เปิดใจ “กานต์-เสือ-อีฟ” วางแผนส่ง “เสก” เข้ารพ. หลังเป็นไบโพล่าร์ระยะสุดท้าย

เปิดใจ “กานต์-เสือ-อีฟ” วางแผนส่ง “เสก” เข้ารพ. หลังเป็นไบโพล่าร์ระยะสุดท้าย

           หลังจากที่ออกมาไลฟ์ในเฟซบุ๊ก อย่างต่อเนื่องเกือบ 24 ชั่วโมงหลายๆ วันที่ผ่านมาของร็อกเกอร์ “เสก โลโซ” หรือ “เสกสรร ศุขพิมาย” จนหลายคนเป็นห่วงเรื่องสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของเจ้าตัว ล่าสุดอดีตภรรยา “กานต์ วิภากร” ควงลูกชายคนโตของเจ้าตัวและ “เสก” อย่าง “เสือ เสฏกานต์ ศุขพิมาย” รวมถึงหวานใจของคนปัจจุบันของ “เสก” สาว “อีฟ อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์” มาเปิดเผยถึงภารกิจส่งตัว “เสก” เข้าโรงพยาบาล โดยทั้ง 3 เผยว่า

ทั้ง 3 คนเริ่มต้นคุยเพื่อหาทางรักษาอย่างไร?
           ทาง “กานต์” ได้รับข้อความจากแฟนๆ ว่า “เสก” ไลฟ์ต่อเนื่อง เราก็เลยเข้าไปดูไลฟ์ เขาก็อาการหนักจริง ทาง “อีฟ” ก็ทักไปทางคนรู้จักอีกทางนึง และก็ทักมาทางเรา “กานต์” เลยคุยกับลูกชาย “น้องเสือ” เพื่อหาทางพาเขาไปหาหมอ วันที่จะนำเขาไปโรงพยาบาล สำเร็จได้ยังไง ทาง “อีฟ” เผยว่า มีปัญหาแรกเลยก็คือยามไม่ให้เข้าบ้าน เพราะว่า “พี่เสก” เขาสั่งเอาไว้ 

           ทาง “เสือ” ลูกชายของ “เสก” เผยว่าแผนการแรกเลยคือวันที่ 16 สิงหาคม เราจะวางยาให้เขาหลับ เป็นยาน้ำผสมน้ำอะไรแบบนี้ แต่หมอไม่มียาน้ำ ต้องใช้ยาเม็ดบดเอา มันก็ไม่เวิร์ค มันก็จะออกฤทธิ์ไม่แรงเท่ายาสลบ เราก็สั่งยาสลบมาจากเว็บ ทาง “อีฟ” ไม่อยากวางยา เพราะว่ากลัวอันตราย เขาก็หลับไปและก็ตื่นมาไลฟ์ต่อ เราคิดว่ามาเอาตัวเขาไปตอนที่มีสติดีกว่า

           ผ่านไป 2 วัน เราก็คุยกับนิติและหัวหน้ารปภ. เราเข้าไป 2 ทุ่ม เขาก็ยังไม่ให่เข้า เราก็เลยเปลี่ยนแผน เราก็เลยหลอกว่าจะมีมูลนิธิจะไปบริจาคของขอเข้าไป เขาก็ให้เข้า ก็มี 3 คนเข้าไป ไปเอาตัวเขาก็เลยสามารถล็อกตัวได้ เขาก็ขัดขืน ไม่ยอม แต่พอรู้ว่าสู้ไม่ได้ ก็ยอมไป เขาก็ตกใจที่เข้าไปถึงในบ้าน  ถามว่าก่อนหน้านี้มีบอกไหม ทาง “อีฟ” เผยว่าเราก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ไปหรอก ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นเราที่วางแผน เราก็กำลังจะไปเยี่ยมเขาเย็นนี้

