"โอปอล์-หมอโอ๊ค" เผยความรู้สึกหลัง "น้องอลิน" ชอบพูดคำแปลกๆ
ลูกชายหญิงฝาแฝดอย่าง “น้องอลิน” และ “น้องอลัน” มีพัฒนาการที่ดีเกินคาดอีกทั้งยังชอบพูดและจดจำสิ่งที่ได้ยินมาโดยเฉพาะลูกสาวอย่าง “น้องอลิน” ที่มักจะพูดคำแปลกๆ ให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุด "โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล" และ "หมอโอ๊ค สมิทธิ์ อารยะสกุล" ก็ได้ออกมาเผยความรู้สึกเรื่องนี้พร้อมบอกทริปทะเลที่หัวหินว่า
สำหรับทริปก็ไปมา 3 วัน ทริปนี้ "โอปอล์" จะโดนแดดเยอะที่สุด ก็ต้องทากันแดดอุ้มลูกลงทะเลเล่นน้ำตลอดแต่ "หมอโอ๊ค" จะอุ้ม "น้องอลิน" เพราะน้องไม่ค่อยดำ แต่พอตอนหลัง "น้องอลัน" จะดำมาก ส่วนตัวไม่ได้เสียเชฟล์อะไรเพราะผิวดำมาตลอด โดยจะพาลูกไปเที่ยวตลอด ให้เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง ยิ้มปลื้มที่ทั้งคู่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว เวลาไปเห็นสถานที่จริงก็จะดีกว่ามากเขาจะจดจำได้ทริปต่อไปก็แพลนไว้แล้วก็จะพากันไปทั้งครอบครัวและทุกวันจะหากิจกรรมให้ทำอยู่แล้วต่างจังหวัดก็สองสามอาทิตย์ครั้ง ทริปต่างประเทศก็ขอหยุดไว้ก่อนรอให้โตรู้เรื่องกว่านี้ขำๆ ไปต่างประเทศไม่ได้พักเขาจะร้องไห้ตลอด
ส่วนเรื่องที่ "น้องอลิน" ระลึกชาติได้ก็คงไม่ใช่ แต่ที่เขามีคำพูดแปลกๆเพราะอ่านหนังสือให้ฟังเยอะมาก เลยมีคำพูดแบบแปลกๆ ที่เขาพูด แต่ส่วนมากจะมาจากนิทานที่อ่านล่าสุดไปทำบุญเขาก็พูดสาธุ ขอให้ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซึ่งก็จำมาจากนิทานส่งเสริมคุณธรรม เรื่องอย่าซื้อปลาไปปล่อยแถวท่าน้ำ เพราะในนิทานจะมีตอนที่คนซื้อปลาไปปล่อย น้องจะมีความจำดีมาก บางครั้งก็ทำให้ขนลุกซู่บ้าง คาดคนไม่น่าจะเข้าใจผิดว่ามีของ แต่น่าจะเข้าใจว่าน้องถูกสอนมาอย่างนั้นและมีพูดว่าเลิกทาส ที่บ้านจะมีหนังสือการ์ตูนเด็กเกี่ยวกับในหลวงเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ น้องก็จำได้ว่า รัชกาลที่ 5 ทรงเลิกทาส และในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชกรณียกิจอะไรบ้าง
ทั้งนี้ก็ต้องเว้นการพูดคำหยาบ คำสบถ จะพูดไม่ได้เลย และกลัวไปพูดที่โรงเรียนมากโดยตอนนี้ยังมีเพื่อนดาราหลายคนยังไม่ให้เข้าบ้าน ขำๆ อย่าง "ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์" ก็ยังต้องสกรีนนิดนึง โดยต้องคอยบอกสอนให้ลูกเขาไม่พูดคำแปลกๆ ด้วย คิดว่าเด็กทุกคนจำได้หมด เวลาพูดอะไรรับให้ดูทีวีแต่จะให้ดูดิสนีย์ชาแนลไม่คิดปิดกั้นเรื่องนี้เพราะโตมาจากทีวีเหมือนกัน แต่จะดูไปกับเขาด้วยและเวลาซื้อหนังสือมาก็จะต้องอ่านก่อนทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องจะเป็นเนื้อหาของเด็กโตพร้อมบอกเวลาเข้าโรงเรียนก็จะไม่ถึงขั้นต้องไปบอกคุณครูให้สกรีนคำพูดเพราะถ้าไว้ใจแล้วก็ปล่อยให้ทางโรงเรียนจัดการไปต้องแบ่งหน้าที่กันไม่ได้โยนภาระการเลี้ยงให้ทางโรงเรียนอย่างเดียวและไม่อยากให้โปรเท็คเขาด้วย ให้เขาเผชิญสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเองบ้างที่โรงเรียน
สำหรับเรื่องคดีถูกแอบอ้างใช้ภาพโฆษณา ก็ตอนเจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังแล้วอยากเล่าให้เพื่อนหรือทุกคนฟังมากแต่ก็บอกทุกอย่างให้เป็นความลับ จากนี้ก็ยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะรายละเอียดมีการขยายผลไปเยอะมาก ก็รอผลว่าเมื่อไหร่แต่รู้สึกสบายใจขึ้นยันไม่ได้เรียกร้องเพื่อเอาเงินค่าเสียหาย แต่ที่ทำเพื่อปกป้องไม่อยากให้ไปหลอกลวงใครอีกและไม่รู้เรื่องจะใหญ่โต เหมือนที่ผ่านมาหรือเปล่าซึ่งตอนแรกจะการคุยกับ "หมอเจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์" และ "ป๋อมแป๋ม นิติ ชัยชิตาทร" ที่โดนแบบเดียวกันแต่ทั้งคู่ยังไม่ว่างเลยก็คงต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่จัดการไปเหมือนกัน