เปิดประวัติเส้นทางก่อนจะดัง “อ๊อฟ ศุภณัฐ” กับผลงาน 14 ปีในวงการบันเทิง
แจ้งเกิดเป็นศิลปินประดับวงการบันเทิงมานานถึง 14 ปี สำหรับนักร้องหนุ่มเสียงดีหน้าทะเล้น เจ้าของฉายา “กระรอกน้อย” หรือ “อ๊อฟ ศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ” ที่มีผลงานให้แฟนๆ ได้ติดตามกันมากมาย ทั้งละคร ภาพยนตร์ วันนี้ “ดาราเดลี่” จะพาไปย้อนวันวาน พร้อมเปิดประวัติเส้นทางการทำงานในวงการบันเทิงของหนุ่ม “อ๊อฟ” กัน
เล่าถึงชีวิตในวัยเด็ก ตอนเด็กจะเป็นคนสองบุคลิกอยู่บ้านจะเงียบไม่มีเพื่อน อยู่ที่อื่นจะซนมาก จะทำวีรกรรมเยอะแยะในโรงเรียนเหมือนกัน มีโดดเรียนบ้าง และก็ชอบซิ่งมอเตอร์ไซค์ ทุกวันไม่ซิ่งไม่ใช่เรา มันเก็บกดเพราะว่าไม่มีเพื่อน ก็จะอาศัยว่ามีมอเตอร์ไซค์เป็นเพื่อนกลับถึงบ้านปุ๊บก็สตาร์ทไปลองรถเลย แล้วก็ชอบเที่ยว มาเรียนสาย บอกพ่อแม่ว่าไปเรียนพิเศษ แต่เราแอบไปร้องเพลง แต่ก็ถือว่าเป็นวีรกรรม เพราะทะเลาะกับคุณพ่อบ่อยมาก แม่จะคอยรับหน้าให้ แต่เราก็มีความฝันด้วยคืออยากเป็นนักร้องมากๆ เรามาเจอความฝันของตนเองจากคุณแม่ เพราะเขาจะเป็นเจ๊ดัน ส่งให้เราไปเรียนร้องเพลงบ้าง เรียนอิเล็กทรอนิกส์ อิเล็กโทนบ้าง เรารู้สึกชอบและสนใจทางนี้ แล้วหลังจากนั้นก็ประกวดมาเรื่อยๆ แพ้บ้าง ชนะบ้าง เคยได้นักร้องเพลงร็อกประจำจังหวัดชัยนาทด้วย แต่ก็มาพลิกผันเป็นลูกทุ่ง เพราะว่าตอนที่เราอายุ 18 ปี ลูกทุ่งกำลังฮิตมากในจังหวัดชัยนาท ตอนนั้นสตริงยังไม่ค่อยมีความสนใจสักเท่าไหร่ ทางโรงเรียนไม่จัดประกวดสตริงเลย ก็เลยทำให้เราประกวดลูกทุ่งแบบกล้าๆ กลัวๆ แต่พอประกวดปุ๊บกลับได้ที่หนึ่งในครั้งแรกเลย ก็กลายเป็นจุดประกายว่า ก็ดีเหมือนกันนะแนวนี้ พอจบจาก ม.6 ก็เข้ามหาวิทยาลัย ก็มีการประกวดเอเอฟ เพื่อนก็ลากมาประกวด ถ้าไม่ได้เพื่อนกลุ่มนักร้องที่เคยประกวดด้วยกันมาก็คงไม่มีวันนี้ ช่วงนั้นมีความรู้สึกไม่อยากประกวด แต่เป็นเพราะเพื่อนบอกว่าถ้าเราไม่มาเราต้องเลิกคบกัน เพราะเพื่อนๆ ในกลุ่มทุกคนไปสมัครหมดเลยโดยที่ไม่คิดอะไรว่าจะได้หรือไม่ได้ วันนั้นก็เลยต้องมา แถมวันนั้นก็มาสาย ก็มาในเวลาที่เขาปิดรับสมัครแล้ว เพื่อนก็เลยหยิบใบสมัครมาให้เราบอกว่า หยิบมาให้แล้ว กรอกให้เราพร้อมเลย ก็เดินเข้าออดิชั่นไปเลย ผมก็ทำเต็มที่ที่สุดเลยตอนนั้น
