“แพท ณปภา” ยังไม่ชินเรียก “พี่เชษฐ์” ว่า “พ่อ” รับอยากเจอแม่
ทำเอาช็อกวงการและเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมากหลังจาก “แพท ณปภา ตันตระกูล” ออกมาเผยความจริงว่าแม่ที่นอนป่วยเป็นอัลไซเมอร์ที่ตนดูแลอยู่ไม่ใช่แม่ที่แท้จริงและตนได้เป็นลูกของลูกชายคนโตของแม่ อย่าง “พี่เชษฐ์ เชษฐา ตันตระกูล” ซึ่งเมื่อเรื่องทุกอย่างปรากฏขึ้นก็ไม่รู้จะโล่งขนาดไหนพร้อมแจงเหตุไม่ชินกับการเรียก “พี่เชษฐ์ เชษฐา” ว่า “คุณพ่อ” ให้ฟัง
จริงๆ ก็ไม่ได้คาดหวังฟีดแบ็คจากคนภายนอกว่าจะต้องมาสงสารหรืออวยพร แต่ที่พูดก็ทำเพื่อลูกอย่าง “น้องเรซซิ่ง” และคุณพ่อแท้ๆ ด้วย ก่อนหน้านี้มีคิดตลอดตั้งแต่คุณแม่ป่วยหนักแต่ที่ชัดเจนอยากบอกคือตอนมีลูก มีความคิดว่าต้องสอนเขายังไงสอนเหมือนที่เคยเจอมา หรือสอนเรื่องจริงก็คิดว่าสอนเรื่องจริงดีกว่า โดยก่อนหน้านี้มีคนถามว่าทำไมให้ “น้องเรซซิ่ง” เรียกคุณยายว่าทวดก็มีคนสงสัยตลอด ถ้าสอนให้เรียกคุณพ่อว่าตาอีกจะไปกันใหญ่ เพราะคุณตาท่านได้เสียชีวิตไปแล้วเลยขอเปิดเผยดีกว่า ซึ่งตอนนี้คุณพ่อท่านก็กลับมาอยู่กับตนได้ 7-8 เดือนแล้ว ก็อยากทำอะไรให้ท่านโอเค และเรียกว่าพี่ แต่ลึกๆ เขาอยากให้เรียกพ่ออยู่ดี รับยังไม่ชินเรียกพ่อเต็มปาก ก็คุยกันแล้ว ที่ผ่านมาไม่ได้อยู่กับเขาทำให้ความใกล้ชิดน้อยจะให้เรียกก็มีอึกอักแต่ในความรู้สึกลึกๆ เขาคือพ่อ แค่ขออนุญาตเรียกพี่ขำๆ เขาก็โอเค เพราะเขาจะได้ดูเด็ก ยันไม่ได้จ้างให้ใครมาเป็นพ่อจริงๆ แม้หน้าเขาจะดูเด็กและหน้าไม่ค่อยเหมือนตนสักเท่าไหร่ด้วยย้ำชัดเป็นคุณพ่อจริงๆ ทั้งนี้รู้สึกสบายใจมากหลังจากเปิดตัวไป วันที่ตัดสินใจก็บอกกับเขาเหมือนกัน พร้อมแจงเรื่องของเรื่องมาจาก “ก็อต จิรายุ ตันตระกูล” ที่ได้มาออกรายการตี 10 ซึ่งเขาจะรู้ความจริงตั้งแต่แรก พอทีมงานให้เขียนผังครอบครัวและญาติปรากฏคนละเรื่องเลย ก็เลยให้เขาพูดเรื่องของตัวเองไปเรื่องตนจะพูดเอง
ส่วนเลือกที่จะปิดไว้นานมากนั้นก็รู้ตอนอายุ 20 ปีเหมือนกัน และคุณแม่กลัวคนที่รู้แล้วพูดหวั่นตนจะไม่รักเขากลัวสิ่งที่ทุ่มเทให้ 20 ปีสูญไป เพราะเพียงแค่เขาไม่ใช่แม่แท้ๆ เลยไม่อยากให้บอกใครตนก็รับปาก ก็เข้าใจบางคนถ้าเจอแบบนี้อาจจะไม่รักหนีออกจากบ้านไปเลย ก็สัญญากับเขาไว้แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องเปิดเผยจะมาเก็บไว้ไม่ได้ โดยตอนนี้กำลังปรับตัวเรื่องความผูกพันกับคุณพ่ออยู่ ซึ่งที่ผ่านมาตนเลี้ยงตัวเองมานานไม่มีเขา และถูกสอนให้พึ่งตัวเอง และเรียกเขาพี่ตลอดไม่ง่ายที่จะปรับทีเดียว ก็เข้าใจเขาทำงานกลับมาเมืองไทยนานๆ ที และเขามีครอบครัวใหม่และมีลูกด้วย ซึ่งตนก็มีน้องอีกคนหนึ่งเป็นลูกครึ่งรัสเซีย เรื่องที่เกิดขึ้นต้องให้เวลาที่ตนจะต้องดูแลอีก 1 คน ซึ่งเรื่องที่ฟ้องร้องกันก่อนหน้านี้ก็เป็นคุณปู่ไม่ใช่คุณพ่อคนนี้ เพราะในใบเกิดปู่กับย่าเซ็นรับซึ่งเขายกให้ตั้งแต่คลอด บอกไม่มีน้อยใจใครเลย ลึกๆ ขอบคุณที่เรื่องเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ เพราะถ้าไม่ใช่ไม่รู้จะมาถึงวันนี้หรือเปล่า ซึ่งคุณยายท่านเลี้ยงตนดีมากจะเรียนอะไรก็ให้เรียน สำหรับคุณแม่ตัวจริงคุณพ่อบอกว่าก็ไม่ได้อยู่ไหนไกล
ถ้าอยากเจอก็ให้บอกเขาคาดท่านน่าจะติดต่อคุณแม่อยู่ เท่าที่ทราบคุณแม่จริงท่านก็มีครอบครัวใหม่แล้ว รับถ้ามีโอกาสก็อยากเจอ เพราะไม่เคยเห็นหน้าเลย พยายามถามคุณพ่อว่าเหมือนคุณแม่ตรงไหน ท่านก็บอกมีหลายส่วน แต่ลึกๆ ถ้าเจอก็ไม่รู้จะพูดกับท่านยังไง และอยากเห็นหน้าว่าสวยเหมือนตนหรือเปล่า ซึ่งคุณแม่จริงท่านก็เคยมาหา 2-3 ครั้งแล้วแต่รู้ว่าตนไม่อยู่ก็กลับ และยินดีให้มาหา เพราะเขารู้ว่าตนอยู่ที่เดิมไม่เคยย้ายไปไหน