"แคนดี้ รากแก่น" เปิดใจหลังประกาศขอรับ "โค้ชเอก" เป็นบุตรบุญธรรม
เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเมื่อมีข่าวออกมาว่า สาว "แคนดี้ รากแก่น" จะขอรับ "โค้ชเอก" เป็นบุตรบุญธรรม จากการที่เจ้าตัวได้มีการออกมาโพสต์ผ่านทางไอจีถึง "โค้ชเอก" เมื่อมีโอกาสเจอสาว “แคนดี้” ก็สอบถามถึงประเด็นนี้สักหน่อย
ประเด็นรับ "โค้ชเอก" เป็นลูกบุญธรรม เริ่มต้นจากเราติดตามข่าวสาร เหมือนรักเขาเอ็นดูเขา ไม่ใช่แค่ "โค้ชเอก" หมายถึงน้องๆ หมูป่าทั้ง 13 คน เป็นห่วงและรักเขา จนมีกระแสดราม่าออกมาว่า "โค้ชเอก" ไม่มีใครไปรับที่หน้าถ้ำ เราเลยอาสาตัวเองถ้า "โค้ชเอก" ไม่มีคนไปรับ แม่ดี้จะไปรับเอง เริ่มต้นจากตรงนี้ว่าจะไปรับ "โค้ชเอก" ที่หน้าถ้ำ เราไม่ได้บอกว่าจะรับเป็นบุตรบุญธรรม แต่หลังๆ มีกระแสข่าวออกมาว่าเราจะรับ "โค้ชเอก" เป็นบุตรบุญธรรมหรือเปล่า ถ้าโอกาสมีตนก็ยินดี เป็นพี่บุญธรรมก็ได้ ด้วยอายุยังไม่ถึง การที่เราจะส่งเสริมใครสักคนที่เป็นคนดี สังคมไทยเราควรให้การส่งเสริม เขาไม่ได้โอกาสเพราะติดในถ้ำ แต่ให้โอกาสเขาเพราะว่าเขาเป็นคนดีตั้งแต่ก่อนจะเข้าถ้ำ แล้วพอไปอยู่ในถ้ำเจอสภาวะที่กดดัน ถ้าเป็นเราก็ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไร แต่โค้ชนำพาทั้ง 12 คนเอาชีวิตรอดได้ รู้สึกภาคภูมิใจในตัวโค้ช มีข่าวออกไปหลายคนเห็นว่าเราเอ็นดู จนกระทั่งตอนหลังได้มีการพูดคุยกับ “พี่บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” และ “พี่เอกชัย ศรีวิชัย” คุยกันเป็นตุเป็นตะเลย บอกว่าถ้าเรามีโอกาสเราจะรับโค้ช พี่เอกชัยเป็นพ่อบุญธรรม พี่บุ๋มเป็นป้าบุญธรรม แคนดี้เป็นพี่บุญธรรม จะช่วยกันดูแลและให้โอกาสโค้ชเอกไปแบบนี้ คุยกันเองหมดเลยนะ ยังไม่ถึงโค้ชเอกเลย โค้ชเอกยังไม่ออกมาเลยเราคุยกันแล้ว ก็เลยยังให้คำตอบอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามโค้ชเอกออกมาแล้วต้องการรับการช่วยเหลือ หรือว่าให้เราช่วยอะไรได้บ้างก็ยินดี รวมถึงน้องๆ ทั้ง 12 คนด้วย
จะมีการไปรับที่หน้าถ้ำไหม คงไม่มีโอกาสแล้ว เพราะว่าภารกิจเรื่องของการพาน้องๆ ออกมาน่าจะเสร็จสิ้นภายในวันนี้แล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือเราจะไม่ไปกวนการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว แต่ถามว่าหลังจากนี้จะไปไหม ถ้ามีโอกาสไปแน่นอน แล้วทุกคนก็เชียร์เรามาก เพราะว่าเขารู้ว่าเรารักและเป็นห่วงจริงๆ คุยไว้เหมือนกันว่าจะไป แต่ต้องรอน้องๆ หายดีก่อน รอเสร็จสิ้นทุกอย่าง สัญญาว่าจะไม่ไปกวนใคร เราแค่ไปให้กำลังใจ ไปทำหน้าที่แม่มโน ได้มีการติดต่อไปบ้างไหม ก็มีการติดต่อไปบ้างแล้วแต่ยังไม่ขอเปิดเผย รอให้มีการตอบรับ หรือว่ามีโอกาสจริงๆ ตอนนั้นเดี๋ยวจะบอกแน่นอน เพราะเรายังไม่กล้าออกตัว รอจนกว่าเด็กๆ ออกมา คอยดูว่าเขาต้องการอะไรดีกว่า เชื่อว่าสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือครอบครัวของเขาจริงๆ ขาดเหลืออะไรค่อยเป็นหน้าที่ของเราดีกว่า