อาการเริ่มแรกเป็นอย่างไร
           ทาง “อีฟ” ที่พักอาศัยอยู่บ้านเดียวกับ “เสก”เผยว่าตั้งแต่ที่เขาเริ่มไลฟ์ติดต่อกัน เบื้องต้นก็ทราบมาอยู่แล้วว่าเขาเป็นไบโพลาร์ ก่อนหน้านี้ไม่หนักอะไร แต่ตอนนี้ที่น่ากลัวคือเขาร้องไห้ผ่านไลฟ์ ถามว่าเรากลัวเขาจะทำร้ายไหม เรากลัวเขาทำร้ายตัวเองมากกว่า เราพูดกับเขาแต่เขาบอกว่ามีแฟนคลับเรียกร้องให้เขาไลฟ์ เรามีลบข้อความบ้างในเครื่องที่มีคนขอรับบริจาค มีคนแอดมาตลอด มาถามว่าตื่นหรือยัง ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งหลับไป เราก็มีลบข้อความ บล็อคบางคน

           ส่วนที่เขาร้องไห้เป็นฟีลเขาที่เขาฟังเพลงและเขาก็ร้องไห้ อาการเป็นมานานหรือยัง ถ้าปกติก็ถ้าเป็นช่วงที่เขาว่างก็จะไลฟ์แต่ไม่ได้หนักขนาดนี้ แต่ที่เป็นเป็นอาการปกติของคนที่เป็นโรคนี้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้รุนแรงอะไร เขาไม่เคยพูดว่าอยากตาย หรืออยากทำร้ายร่างกาย  

           ถามว่าเรากลัวไหมว่าเขาจะมาทำร้ายเรา เราก็ศึกษาข้อมูลดูบ้าง ว่าต้องทำอะไรยังไงกับคนที่มีอาการแบบนี้ ช่วงที่กลัวที่สุดก็คือเขาร้องไห้ ไม่ได้กลัวว่าเขาจะทำร้ายอะไรเรา เขาไม่ได้กินยาอะไร ทั้งยานอนหลับและแก้เครียด เขาหาหมอครั้งสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว และหมอบอกว่าใกล้จะหายแล้ว ก็เลยไม่ได้ไปหาหมออีกเลย

แผนดูแล “เสก” ต่อจากนี้
           ดูแลเขาต่อจากนี้ “กานต์” เผยว่าก็ต้องรอปรึกษาหมอก่อน ไม่รู้ว่าเขาจะมองว่าเราหลังดีหรือหวังร้าย แต่ถ้าเขาหาย ก็น่าจะเห็นความหวังดีของเรา เขาเพิ่งเข้าไปวันที่ 3 เขาก็ไม่ได้ดื้ออะไร ตอนนี้เขาเป็นไบโพล่าร์ระดับสุดท้าย ที่ 3 แต่ไม่ได้เป็นโรคจิตอยากทำร้ายตัวเองหรืออยากทำร้ายร่างกาย แต่หมอบอกว่าถ้าไม่รักษาก็อาจจะเป็นได้ 3 วันที่เข้าโรงพยาบาล ก็ยังไม่ได้มีอะไร ต้องใช้เวลาหน่อย หมอที่นี่เขาก็ไม่ได้โอเวอร์อะไร เขาค่อยๆ ป้อนยา ค่อยๆ ดู ไม่ได้ฮาร์ดคอร์ เราก็อยากให้เขาได้พัก ได้อยู่กับตัวเองบ้าง ไม่โผล่ไปตลอด คิดว่าเราจะไปเยี่ยมกันวันนี้

           “เสือ” เผยว่าเราคุยกับเขาทางไลน์ไม่ได้ตอนนี้ เพราะเขาเล่นไม่ได้ ก็จะโทรคุยกับหมอ ตอนนี้ “เสือ” เป็นเจ้าของคนไข้ก็รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว จะเซ็นให้เขาออกหรืออะไร ต้องรู้ทุกอย่าง “กานต์” เสริมว่าโรคนี้ต้องมีการเรียนรู้ว่าจะรับมือยังไง ถ้าเราทำไม่เป็นเราก็จะเครียดและบ้าไปก่อน “กานต์” เคยอยู่กับเขามา 10 กว่าปีก็เครียด 

