"เพชร สหรัตน์" เปิดใจหลังหย่า "ตั๊กแตน" ลั่นเจ้าชู้แต่ไม่เคยนอกใจ
จากกรณีข่าวดังที่นักร้องสาว "ตั๊กแตน ชลดา" ออกมาแฉอดีตสามี "เพชร สหรัตน์" ว่าแอบไปพูดคุยกับผู้หญิงอื่น จนทำให้ความสัมพันธ์ไปต่อไม่ได้ ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวหนุ่ม “เพชร” เลยไม่พลาดที่จะถามเรื่องนี้สักหน่อย
สำหรับตอนนี้ก็สบายก็ทำงานอย่างเดียว เรื่องที่ต้องเคลียร์จบทั้งหมดแล้ว เรื่องของการหย่าอย่างที่พี่ๆ สื่อมวลชนได้ทราบว่าเราก็หย่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องลิขสิทธิ์เพลงผมเป็นคนเขียนทั้งหมดให้กับคุณตั๊กแตน เรื่องรายได้ของลิขสิทธิ์เพลงบอกตรงๆ ว่าไม่ได้รับค่าลิขสิทธิ์เพลง แต่อาจจะรับหรือเปล่านี่ยังไม่ทราบ ส่วนมากเวลาที่ไปรับเช็คจะเป็นคุณตั๊กแตนไปรับที่ตึกแกรมมี่ เอาตรงๆ ก็คือไม่กล้าไปรับ เพราะว่าด้วยความที่ผมอยู่อีกค่ายหนึ่ง และผมไม่อยากทำให้มันประเจิดประเจ้อ อีกค่ายหนึ่งที่เป็นต้นสังกัดถ้าทราบอาจจะไม่พอใจ ก็เรียนให้ทราบว่าผมไม่ได้ไปรับค่าลิขสิทธิ์เลย ผมทำเพลงให้น้องด้วยความตั้งใจที่จะทำจริงๆ หลังๆ มีการคุยกันว่าถ้าทำเพลงเป็นเพลงแนวลูกทุ่งภาคกลางมาหลายอัลบั้ม แล้วช่วงหลังกระแสอาจจะลดลงมาบ้าง อาจจะเปลี่ยนไปทำแนวอีสานดูไหม ก็เป็นแนวถนัดของตัวเอง ตอนที่อยู่ด้วยกันก็ทำด้วยใจอยู่แล้ว ไม่ได้คิดเรื่องเงินอยู่แล้ว ยกให้เลยไม่ได้มีอะไรติดค้างเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เพลง ทรัพย์สินเป็นลักษณะนี้ โดยส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นค่าคอนเสิร์ตของผมเอง หรืออะไรต่างๆ ทางเจ้าภาพจะรู้ดีว่าเวลาที่จ่ายเงินค่าคอนเสิร์ตก็จะโอนเข้าบัญชีของคุณตั๊กแตน แต่ว่าก็ใช้ด้วยกันนะ ค่าคอนเสิร์ตหรือค่าอะไรต่างๆ ก็ใช้ด้วยกันทั้งหมด รวมไปถึงเรื่องของโรงงาน โรงงานเป็นชื่อของน้อง แต่เป็นธุรกิจที่ผมทำมานานแล้ว แต่พอน้องเข้ามาทำผมก็โอนถ่ายเป็นชื่อของน้องแทน พอมีปัญหากันน้องก็จะถือเรื่องธุรกิจไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นพวกทรัพย์สินหรือเครื่องจักรต่างๆ ส่วนหนึ่งที่เป็นเครื่องจักรผมก็ซื้อกลับคืนมาจากน้องเขา เพราะน้องไม่สามารถทำธุรกิจต่อได้ เพราะเขาก็ไม่ได้ชำนาญในเรื่องธุรกิจพวกนี้อยู่แล้ว ผมก็ใช้วิธีการซื้อเครื่องจักรกลับคืนมาเพื่อดำเนินการต่อ น้องก็ควรจะได้ในส่วนนี้ คือถ้าไม่ซื้อกลับคืนน้องก็ต้องเก็บไว้เป็นเศษเหล็กเพราะมันขายไม่ได้
ส่วนบ้านก็บ้านใครบ้านมันอยู่แล้ว บ้านที่สายไหมเป็นบ้านผมอยู่แล้วที่คุณแตนมาอยู่ด้วย ซื้อก่อนที่จะรู้จักกับคุณแตนด้วยซ้ำ ส่วนบ้านคุณแตนที่อยู่รังสิตก็ยังเป็นบ้านของคุณแตนอยู่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกันในเรื่องของบ้าน