ส่วนความคาดหวัง ณ ตอนนั้น ไม่มีความคาดหวังเลย แต่เราเป็นคนที่รู้ตัวเองอยู่แล้ว เริ่มประกวดมาเยอะแล้วหลายที่ เราแค่รู้สึกว่าได้กับไม่ได้ 2 คำตอบนี้ไม่สำคัญ เรารู้แค่ว่าระหว่างตอนประกวดเรารู้สึกภูมิใจไหม และผลปรากฏภูมิใจมาก กรรมการชอบใจ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าได้หรือเปล่า ไม่นานก็มีทีมงานโทรไปบอกว่า เราติดนะ ก็เข้ามาอยู่ในบ้านอะคาเดมี่ แฟนเทเชีย อยู่ 3 เดือน ซึ่งมันเป็นอะไรที่ทรมานด้วยความที่เราเป็นคนติดบ้าน ไม่เคยออกไปไหนเลย ร้องไห้ทุกวัน มีกรอบรูปครอบครัวอยู่ เราลูบทุกวันน้ำตาหยด หลังๆ ก็เลยต้องคิดว่าตัวเองต้องสู้ หลังๆ เริ่มสนุก แต่ก็มีอุปสรรคอยู่บ้าง เรื่องของสุขภาพ เวลาไม่สบายเราจะเป็นอยู่นาน แต่ในสัปดาห์นั้นเราได้เพลงเศร้าพอดี เลยทำให้เราผ่านมาได้
ในที่สุดก็ได้เป็นแชมป์มาครอง มันเกินฝันของเรามากๆ มันมาจากการที่เราไม่หวังอะไรเลย มาถึงจุดที่คนรู้จักทั้งประเทศ เราออกจากบ้านมาไม่เห็นอะไรเลย รู้แค่ว่าหน้าเวที มีคนดู คงจะเป็นบรรยากาศเหมือนตอนที่เราประกวดตอนต่างจังหวัด ปรากฏว่ามีสิ่งที่เซอร์ไพรส์ปรากฏหลายอย่าง คืนแรกที่ได้แชมป์คือนอนไม่หลับ เหมือนมีคนมาตะโกนตรงหู แล้วได้ยินเสียงเฮทั้งคืน มันคงเป็นอาการที่ตื้นตัน ดีใจมาก สิ่งที่สองคือพอก้าวออกจากบ้านเอเอฟ คิดว่าเราคงต้องไปพบคุณพ่อและคุณแม่เท่านั้นเอง หลังจากนั้นคุณพ่อพาใครมาก็ไม่รู้เยอะมากเป็นร้อยคน พ่อบอกกอดเลย เราก็งง ก็ถามว่าเป็นใคร เราไม่รู้จักเลย พ่อก็บอกว่าเป็นแฟนคลับ เราก็ยิ้ม มีฉายา “กระรอกน้อย” ด้วยตอนนั้น ทุกคนเรียกกระรอกน้อยกันหมดเลย จนมาถึงวันนี้ก็ 10 กว่าปีแล้ว เพราะว่าเราเป็นคนสนุกสนานเฮฮา แล้วก็อยู่บนเวทีก็จะมีความบ้าๆ เยอะ สนุกสนานเต็มที่กับสิ่งที่ทำอยู่ ก็เลยได้ฉายา “กระรอกน้อยแสนกล”
กว่าจะโด่งดังมาถึงทุกวันนี้ ก็ต้องปรับตัวใช้เวลา 4-5 ปี ค่อนข้างช้า ถ้าเปรียบกับเพื่อนหลายๆ คน ก็ต้องรู้ตัวเองแล้วว่าวันนี้เราเป็นคนในที่สว่างแล้วนะ เราก็ยังคงมีความเป็นบ้านๆ อยู่ จากนั้นก็เจอพี่ๆ สื่อมวลชน เจอแฟนเพลง ออกคอนเสิร์ตทุกวัน ก็เลยต้องใช้เวลาในการเรียนรู้หน้างานมาตลอด 4-5 ปี กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ยากพอสมควร