           “อีฟ” ก็มีอยากหนีบ้าง แต่ก็กลับไป เพราะเขาอยู่คนเดียว เป็นห่วงเขาอยู่คนเดียว ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ก่อนหน้านี้รับมือยังไง ก็คือปล่อยให้เขาทำ ดูอยู่ห่างๆ สภาพจิตใจเราเองก็เครียด เพราะไม่ได้คุยกับใคร ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะบางทีเราคุยโทรศัพท์เขาก็จะระแวง

           “กานต์” เผยว่าตอนนี้เขาเป็นขั้นสุดท้ายก็จะมีอาการหลอนและระแวง ไม่ถึงฆ่าตัวตายแต่ก็เป็นไปได้เพราะไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง เป็นยังไง เขาไม่ได้บอก แต่คิดว่าเขาอาจจะอยู่ไม่นานมากในโรงพยาบาล เขาเป็นไบโพล่าร์ ถ้าเขารักษาตั้งใจก็ เขารู้ว่าเขาเป็น แต่คิดว่าตัวเองสบายดี ไม่เป็นอะไร แต่ความจริงแล้วมันหนัก ตอนนี้เขาสนุกก็ไม่อยากจะหาย เขาก็สนุกที่มีคนมาดูเขา ส่วนลูกๆ รู้เรื่องหรือเปล่า “กานต์” เผยว่า เราก็มีบอก “กวาง” แต่กับ “ลอนดอน” ไม่ได้บอก ก็มีบอกลูกไม่ต้องเครียด

           ส่วนทาง “เสือ” ลูกชายคนโตพูดว่าตอนนี้ก็เป็นห่วง แต่ก็อยู่ในมือหมอก็ไม่ห่วงมาก เรื่องพ่อเรื่องแม่มีมานานแล้วหลายปีแล้ว มันก็ไม่ได้มากระทบงานการเรียนอะไรของเรา เราก็ผลักมันออกไปก่อน เราก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว อีกปีเดียว แต่ถ้ามีอะไรที่หนักขึ้น อย่างเหตุการณ์ตอนนี้ เราก็ตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าเราจะช่วยคุณพ่อคุณแม่ดูแลน้องๆ เรื่องการเรียน ถามว่าน้อยใจไหม เราเกิดมาชีวิตนี้เราก็ต้องรู้ว่าเราอยู่ธรรมดาไม่ได้ เรื่องนี้มันก็ต้องมาตลอด พ่อแม่ทะเลาะกัน มันก็เป็นเรื่องปกติ แต่เป็น “เสก โลโซ” กับ “กานต์” บางครั้งเราก็รำคาญที่ทะเลาะกันเยอะ แต่ตอนนี้ก็ชินแล้ว เราอยู่แบบนี้มาทั้งชีวิต ไม่ได้เครียด ไม่ได้น้อยใจ แต่ก็กังวลว่าน้องๆ จะน้อยใจหรือเครียด

โอกาสหายมีหรือเปล่า
           โอกาสหายก็เป็นได้ ถ้าเขากินยาและไปตามนัด แต่โรคนี้จะเป็นตลอดชีวิต ไม่งั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ตอนนี้ก็เป็นเสือ พี่อีฟ และก็คุณหมอ จะเป็นกำลังใจเขา

เรื่องสารเสพติดมีไหม?
           ทาง “กานต์” เผยว่าเรื่องไลฟ์ที่ตรวจยา เมื่อวานเราโทรเช็คก็ไม่ได้มีเรื่องนี้ ไม่มีผลการตรวจปัสสาวะที่พบสารเสพติด ก็คงเป็นไบโพล่าร์จริงๆ หมอก็ขอดูก่อน ไม่สามารถบอกได้วาจะเร็วหรือช้าแค่ไหน มันก็อยู่ที่ผู้ป่วยด้วย ตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ ต่อจากนี้เราก็กลัวว่าเขาคิดไม่ดี แต่เราก็คิดว่ามันหนักเกินไป ก็กลัวเป็นอันตราย ทางแฟนคลับก็ขอมา เราหวังดี ไม่ได้คิดอะไรตอบแทน แต่ถ้าเขาออกมาแล้วคิดว่าเราเป็นคนไม่ดี เราก็คงไม่เอาแล้ว จบกันไป ถ้าด่าก็จะด่ากลับ

