เปิดเส้นทางก่อนจะดัง “ไอซ์ เอเอฟ 9” มีทุกวันนี้ได้ก็เกินฝันแล้ว
แจ้งเกิดเป็นศิลปินและเดินตามความฝันได้สำเร็จ สำหรับนักร้องสาวเสียงดี “ไอซ์ ภรภัสสรณ์ ชัยอนันต์นิธิ” หรือ “ไอซ์ เอเอฟ 9” พร้อมมีผลงานให้แฟนๆ ได้ติดตามมาแล้วมากมาย ทั้งงานเพลง งานละคร ความฝันในวัยเด็ก และเส้นทางการเข้าสู่วงการบันเทิงของสาว “ไอซ์” จะเป็นอย่างไร ไปฟังจากปากเธอกัน
ชีวิตในวัยเด็ก ตอนเด็กๆ ไม่เชิงเป็นเด็กกิจกรรม เวลาที่อยู่โรงเรียนก็จะเป็นเด็กทั่วไป เป็นเด็กหลังห้อง กิจกรรมที่โรงเรียนก็ไม่ทำ เรียนก็ไม่เรียน เป็นเด็กที่อยู่โรงเรียนไปวันๆ แต่จะมีกิจกรรมนอกโรงเรียนมากกว่า จะเรียนร้องเพลง เรียนพิเศษนอกโรงเรียนมากกว่า ตอนเด็กๆ ไม่ถึงกับเป็นเด็กเกเร แต่ก็ไม่ได้เป็นเด็กเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ขนาดนั้น ก็จะมีแสบๆ บ้าง เรามีก๊วนด้วยนะ เยอะมาก แล้วก็ทำอะไรแปลกๆ อย่าง เอาชุดนักเรียนผู้ชายมาใส่ แล้วก็ใส่ไปโรงเรียน เพราะเราตัวเล็กก็เลยลองดู คุณครูก็คิดว่าเป็นบ้า ไม่ได้ว่าอะไร ทางครอบครัวก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะจะรู้ว่าเราชอบแสดงออก
ความฝันในวัยเด็ก ตอนเด็กฝันอยากเป็นแคชเชียร์ (หัวเราะ) คือความฝันของเราแปลกมาก คือตอนนั้นอยากสแกนบาร์โค้ดที่ขายของ แต่ว่าเป็นคนที่ชอบร้องเพลง แต่ไม่ได้อยากเป็นนักร้อง แต่เวลาเราขึ้นบนเวทีเล่นดนตรีกับเพื่อนเรามีความสุข ก็เลยอยากจะร้องเพลงแบบนั้นมากกว่า แต่ไม่อยากอยู่ในทีวี ไม่อยากดัง ณ ตอนนั้น
เส้นทางการเข้าสู่วงการบันเทิง เริ่มต้นจากการเรียนร้องเพลง คุณครูก็ชวน บอกว่ามีประกวดร้องเพลงนะ ตอนนั้นประกวดเกิร์ลกรุ๊ปของลูกอมโอเล่ ก็เลยลองไปสมัครดู เราแต่งตัวแบ๊วๆ ก็ได้เข้ารอบ แล้วก็ได้ลองไปเซ็นสัญญากับทางอาร์เอส แล้วก็ทำซิงเกิ้ลกับทางค่าย กระแสตอบรับตอนนั้นดีนะ เพราะปกติเวลาเรียนร้องเพลงเราก็จะอยู่คนเดียว พอไปทำเกิร์ลกรุ๊ปชีวิตของเราก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งเลย เพราะเราต้องไปทำงานร่วมกับคนอื่น เหมือนเป็นการฝึกการทำงาน อย่างทุกวันนี้มีความเป็นผู้นำ มีประสบการณ์มากกว่าคนอื่น เพราะว่าเราอยู่ตรงนั้นมาก่อน ลองทำงานก่อน ตอนนั้นอายุมากที่สุดในกรุ๊ป ก็เลยทำให้เราต้องมีความรับผิดชอบมาก
หลังจากนั้น 2-3 เดือนเพลงก็ออก มีด้วยกันทั้งหมด 2 ซิงเกิ้ล เพลงเร็ว 1 เพลงช้า 1 เพลง ตอนนั้นกำลังจะทำซิงเกิ้ลที่ 3 พอดีมีการประกวดเอเอฟเข้ามา แล้วเราก็คิดตลอดว่าอยากเข้าเอเอฟมาตั้งนานแล้ว เพราะเป็นแฟนคลับ ชอบดู ก็เลยคุยกับพี่ว่า ถ้าขอลองไปประกวดได้ไหม ได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พี่เขาก็ใจดีมาก บอกให้เราไปลองทำดู แล้วถ้าได้เขาก็สนับสนุนเต็มที่ ตอนนั้นเลยก็ได้มาเข้าเป็นเอเอฟ ตอนประกวดตอนนั้นแค่อยากลองเข้ามาในบ้านเอเอฟ ด้วยความที่เราเคยดูรายการมา คิดว่าทำไมดีจัง กินก็ฟรี อยู่ก็สบาย เรียนร้องเพลงตลอด การที่เราตื่นมาเรียนร้องเพลง เรียนแอ็คติ้ง ทุกวัน ถ้าเราเรียนข้างนอกเราไม่มีโอกาสได้เรียนเลย เพราะต้องใช้เงินสูงมาก แต่ถ้าเราได้เข้ามาเราก็จะได้ทำแบบนี้ทุกวัน ยังไงก็คุ้ม ก็เลยคิดว่าการเข้าไปอยู่ในบ้านมันดีมากๆ
