"นาวิน ต้าร์" ปลื้มคนเอ็นดู "น้องลูก้า" รับเลือกงานอยากมีเวลาอยู่กับลูก
เนรมิตวันเกิดให้ภรรยาอย่างอลังการในธีมภารตะ สำหรับหนุ่ม “ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล” ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวเลยไม่พลาดที่จะถามเรื่องนี้สักหน่อย รวมไปถึงพัฒนาการของลูกสาวตัวน้อย “น้องลูก้า” ด้วย
สำหรับธีมวันเกิดของน้องเขาชอบธีมนี้ เป็นงานประจำของเขา เขาชอบแบบนี้ ก็เต็มที่ทุกคนคอสตูมเต็ม ใครไม่มีคอสตูมเราก็ซื้อเผื่อไว้ให้ ส่วนของขวัญปีนี้ ก็ง่ายๆ เป็นดอกไม้ช่อใหญ่มาก ขนาดที่เราถือไม่ไหวเลย
ด้านลูกสาวน้อง "ลูก้า" ก็พัฒนาการดี เดินได้แล้ว เมื่อเช้าเพิ่งเห็นเขาวิ่ง ซึ่งอายุแค่ 10 เดือนเอง แต่เขาสามารถกระโดดขาก้าวเดียว ก็รู้สึกว่ามันเร็วไปนิดหนึ่ง ก็ต้องระวังมากๆ เพราะล่าสุดเผลอแป๊บเดียวเขาขึ้นบันไดไปแล้วห้าขั้น หลายคนกรี๊ดกราดกันใหญ่กลัวว่าเขาจะหล่นลงมา เย็นนี้ก็คงจะเอารั้วมากั้นไม่งั้นเขาจะขึ้นไป เป็นอะไรที่เราคลาดสายตาไม่ได้ เราก็สนุกที่ได้ดูเขาเติบโตไปเป็นแบบไหน ตอนนี้เขาก็ทำให้เราประทับใจตลอด ไม่ว่าเรื่องไหนก็รู้สึกว่าทำไมเก่งจังเลย ทุกอย่างดีพัฒนาการก็ดี อาจจะเป็นห่วงเรื่องกิน อยากให้เขากินอาหารให้ครบ เรื่องการกินเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เขาเลือกทานด้วยมันก็ยากนิดหนึ่ง "ลูก้า" นี่แปลกคือกินผักอย่างเดียวเลย เช่น บร็อคโคลี่ คือผู้ใหญ่ยังไม่อยากกินเลยเขาเอามาแทะบ่อยมาก แต่สิ่งที่ไม่ทานจะเป็นเนื้อสัตว์ ของอร่อยๆ ไม่ค่อยกิน จะกินของแปลกๆ เราก็เป็นห่วง เพราะลูก้าชอบอาหารรสจัดที่ไม่ใช่เผ็ดแต่จะเป็นหวานๆ มันๆ เขายังเล็กอยู่
ส่วนที่แฟนๆ ชมน้อง "ลูก้า" ถ่ายแบบน่ารักก็ต้องขอบคุณมาก ตัวผมมองลูกก็รู้สึกว่าไม่เคยเห็นอะไรที่สวยขนาดนี้ ก็ดีใจกับลูกเราด้วยที่คนชอบ ยอมรับว่าเห่อเขามาก เพราะตื่นเต้นกับในทุกๆ สเต็ปของเขา ตอนนี้ก็โตขึ้นไปอีกขั้นแล้ว เริ่มที่จะพูดได้ เรียกป่าป๊าพอได้ เวลาเขาตื่นมาก็จะเล่นบนเตียงพักหนึ่งพอเริ่มเบื่ออยากออกไปข้างนอกเขาก็จะชี้ไปที่ประตูบอกป่ะคำแรก สิบเดือนพูดแล้ว ก็สอนตลอดให้เรียกป่าป๊าม่าม๊าเรียกตายาย ด้านคนที่สองก็อยากมี หลายคนบอกว่าให้ทำต่ออีกสัก 4-5 คน ตอนนี้น้ำหวานก็ยังไม่หยุดปั๊มนมเลย ลูก้ากินนมเก่งมาก อาจจะเป็นเพราะกินนมเก่งเลยอาจจะเบาเรื่องอาหารหน่อย พอหลังจากที่หยุดนมแล้วก็อยากให้คุณแม่เขาพักอีกสักพัก ผมก็พยายามใช้ชีวิตปกติที่ไม่ใช่พ่อแม่ลูกอ่อน เพราะตอนนี้เริ่มรีแลกซ์มากขึ้น เริ่มได้นอน อย่างวันนี้ได้กลับมาทำงานก็ดีเหมือนกันที่ห่างเขามาบ้าง ห่างเพื่อคิดถึงเขา กับเรื่องงานเราก็ต้องดูเรื่องความสำคัญ สมัยก่อนไม่มองเลยว่าเรื่องของความคุ้มค่า มองเรื่องหัวใจอย่างเดียวอยากไปก็ไป ผมชอบผมก็ทำ เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้วต้องดูเรื่องความคุ้มค่า เราจะเอาเวลาที่สำคัญมากไม่ได้ให้ตัวเราเอง สำคัญคือต้องมีเวลาให้ลูก ชีวิตของครอบครัวเราคือสิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าชีวิตของผมเอง
ด้านงานของลูกก้าในวงการก็มีติดต่อมาเรื่อยๆ ถ้าไม่ถูกใจก็ยังไม่รับเล่น ผมก็ไม่ได้อยู่ในพื้นฐานที่ต้องรับงาน เราก็รักษาความเป็นเราไปเรื่อยๆ ถ้าวันหนึ่งมีงานดีๆ ที่เหมาะเข้ามาก็คงจะได้ทำ ไม่เสียดายเพราะไม่เคยยึดเก้าอี้ไหน ไม่เคยเกาะอะไรแน่นมาก เชื่อว่าเราเป็นของจริง เพราะว่าจะทำอะไรเมื่อไหร่ไม่จำเป็นต้องไปยึดติดกับอะไร มันก็ทำได้อยู่แล้ว อยากมีเวลาให้กับลูกและภรรยาเยอะๆ