ติดตามข่าวสารวันแรกๆ เลยใช่ไหม วันแรกวันที่สองติดตามเหมือนคนอื่นเลย คือติดตามเฉยๆ ติดถ้ำเดี๋ยวก็คงออกมั้ง พอวันที่สามเริ่มรู้สึกเป็นเรื่องใหญ่ เริ่มมีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ ภาพที่ผู้ปกครองเด็กไปตะโกนหน้าถ้ำมันจุกในใจ รู้สึกว่าถ้าเป็นลูกเราล่ะ เขาเป็นเด็ก อายุเท่าหลานเราเลย 11 ขวบต่ำสุด เลยเป็นห่วงมาก ติดตามข่าวตลอดเวลาไม่เป็นอันทำงาน กลายเป็นว่าเราเป็นห่วงหนักมาก ติดตามมาจนกระทั่งนักดำน้ำเจอ หลายคนก็โทรมาบอกว่าเจอแล้ว จนถึงวันนี้จะออกจากถ้ำทุกคนก็ยังโทร กลายเป็นอินไปกับเรา ก็รู้สึกว่าเราเป็นห่วงเป็นใยเขาจริงๆ หลังจากที่ทุกคนปลอดภัยหน้าที่การตามข่าวสารลดลงทันที ถือว่าหมดหน้าที่แล้ว เอาไว้ถึงวันหนึ่งมีโอกาส คงมีหน้าที่กลับมาอีกรอบหนึ่ง วันที่จะพาน้องๆ ที่เหลือออกมา ตื่นเต้นมากทุกวินาที ไม่เป็นอันทำงานเลย เพราะว่าคอยติดตามข่าวสารตลอด แต่ข่าวที่ออกมามีจริงบ้างไม่จริงบ้าง ก็เลือกเสพสื่อที่มั่นใจได้ เพื่อที่จะบอกต่อไป ลุ้นมาก ตอนเจอว่ายากแล้ว เอาออกมายากกว่า มาทีละคนแล้วที่เหลือจะเป็นยังไง ออกมายังไม่ครบก็ยังกังวลอยู่ มีดราม่าโค้ชเอกว่าพาน้องๆ ไปติดถ้ำ คนเรามีสิทธิ์ที่จะคิดได้ เพราะคนเป็นพ่อเป็นแม่มักจะหาเหตุ บังเอิญว่าโค้ชเอกเป็นผู้ใหญ่สุดที่พาเข้าไป แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือภัยธรรมชาติ สุดท้ายเชื่อว่าทุกคนเข้าใจ จะตามข่าวสารดีๆ คุณจะรู้ว่าโค้ชเอกไม่ได้เป็นคนพาน้องไปติด มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่มันเป็นภัยธรรมชาติ ตอนหลังดราม่าเรื่องนี้น่าจะลดลงแล้วบ้าง ทุกคนก็เข้าใจมากขึ้น กลายเป็นว่าไม่ใช่แค่คนไทยที่ยกย่องสิ่งที่โค้ชเอกทำในถ้ำ กลายเป็นว่าทั้งญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ หลายประเทศยกย่องสิ่งที่โค้ชเอกปฏิบัติ เขาไม่ได้มองว่าก่อนหน้านี้คุณพาเด็กๆ เข้าไป พาเด็กๆ อยู่รอดได้อย่างไร นั่งสมาธิ คุณรู้ได้ยังไงว่าห้ามกินน้ำในถ้ำต้องกินน้ำในหิน คือคนที่มีสติจริงๆ เขาถึงได้ยกย่อง เป็นสิ่งที่เราอยากจะตอบแทนในสิ่งที่เขาช่วยเหลือชีวิตน้องๆ ด้วย ถ้าเป็นเราอาจจะเป็นอะไรไปกลางทาง อยากจะให้ทุกคนมองในมุมที่ว่าวันนี้เราทุกคนช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ ช่วยกันทำจนประสบความสำเร็จ แม้จะมีการสูญเสียบาดเจ็บบ้าง แต่เชื่อว่าจ่าแซมที่เสียสละชีวิตตัวเองไปนั้น วันนี้ท่านเองก็คงมองพวกเราประสบความสำเร็จดั่งที่จ่าแซมตั้งใจ ท่านเป็นผู้เสียสละ ท่านก็จะเป็นวีรบุรุษในใจเราตลอดไปรวมถึงเด็กๆ เห็นพี่ๆ ปฏิบัติหน้าที่เพื่อตนเอง ช่วยเหลือเต็มที่ เสียสละแรงกายแรงใจ เสียสละทั้งชีวิตให้หนูแล้ว แม่ดี้และทุกคนก็เฝ้ารอให้เติบโตเป็นคนดีให้คุ้มกับที่ทุกคนตั้งใจทำเพื่อลูกๆ ประสบการณ์ในครั้งนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตเขา เชื่อว่าเราอาจจะได้วีรบุรุษเพิ่มขึ้นมาอีก 13 คน คือสิ่งที่เราคาดหวัง
