปตัน” เป็นกังวลไหมกับเรื่องงาน เจ้าตัวเผยว่าตอนนี้ก็ไม่ได้สน ไม่ได้มองถึงอนาคตไว้ก่อนดีกว่า ส่วนอะไรที่ค้างอยู่ ก็มีซีรีส์ ละคร เราก็ต้องทำให้เต็มที่ ไม่ได้มองอะไรในอนาคต ถ้าผู้ใหญ่ยังให้โอกาส เราก็ขอทำต่อไป

           หันมาถามทางฝ่ายหญิงที่เดินทางมาวันนี้ก็ได้รับเชิญมาและมองว่ามาพร้อมๆ กันครั้งเดียวให้จบไปเลย ในอนาคตต่อจากนี้เราก็ยังคิดไม่ออก ส่วนทางด้านกระแสอดีตของเราว่าเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราก็เคยเล่าให้ “กัปตัน” ฟังตอนคบกันแรกๆ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว เราก็เลือกที่จะไม่สนใจ และคนใกล้ตัวเรา คนที่รู้จักเรา ก็รู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เราทำอะไรลงไป

           ถัดมากับคำถามว่าถ้าเกิด “กัปตัน” มีโอกาสได้พูดคุยกับ “มิ้ง” ก่อนหน้านี้คงไม่มีเหตุการณ์แถลงข่าวแบบนี้เกิดขึ้น หนุ่ม “กัปตัน” เผยว่า ผมคุยกับทางผู้ใหญ่ ทางนาดาว และก็กับพ่อแม่ของผม ผมไม่สามารถที่จะตัดสินใจอะไรด้วยตนเองแล้วผิดพลาดแล้วครอบครัวสภาพจิตใจแย่ไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ทาง คุณพ่อหนุ่ม “กัปตัน” จึงได้เสริมว่ามันเร็วมาก เราคุยกันแล้วรอบนึง ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากคุย แต่ในระยะเวลา 2 สัปดาห์มันก็เร็วมาก เราก็คุยอยู่ เราไม่ได้เร็วไปกับกระแส

           ทางค่ายก็ได้เสริมว่า ก่อนงานแถลงข่าวทางคุณแม่ของทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการฝากครรภ์แล้ว แต่ยังไม่ได้นัดวันกัน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่น้องให่สัมภาษณ์ ก็มีการพูกคุยกันอีก ส่วนกระแสที่ค่ายโดนโจมตีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสวนทางกับเรื่องซีรีส์ที่ทางค่ายมีมานั้น เราก็ต้องบอกว่า ผู้ชมต้องมีวิจารณญาณ ต้องใช้ความเข้าใจในการดู ช่วงระยะเวลาวัยรุ่นทุกคนมีปัญหาไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ซีรีส์ก็เป็นอีกบทเรียนให้คนได้เรียนรู้ วันนี้ “กัปตัน” ได้เจออีกบทเรียน ก็ให้เขาได้ออกมาแก้ไข เราไม่อยากตัดโอกาส ก็ต้องให้เขามีโอกาสในสังคม ตอนนี้ก็ให้เขาได้ออกมารับผิดชอบทั้งหมดแล้ว ที่ผ่านมา เมื่อทุกคนเรียนรู้ปัญหา และเข้าใจก็คงไม่กลับไปทำอีก ส่วนเรื่องสัญญาที่จะมีการยกเลิก ก็จะเป็นการยกเลิกในกรณีที่มีเรื่องของการผิดกฏหมาย ผิดศีลธรรม มันเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถดูแล แต่ถ้าเป็นเรื่องของการทำงานที่ไม่รับผิดชอบ ก็ใช่ หรือกฏเกณฑ์บางอย่างที่ตกลงกันไว้ เรื่องการทำงาน ตื่นสายไม่รับผิดชอบ ไม่เต็มที่ อันนั้นจะเป็นหลักสำคัญที่เกี่ยวกับการทำงานมากกว่า

           มาถามทาง “กัปตัน” ว่าเป็นบทเรียนแค่ไหน ก็ถือว่าหนักที่สุดในชีวิตแล้ว เราก็ไม่สามารถไปแก้ไขอดีตได้ ตอนนี้หน้าทีๆ เราทำได้คือ ตั้งใจทำงานของเรา ให้คนดูได้เห็นว่าจริงๆ แล้วเราอยากให้ผู้ชมรู้สึกชื่นชอบในผลงานที่เราตั้งใจทำทุกชิ้น ส่วนถ้าวันนึงเขาไม่ได้ชื่นชอบเราแล้วผมก็ต้องยอมรับในจุดนั้น

           ส่วนมุมมองการแก้ไขปัญหาร่วมกัน 2 คนตอนนี้เราก็เป็นคน 2 คนแล้ว เลิกกันไปแล้ว ก็อย่างที่บอกคือ เด็กในท้องเราก็ต้องให้เขามีคุณภาพที่ดีในสังคม คงไม่ได้ให้เขาเกิดอันตราย เราก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนโอกาสในการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ฝ่ายหญิงเผยว่าในความคิดของเราโอกาสที่เราจะกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวกี่เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้เราก็ยังตอบไม่ได้ เรามีคิดบ้างว่ามันก็คงต้องเป็นแบบนั้น ส่วนตอนนี้การรับผิดชอบตัวเอง เราก็เพิ่งเรียนจบ เราก็ยังไม่ได้คิดเรื่องงาน

           ส่วนทางการดูแลจากฝ่ายชาย คุณพ่อหนุ่ม “กัปตัน” เผยว่าเราก็ยินดีจะรับผิดชอบ ดูแลเต็มที่ ก็ให้เป็นตามสเต็ป การตรวจ การฝากครรภ์ ทุกอย่างเราก็พร้อมจะดูแล

           และสุดท้ายหนุ่ม “กัปตัน” ก็เผยว่าไม่อยากให้โทษใคร ผลขอรับผิดทั้งหมด ส่วนทางฝ่ายหญิงเผยว่า จริงๆ มิ้งไม่ค่อยไปอ่านเท่าไหร่ ก็มีแบ่งแยกทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายกัปตันและตรงกลาง ก็เข้าใจ เราไม่ได้โกรธใครที่ด่า และตอนนี้ก็น่าจะเคลียร์กันแล้ว ไม่คิดว่าจะมีการด่าอะไรกันแล้วทั้ง 2 ฝ่าย และหนุ่ม “กัปตัน” เสริมว่าตอนนี้ก็จะมีนัดกันไปฝากครรภ์ มันอยู่ในช่วงที่เด็กมีความเสี่ยงต่างๆ เป็นไปได้ก็อยากให้เป็นวันนี้เลย