ย้ำชัดผมติดตามผลงานของน้องเขาตลอด ไม่ได้มีความโกรธแค้นหรืออะไรที่ติดค้างกัน อย่างอีกคนที่เป็นประเด็นข่าวกับผม ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาของเขาตามปกติ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรกันต่อ แล้วช่วงที่เกิดปัญหาเรื่องการโพสต์ ผมก็ขอร้องเพื่อนๆ ด้วยซ้ำว่าอย่าไปแจ้งความเอาผิดกับน้อง เรื่องราวตอนนั้นถึงขั้นจะไปแจ้งความ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะไม่ได้มีการเซนเซอร์ ก็ขอเพื่อนๆ ทั้งหมดไม่ให้ไปมีเรื่องมีราวเรื่องกฎหมาย ตั้งแต่วันนั้นก็แยกย้ายกันไป จบลงด้วยดี หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดค้างอะไรกัน เรื่องของโรงงานเราก็เคลียร์กันโดยไม่มีปัญหากัน กับเรื่องความจริงผมมองว่าทุกคนรู้ความจริงอยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าอะไรคืออะไร และอะไรที่มันเกิดขึ้น แล้วแตนทำอะไรอยู่ ผมทำอะไรอยู่ผมจะรู้ เราปิดคนอื่นได้แต่เราไม่สามารถปิดตัวเองได้ อย่างผมกล้าบอกได้ ผมกล้าพูดถึงชื่อคุณแจมมี่ที่เป็นประเด็นข่าว ผมไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรต่อ ก็อยู่อย่างนี้แต่ก็เข้าใจว่าคนเป็นภรรยาพอไปเห็นข้อความแบบนั้นก็ต้องมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันหนักเกินที่เขาจะรับได้ เราก็เข้าใจเขา แต่ว่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นผมมองว่าใครทำอะไรคนนั้นก็จะรู้
เรื่องแชทที่มันเกิดขึ้นจริงๆ คนที่สนิทกันเขาจะรู้ว่าผมเป็นคนพูดมาก ชอบหยอกคนนั้นคนนี้ ผมเป็นคนทะลึ่งอยู่แล้ว เพื่อนที่อายุเท่ากันหลายๆ คนพูดหยอกล้อกันข้อความค่อนข้างที่จะรุนแรงบ้างก็มี เพราะน้องเขาก็เพิ่งกลับมาจากอเมริกา ปกติเขาไม่ได้อยู่เมืองไทยอยู่แล้วเขาอยู่ที่ฮาวาย เราก็อยู่ร้านลาบคนก็เยอะมาก เราก็ต้องรักษาภาพอยู่แล้วในส่วนหนึ่ง ด้วยความที่เรานั่งอยู่นาน เจ้าของร้านทุกคนก็รู้จักมาอยู่เป็นเพื่อนกันก็หยอกล้อกัน ทุกอย่างก็เต็มที่ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ผมเป็นคนที่ไม่ได้ปิดนะ ถ้าผมมีผมก็บอกว่าผมมี เพราะตอนแรกที่คบกันหลายๆ คนก็บอกให้ปิด ผมก็ไม่ปิด เพราะใช้ชีวิตลำบากมาก คบใครเราก็บอกว่าเราคบ เพราะผมโฟกัสที่งานมากกว่า ยอมรับว่าส่วนตัวเป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้ว ผมว่าทั้งหมดเราอย่ามาปฏิเสธการใช้ชีวิตของตัวเองเลย เรารับผิดชอบมากกว่า ถ้าผมอยู่กับน้องแตน ผมไม่ดื่มเลยนะ ปกติผมดื่มเบียร์ ผมไม่ดื่มเลยเพราะน้องไม่ให้ดื่ม หลังพอเราไม่ดื่มเพื่อนก็เริ่มที่จะถอยออกมา มันก็มีบ้าง ผมมองว่าเรื่องเจ้าชู้ถ้าผมอยู่แบบเป็นจริงเป็นจังผมก็เลิกได้ แต่พอเรามีความรู้สึกว่าความลับที่อยู่ภายในครอบครัวไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีครอบครัวก็ไม่เคยนอกใจ ไปไหนค่อนข้างจะติดกับแตนตลอด ไม่ว่าถ่ายรายการหรือถ่ายอะไรก็แล้วแต่ก็จะไปด้วยกันตลอด หลังๆ พอเริ่มมีปัญหามีอะไรอึดอัดใจก็คุยกับเพื่อนบ้าง เริ่มคุยกับคนอื่นบ้าง เชื่อว่าสองคนเวลาใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกันมันก็จะมีคำมั่นสัญญาที่ให้ต่อกัน พอทุกอย่างโอเคคำมั่นสัญญาก็ยังคงที่ แต่ถ้ารู้สึกเริ่มอึดอัดใจก็ต้องหาทางระบายออกไป ก็เป็นเรื่องธรรมดา
ส่วนที่เคยนอกใจไหม ยืนยันช่วงที่เป็นสามีภรรยากันไม่เคย แล้วก็อีกสิ่งหนึ่ง ข้อความต่างๆ ที่เขาโพสต์หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสื่ออะไรต่างๆ ที่เขาพูดว่าจับผมได้มาหลายครั้ง โดยนิสัยของแตนเขาเป็นคนที่รับไม่ได้เรื่องพวกนี้ แตนคงไม่ทนมาหลายครั้ง เพราะเขาเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว หรือถ้าจับได้ว่ามีใครเขาก็ไม่เอาอยู่แล้วจบเป็นจบ ก็มีครั้งนี้ที่แรงสุดจนถึงขั้นรับไม่ได้ ส่วนตัวรู้สึกเสียดาย เพราะเขาเป็นคนขยันตั้งใจทำงาน ช่วงที่อยู่กับเราก็ถือว่าโอเค ถือว่าดีมากๆ อยากจะบอกว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น สิ่งที่เลวร้าย คือเราลืมไปหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยๆ ผมก็พิสูจน์ให้เห็นว่าผมกับคุณแจมมี่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้คบกันเป็นแฟน อยากบอกน้องว่าถ้าเกิดว่ามันทำให้เขารู้สึกว่ามันเลวร้าย ผมไม่ดีก็ขอโทษ เพราะว่าช่วงนั้นผมไม่ได้ตอบหรือพูดอะไรไป แค่ผมไอก็โดนด่าแล้ว ก็เลยต้องเงียบ ก็ขอโทษพี่ๆ สื่อมวลชนทั้งหลาย ที่พยายามให้ผมออกมาอธิบาย ตอนนั้นทราบดีว่าอธิบายมันน่าจะแย่ แต่ก็โอเคจังหวะดีๆ ก็มานั่งคุยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีใครมาอยู่ด้วยกันด้วยความที่ไม่รักกัน ก็รักกัน พอถึงจุดๆ หนึ่งควรจะเดินจากกันด้วยสิ่งดีๆ
ตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกันเลย แม้กระทั่งเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นของน้องล่าสุดผมก็พยายามที่จะคุย แต่ก็ไม่รู้จะคุยยังไง แบบไหน ที่ข่าวมันเกิดขึ้น ก็ได้แต่คุยกับอีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นลูกน้องผมเอง ผมก็บอกว่าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ขอให้ยึดมั่นในสิ่งที่มันถูกต้องที่สุด เพราะว่าเราคนดนตรีด้วยกัน วันที่หย่าก็เป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอกัน ผมห่วงใยนะ เพราะว่าเวลาแตนรักใครเขามีความรักให้คนที่รักอย่างเต็มที่ด้วยความจริงใจและจริงจัง แล้วก็กลัวความผิดหวังของเขา