ส่วนตัวเราเคยมาประกวดแล้วตอนซีซั่นที่ 6 อายุน้อยมากๆ ตอนนั้นเราอายุแค่ 17-18 ปีถ้าจำไม่ผิด ก็ลองมาสมัคร เข้ารอบไปถึง 50 คน เหมือนอายุเรายังน้อย ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกดีใจที่ไม่ได้เข้ามา เพราะถ้าเข้ามาไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ อาจจะออกและตกรอบคนแรก ซึ่งวันนั้นก็ยังไม่พร้อม แต่วันนี้พร้อมแล้วก็เลยได้เข้ามา
ความคาดหวังตอนนั้น ก่อนจะเข้าบ้านกดดันมาก คิดไว้เยอะมาก เพราะต้องคิดว่าจะต้องตื่นมาแต่งหน้าทุกวัน ต้องดูดี หลังจากเข้าบ้านไปหนึ่งอาทิตย์ความเหนื่อยนั้นทำให้เราลืมสิ่งที่เราคิดไว้ว่าจะทำอะไรเลย เราต้องมุ่งมั่นกับการซ้อม และการทำโชว์ เราไม่ได้คาดหวังว่าเราจะได้ที่หนึ่ง เพราะเรารู้สึกว่าเราเองเป็นผู้หญิง ซึ่งมันก็ยากมากๆ ที่จะมาถึงรอบลึกๆ แต่ถือว่าโชคดีที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามาถึงรอบลึกๆ ได้ งงมาก นี่เราได้แชมป์เหรอ (ยิ้ม) วินาทีที่ประกาศผลผู้ชนะตอนนั้น รู้สึกขอบคุณมาก เพราะเราไม่รู้เลยว่าใครบ้างที่โหวตให้กับเรา จริงๆ คนที่โหวตให้กับเรานั้นก็ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนที่อยู่ในครอบครัว แต่ว่าเขาต้องมาเสียเงินโหวตให้กับเราจำนวนมหาศาล รู้สึกตื้นตันมากตอนนั้น
ส่วนตัวเคยคิดว่าตัวเองโด่งดังไหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่คิดว่าวันนั้นทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน จากแค่ที่เราเป็นเด็กธรรมดา ถ้าวันนี้ไม่ได้มาประกวดเอเอฟ อาจจะไปเป็นครูสอนร้องเพลงอยู่ในโรงเรียนสักโรงเรียนนึงก็ได้ หรือว่าร้องเพลงอยู่ในร้านอาหารสักร้านนึง ชีวิตเราก็เปลี่ยนไป ได้เจอคนเยอะมากขึ้น ได้เจอคนดีๆ เต็มไปหมดเลย ที่เขาให้เราโดยที่เขาไม่หวังอะไรตอบแทนเลย ไม่ต้องดังหรอก แค่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่เราได้มีแฟนคลับกลุ่มเล็กๆ ที่เขาชื่นชอบและติดตามเราจนมาถึงวันนี้ก็ถือว่าที่สุดแล้ว
ไอดอลในการทำเพลงคือ "พี่บอย โกสิยพงษ์" เพราะชอบแนวเพลงของพี่เขามากๆ ทุกเพลง รู้สึกว่าเพลงพี่เขาเป็นเพลงที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ยังคงฟังได้ตลอด ยังเพราะตลอด ไม่มีวันกระแสจะตกไป เอากลับมาร้องทีไรก็ยังเหมือนเดิม ส่วนตัวยังไม่เคยได้ร่วมงานกัน แต่ก็อยากร่วมเหมือนกัน (ยิ้ม)
สุดท้ายฝากขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามมาตลอด 6 ปี ขอบคุณทุกคนเลยที่มารักและติดตาม ผ่านมาตอนนี้ก็อยู่ในวงการมาเกือบจะ 10 ปีแล้ว ค่อนข้างนานเหมือนกัน ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนและติดตามมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ล่าสุดก็กำลังจะมีคอนเสิร์ตอำลาเอเอฟ 9 The Last Farewell Concert ก็อยากให้มาเจอกัน ขอบคุณทุกคนมากๆ