ไลฟ์ที่ด่าบุคคลที่ 3
           “เสือ” เผยว่า ส่วนเรื่องบุคคที่ 3 ที่มีพาดพิง ก็พ่อเขาป่วยจริงๆ เขามองโลกในแง่ร้ายคิดว่าทุกคนเป็นภัย เราไม่ได้คุยกับทุกคนที่เขาด่า แต่คิดว่าทุกคนน่าจะเข้าใจ เราเองไม่ได้สนิทกับคุณพ่อ อยู่กับแม่และน้องๆ ก็ไม่ได้มีจะเจอหรือคุยกัน มีก็แต่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็เป็นปกติ เราก็คุยทางไลน์ โทรบ้าง เขาก็คุยปกติ 

           ด้าน “อีฟ” เสริมว่าอะไรที่เขาพูดไม่ดีๆ เราก็คิดว่าไม่ใช่ตัวตนเขา จริงๆ เขาเป็นคนดี เป็นคนอีกแบบหนึ่ง ตอนนี้คนก็น่าจะรู้แล้วที่เขาพูดแบบนั้นออกไปเพราะว่าเขาป่วย เรามีโกรธบ้างตอนแรก แต่ก็รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ 

การรับงานและปัญหาการเงินมีหรือเปล่า?
           เรื่องงาน จริงๆ มีติดต่อมา แต่ด้วยการที่เขาเป็นโรคนี้ก็เลยไม่ได้รับมาตั้งแต่มีนาคม “กานต์” เผยว่าตอนนี้ก็ไม่สามารถรับได้ “กานต์” เผยว่าเรื่องการเงินเขาไม่ได้ส่งมาให้เราหลายๆ เดือนแล้ว บางทีก็ให้ “อีฟ” เขียนเช็คอะไรให้เพื่อเขาเซ็น แต่บางทีเขาก็ฉีกเช็คทิ้งเองตามอาการของเขา

           “กานต์” เผยว่าเราเองก็มีผลกระทบ เพราะเราก็ต้องทำงานหนักขึ้น มีค่าที่พัก ค่าเรียน ตอนนี้ก็เหนื่อยเพิ่มขึ้น ตอนนี้ก็เข้าใจ แต่ออกมาแล้วยังไม่จ่ายก็จะเอาเรื่อง “อีฟ” เผยว่า ตอนนี้ก็มีรายจ่าย ไม่ได้มีรายรับ แต่ก็ไม่ได้ติดขัดอะไร ธุรกิจก็ชะงักไปก่อน เพราะมีปัญหาเรื่องพนักงาน ตอนนี้ก็ไม่มีรายรับอะไร 

           กลัวว่ากระทบกับงานไหมที่เรามาประกาศออกสื่อ จริงๆ เขามีคนติดต่องานมาเยอะ เดี๋ยวกลับมา รักษาหายแล้วก็คงได้ ด้าน “กานต์” เสริมว่าตอนนี้อย่าเพิ่งพูดเรื่องงานเรื่องเงินดีกว่า จะมากลัวว่าไม่มีรายรับ ให้เขาออกมาเร็วๆ ก็ไม่ใช่ เงินอะเอาแน่ แต่รอหายก่อน 

           ทิ้งท้าย “กานต์” เผยว่าที่อยากจะบอก “เสก” คือหายออกมาก็มาดูข่าวหน่อย เขาต้องพบแพทย์และกินยา ผลกระทบของโรคนี้มันทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน ถ้าคนที่เขาไประรานเอาเรื่องขึ้นมาก็หมดตัว เราไม่รู้จะพูดกับคนที่เขาพาดพิงยังไง ก็ขอพูดถึง “เสก” ว่าต้องคุมโรคนี้ให้ได้ ตอนหายดีก็ออกมาดูไลฟ์ของตัวเอง ฝากขอโทษทุกคนว่าเขาป่วยจริงๆ ขั้นรุนแรง ไม่ได้มีสารเสพติด แต่เป็นโรคอารมณ์ ก็ต้องให้โอกาสเขา ถ้าเป็นแฟนคลับที่รักเขาก็อภัยให้เขาด้วย