เปิดเส้นทางก่อนจะดัง “เค AF9” กว่าจะมีวันนี้ผ่านอะไรมาเยอะ
เป็นอีกหนึ่งนักร้องเสียงดีมีคุณภาพของวงการบันเทิง ที่แจ้งเกิดจากการประกวดสำหรับหนุ่มใต้หน้าคม “เค ปิยวัฒน์ สุทธิช่วย” หรือ “เค AF9” หากใครที่ติดตามอินสตาแกรมของหนุ่ม “เค” ก็จะเห็นภาพความน่ารักอยู่เสมอ แต่กว่าจะมีชื่อเสียง มีแฟนคลับติดตามผลงานได้อย่างทุกวันนี้ ต้องเจออุปสรรคต่างๆ มากมาย วันนี้ “ดาราเดลี่” จะพาไปเปิดเส้นทางการเข้าสู่วงการบันเทิงของหนุ่ม “เค” กัน
พูดถึงชีวิตในวัยเด็ก พื้นเพเป็นคนภาคใต้ เป็นคนเสียงดัง กิจกรรมตอนเด็กตอนนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากขับรถ (ยิ้ม) เวลาเรียกเพื่อนก็จะเรียกข้ามถนน ตอนเด็กๆ เป็นเด็กนิสัยไม่ดี ชอบยกพวกตบตี ซึ่งเมื่อก่อนกับตอนนี้มันต่างกันมาก เหมือนเราดูละครเยอะเลยเอาไปทำตาม ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีอะไร ถ้าย้อนกลับไปก็คงได้แต่สอนน้องๆ ว่าอย่าทำเลยนะ แต่เชื่อว่าช่วงชีวิตคนหนึ่งคิดว่าแบบนี้มันเป็นสีสันของแต่ละคนนะ ถ้าดีร้อยเปอร์เซ็นต์เลยก็คงไม่สนุก
ความฝันตอนเด็ก จำได้ตั้งแต่เด็กเลยว่าอยากเป็นนักร้องตั้งแต่เด็กอนุบาลเลย เพราะเราอยู่กับลุงกับป้า ที่เปิดร้านขายเทป สมัยก่อนจะมีร้านขายเทปเยอะมาก แล้วทุกครั้งที่เรากลับจากโรงเรียนจะต้องรีบทำการบ้านให้เสร็จเพื่อที่จะมาเปิดคอนเสิร์ตหน้าร้าน ก็จับไมค์มาทำการแสดงตรงนั้น พี่สาวที่เลี้ยงเราก็คอยเป่าฟองให้เปรียบเสมือนว่าเราอยู่บนคอนเสิร์ต ความฝันเราเลยอยากเป็นนักร้องประกวดตั้งแต่อนุบาลเลย แต่ก็ห่างหายจากช่วงประถมไปแป๊บหนึ่ง แล้วก็กลับมาช่วงมัธยมได้โควตานักร้องมาเรียนโรงเรียนประจำจังหวัด จากนั้นก็เลยจุดไฟเรามาเรื่อยๆ ก่อนที่จะถึงเอเอฟมันเจ็บมาเยอะ เสียใจมาเยอะ เคยลองประกวดเวทีโน้นเวทีนี้ ทุกเวทีที่มีการประกวด แต่เราก็ต้องยอมรับ ณ ช่วงนั้นด้วยวัยวุฒิ องค์ประกอบของเรามันยังไม่ใช่ แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นช่วงเวลาที่เราเข้าเอเอฟพอดี ด้วยอะไรหลายๆ อย่างของเราที่มันเหมาะสม ด้วยเวลาก็เลยเข้ามาได้
จุดเริ่มต้นของการเข้าวงการบันเทิง เริ่มต้นจากการประกวดของมหาวิทยาลัยก่อน พอประกวดของมหาวิทยาลัยได้ที่ 1 ก็ต้องเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัย ซึ่งเอเอฟในปีนั้นคือมันรอบตัวแทนของมหาวิทยาลัย คือคัดหัวกะทิมาจากมหาวิทยาลัยและโรงเรียนเพื่อมาประชันกันอีกทีหนึ่ง ตอนนั้นคิดว่าเวทีนี้ใหญ่สำหรับเราเกินไป กลัวจะไม่ได้ จากนั้นก็เข้าไปรอบแรก ทีนี้ก็เลยรู้สึกว่ามันตอบโจทย์เราละ มาได้ขนาดนี้ก็ต้องไปให้สุดนะ เพราะไม่รู้ว่าโอกาสแบบนี้จะมีมาอีกเมื่อไหร่ หลังจากนั้นก็ทำเต็มที่สุดความสามารถ ซึ่งมันรวดเร็วมากๆ ทะลุเข้ารอบลึกๆ มาได้แบบไม่คิดไม่ฝัน แต่ก็แอบหวังว่ายังไงก็จะต้องเป็น 12 คนสุดท้ายให้ได้เท่านั้น ครั้งแรกที่ไปเราไม่คาดหวังเลย พอผ่านรอบสอง รอบสาม ก็เริ่มคาดหวังแล้ว เหมือนเราก้าวเข้ามาครึ่งทางแล้ว ก็ต้องไปให้สุด แล้วก็ได้เข้ามาเป็น 12 คนสุดท้าย ก็ดีใจมากตอนนั้น ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้มีส่วนร่วมในรายการนี้ ได้เดินบนเส้นทางนี้
สำหรับไอดอลในวงการ มีเยอะเลย แต่ที่สุดเลยตอนที่เราไปเรียนร้องเพลงตอน ม.3 คุณครูถามว่าชอบนักร้องคนไหน เพราะครูก็จะสอนเราในทางที่เราชอบ เราก็ตอบแบบปั๊วะเดียวเลยก็คือ “พี่อ๊อฟ ปองศักดิ์” คือเราชอบมากจนแบบตั้งแต่อัลบั้มแรกจนถึงทุกวันนี้ก็ยังชอบ คือพี่เขาเป็นไอดอลในดวงใจเราเลย ไม่ว่าจะเป็นการร้อง ประสิทธิภาพของพี่เขา ทุกครั้งที่ดูพี่เขาร้อง รู้สึกว่าทำไมคนๆ นี้แบบเก่งจัง เอ็นเตอร์เทนดีมาก และด้วยความที่เราทำบุญมาเยอะ โชคดีมากที่เรามีโอกาสได้เจอพี่เขา ได้พูดคุยก็ทำให้เรายิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ ก็หวังว่าสักวันหนึ่งจะโอกาสได้ร้องเพลงร่วมกับ “พี่อ๊อฟ” อีกครั้งหนึ่ง
สิ่งที่อยากจะทำแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ จริงๆ เคยทำมาหมดแล้วนะ พิธีกรก็เคยได้ทำมาบ้าง เล่นละครก็เคยได้เล่น เพราะว่า “ป้าแจ๋ว ยุทธยา ลอพันธุ์ไพบูลย์” ให้โอกาสเราได้เล่นละคร เรื่อง “ตามรักคืนใจ” ซึ่งเป็นเรื่องแรกของเรา ตอนนั้นนักแสดงก็คือ “ณเดชณ์ คูกิมิยะ” และ “มิว นิษฐา จิรยั่งยืน” ก็คิดว่ามันคือบุญของเรา แต่ที่สุดของเราก็คือการจับไมค์ร้องเพลง แต่การแสดงก็คือเรายังต้องเรียนเพิ่มอีกเยอะ
สิ่งที่ทำให้เรามาอยู่ ณ จุดนี้ คืออันดับหนึ่งเลยคือความตั้งใจของเรามากๆ เคยนั่งคุยกับแม่ ท่านถามว่า ถามจริงๆ อยากเป็นอะไร เราก็บอกว่าอยากเป็นนักร้อง แม่ก็บอกว่าถ้าไม่ได้เป็นละลูก เราก็ตอบกลับไปว่า มันไม่มีคำว่าไม่มีคำว่าไม่ได้เป็น มันต้องได้เป็นเท่านั้น แม่บอกอย่าฝันเยอะเดี๋ยวตกมาเจ็บ เราก็บอกว่ายังไงต้องเป็นให้ได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ต้องเป็นให้ได้ พอเราได้เป็น มีคนสนับสนุน มีแฟนคลับที่มาชอบเรา โอกาสจากผู้ใหญ่ที่ให้เรามารู้สึกว่าเราโชคดีมาก
ขอบคุณแฟนคลับมากๆ ที่ยังเหนียวแน่นที่ยังให้การสนับสนุนพวกเรา AF9 รวมถึงน้องๆ ทุกคนด้วย ขอบคุณโอกาสต่างๆ ที่เข้ามา เพราะว่าถ้าไม่มีเขาเหล่านี้ที่คอยสนับสนุนเรา ก็คงไม่ได้เดินทางมาไกลถึงขนาดนี้ ขอบคุณตรงนี้จริงๆ