สำหรับไอดอลในวงการ มีพี่ “เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์” ในเรื่องของการร้องเราจะไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ เราชินกับการฝึกร้องคนเดียว เราก็เลยฝึกเองได้ แต่เรื่องที่เราต้องศึกษาเพิ่มก็คือการเอ็นเตอร์เทน แล้วยิ่งเราได้ชื่อว่าเป็นคนเอ็นเตอร์เทนค่อนข้างดี มาตั้งแต่เริ่มประกวดแล้ว ก็เลยต้องฝึกฝนจากคลิป และวีซีดีบ้าง จากพี่ “เบิร์ด” เวลาอยู่บนเวทีเขาเล่นกับแฟนคลับยังไง หรือมอบความสุขยังไงตลอด 2-3 ชั่วโมง หรือพี่ “ก๊อท จักรพันธ์” ก็จะสังเกตและดูว่าพี่เขาเล่นยังไง แต่ก็มีหลายๆ แขนงที่เราศึกษามา
ตลอดเวลา 14 ปี สิ่งที่อยากจะทำแต่ยังไม่มีเวลาทำ คือมองไปถึงธุรกิจสายบันเทิง ที่ผ่านๆ มาเราก็ทดลองทำแบบเล็กๆ ก็เลยนับวันรออยู่ว่าเมื่อไหร่เราจะถึงขั้นเป็นเปิดบริษัท มีอาคารอะไรเป็นของตนเอง คือเราอยากแล้วก็กำลังศึกษาอยู่ อยากทำมากว่าการจัดออร์กาไนซ์ มากกว่าการจัดอีเว้นท์ หรือคอนเสิร์ตอยากทำเอง วิธีรับมือกับกระแสข่าวของตนเอง เราผ่านเรื่องข่าวทั้งดีและไม่ดีของตนเองมาตลอด ช่วง 5 ปีแรกข่าวไม่ดีทั้งนั้นเลย เพราะปากของตัวเอง ด้วยความที่เราเป็นเด็ก เราพูดไม่เป็น พูดแล้วไม่ให้เกียรติคนอื่นอะไรแบบนี้มีเยอะมาก กว่าจะรู้ตัวว่าการอยู่ในวงการเราต้องเป็นกลางนะ เป็นคนดีนะ ด้วยความบ้านๆ ของเราจะพูดไม่ให้เกียรติใคร แบบนี้ กว่าจะปรับตัวได้ก็ต้องรับมือ แต่ตอนนี้ข่าวไม่ดีของเรามีน้อยมาก แต่ถ้ามีก็ใช้วิธีไม่รับสื่อนั่นเอง เลือกรับแต่สิ่งดีนั่นเอง
สุดท้ายฝากขอบคุณแฟนคลับ 14 ปีผ่านมาแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะครบรอบวันเกิดด้วยก็เข้าสู่อายุ 32 ปี มีแฟนคลับ แฟนเพลงที่รู้จัก “อ๊อฟ ศุภณัฐ” บางคนถึงขั้นที่ติดตามมาเป็นแฟนคลับตลอดอย่างเหนียวแน่น ทุกวันนี้ก็ยังไปทุกรายการ แล้วก็ไปเกือบทุกจังหวัด ให้การร่วมมือกับเรามาโดยตลอด กราบขอบคุณด้วย ขอบคุณที่ส่งเสริม และสนับสนุน ทั้งที่รู้บ้าง รู้ไม่ถึงการณ์บ้าง หวังว่าผลงานต่อไปข้างหน้าจากนี้เป็นต้นไปก็ยังคงติดตามกับแบบนี้ตลอด แล้วก็รักกันเหมือนเดิมนะครับ
