ของจริงไม่มีเตี๊ยม “เจนี่” เล่าวินาทีเซย์เยส พร้อมใช้ชีวิตคู่ “มิกกี้”

ของจริงไม่มีเตี๊ยม “เจนี่” เล่าวินาทีเซย์เยส พร้อมใช้ชีวิตคู่ “มิกกี้”

           ออกมาให้สัมภาษณ์กันแล้ว สำหรับว่าที่เจ้าสาว “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” หลังจากที่หวานใจ “มิกกี้ นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” คุกเข่าขอแต่งงานหวานที่อเมริกา จนหลายๆ คนอยากจะฟังจากปากเจ้าตัวกันเต็มทีถึงเซอร์ไพรส์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือเรื่องงานแต่งช่วยปลายปีออกมาหนึ่งระลอก โดยสาว “เจนี่” บินกลับไทยปุ๊ป ทัพนักข่าวก็ขอจ่อไมค์สัมภาษณ์ทันที โดยเจ้าตัวเผยถึงเหตุการณ์ต่างๆ และการเตรียมตัวต่อจากนี้ว่า

           เรื่องภาพขอแต่งงานที่ออกมาก็เป็นอย่างในภาพ บรรยากาศวันนั้น จริงๆ เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ได้มานั่งประดิษฐ์ เป็นไปตามความรู้สึกจริงๆ เราไม่รู้ตัวมาก่อนเลย เพราะถ้ารู้ตัวก็คงแต่งหน้า ไม่ใส่รองเท้าแตะ ตอนนั้นเราไปทะเลกัน ส่วนจำอะไรได้บ้าง ตอนนั้นหูอื้อมาก ตอนนั้น “เจนี่” ปวดท้องอึ เราก็กำลังจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เขาก็บอกว่า “ดูดอกไม้ซิ” เราก็ตอบว่า “ดูทำไม ของคนอื่นเขา อย่าไปยุ่ง” แต่เราก็จะไม่ไหวแล้ว ปวดท้องมาก แล้วเขาก็คุกเข่าลงไป ตอนนั้นเราก็หูอื้อแล้ว

           ส่วนที่ “นานา” บอกว่าเตี๊ยมไว้ ก็คือเขาเตี๊ยมกันตั้งแต่กรุงเทพฯ ทั้งแก๊งเลย ทั้งเพื่อนที่อเมริกาและที่ไทย แต่เราไม่ได้คิด และก็ไม่อยากคาดหวังเข้าข้างตัวเองว่ามันจะต้องมีอะไร เพราะว่าทริปนี้วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าปกติในปีนึงเราจะมาอเมริกาอยู่แล้ว ตอนนั้นเราก็ซึ้งและก็อะไรหลายๆ อย่าง เราก็ตกลง

           สิ่งที่เค้ามอบให้วันนั้นก็เป็นดอกไม้และก็เป็นแหวนปกติ หลังจากตอบตกลงไปมีคุยอะไรบ้าง ต้องบอกก่อนว่าที่เราตัดสินใจไม่ใช่แค่ “มิกกี้” คนเดียว เพราะว่าอย่างที่ทราบมาความรักของ “เจนี่” มันก็ไม่ได้สวยงาม เพราะฉะนั้นการที่เราจะตัดสินใจใช้ชีวิตกับใครสักคน มันก็เป็นอะไรที่ลำบากใจเพราะว่ามันก็ชีวิตของเราทั้งชีวิต ส่วนนึงที่ตัดสินใจครั้งนี้เพราะว่าคุณแม่ของ “มิกกี้” ได้มีการพูดคุย คุณแม่ก็มีคุยไว้ก่อนที่ “มิกกี้” จะมาขอ “เจนี่” ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจและก็ปลอดภัยทางความรู้สึกมากกว่าคำว่าแฟน คือคำว่า “คุณแม่” และก็รู้สึกว่าความรักจากคุณแม่ครบ มันเป็นความเข้าใจและก็อบอุ่นและเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขา เพราะว่าตัวเราเองก็ไม่อยากจะมีปัญหาอะไร อย่างอดีตที่จะมาทำร้ายปัจจุบัน

           ส่วนของ “มิกกี้” มาสร้างความมั่นใจให้กับเรา เอาจริงๆ แล้ว คุณแม่มีส่วนสร้างความมั่นใจมากกว่า เพราะว่าเป็นส่งที่สำคัญมาก ความรักจากครอบครัวของเขา “มิกกี้” ให้ความรักเรามาอย่างไร นั่นมันคือความรักจากสิ่งที่คุณแม่ของเขาให้มา

           ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวออกมาว่าจะแต่งช่วงตุลาคมนั้น ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเราไม่อยากพูด แต่เราก็ต้องระวัง อยากให้มันเกิดก่อน เราเชิญพี่ๆ แน่นอน ส่วนฤกษ์ก็มาจากพระและก็ได้ฤกษ์มาเรียบร้อยแล้วสำหรับคุณพ่อคุณแม่ของเรานั้น คุณแม่ของ “มิกกี้” เขาได้มาคุยกับทางเราแล้ว ทุกอย่างมันอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ มันไม่ได้เกิดจากความรักของเรา 2 คนเท่านั้น แต่มันกิดจากความรักของครอบครัว “มิกกี้” และก็ทางคุณแม่ของ “เจนี่”

           ด้านทายาทก็ต้องดูอีกที เราก็มีคุยกันบ้าง เราก็มีอุ้มหลานก็อยากมีเป็นของตัวเอง ก็จะพยายาม เพราะว่ามันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น

           ส่วนที่คนมองว่าใช้เวลาน้อยไป เรามองว่าชีวิตคู่เป็นเรื่องของคน 2 คน บางคนคบกัน 2 เดือนแล้วแต่งก็มี อยากให้มองว่าเรื่องของความผูกพัน คุยภาษาเดียวกัน มองตากันก็รู้ใจ ส่วนอายุที่แตกต่างกัน “เจนี่” เองก็คิดว่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับชีวิต คิดว่าคนที่อายุน้อยกว่าจะมีความคิดหรือว่าประสบการณ์ชีวิตที่ไม่เท่ากับเราหรือเปล่า แต่กลายเป็นว่า “มิกกี้” เขาโตกว่า “เจนี่” เขาคิดอะไรที่เป็นแบบแผนและคิดอะไรเป็นระบบ เราก็เลยไม่ห่วงอะไร

           ด้านความคาดหวัง เราไม่อยากคาดหวังอะไร จริงๆ เราเป็นคนที่ชิล อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพียงแต่ว่าเราทำวันนี้ให้มีความสุข ไม่เดือดร้อนใครก็พอ ส่วนต้องปรับจูนอะไรไหม อาจจะเป็นเพราะเราทั้งคู่เกิดและโตที่อเมริกา เลยทำให้เราคุยภาษาเดียวกัน มีความคิดหลายๆ อย่างที่ตรงกัน

           ส่วนเรื่องการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวก็มีเพื่อนๆ ช่วย แต่เราก็อยากให้เรียบง่ายที่สุด ไม่เวอร์ เราชอบอะไรง่ายๆ ตามสไตล์ ไม่ชอบอะไรเยอะๆ ตอนนี้ก็เริ่มเตรียมงานบ้างแล้ว ส่วนเรื่องชวนแขกก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ ส่วนเรื่องปิดเกาะสมุยก่อนหน้านี้ก็รอให้ถึงวันนั้นก่อน เรื่องฤกษ์ก็เดี๋ยวได้รู้กันแน่นอน

           เรื่องการจดทะเบียนสมรสก็รอให้ถึงก่อน เพราะอะไรที่เกิดก็อยากจะบอกวันนั้น ไม่ใช่ไม่อยากบอกแต่อะไร แต่อะไรที่ยังไม่เกิดเราก็ไม่อยากพูด เพราะก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แหวนวันนี้เราไม่ได้ใส่มา เขิน