“พลัสเตอร์” ปลื้มฟีดแบ็ค Happy Birthday ดีเกินคาด ใครๆ ก็พูดถึง
หายหน้าจากการเล่นซีรีส์ไปพักนึงเลยก็ว่าได้ สำหรับหนุ่ม “พลัสเตอร์ พรพิพัฒน์ พัฒนเศรษฐานนท์” เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นหน้ากันดีกับซีรีส์ My Dear Loser รักไม่เอาถ่าน รวมไปถึงซีรีส์อีกหลายๆ เรื่อง ล่าสุดเขากลับมาในซีรีส์ “Happy Birtday วันเกิดของนายวันตายของฉัน” กับบท “ธีร์” ตอนเด็ก ที่ทำเอาแฟนๆ ต่างพูดถึงกันอยู่ไม่น้อย งานนี้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะกดดันมากแค่ไหนที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงมากฝีมือหลายคนด้วยกัน
ในเรื่องนี้รับบทเป็น “ธีร์” ตอนเด็ก ซึ่งตอนโตจะรับบทโดย “พี่พุฒ พุฒิชัย” บทเราอยู่ในช่วงวัยรุ่นจะเป็นในส่วนพาร์ทของอดีตมากกว่าตัวเราออกมาตั้งแต่ อีพีที่สี่แล้วและจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มันจะเริ่มมี flash back มากขึ้น บวกกับปมของนางเอกหลายๆ ปมอีกด้วย เป็นการทำงานที่ตื่นเต้นมากๆ เลย เพราะด้วยความที่เราได้รับช่วงเวลาที่เป็นอดีตด้วยคำพูดบางคำอาจจะไม่เหมือนในยุคปัจจุบันนี้สักเท่าไหร่ การแต่งตัว อีกทั้งมีความเครียดที่จะต้องไปเล่นให้ต่อเนื่องกับบท “พี่พุฒ” ตอนโตด้วย
เหมือนเราห่างหายจากการเล่นซีรีส์มาสักพักใหญ่มากๆ ในเรื่องนี้ถือว่าได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ก็จะมีคนถามว่าธีตอนเด็กเป็นใคร ด้วยตัวละครที่ดูเด็กมากๆ หลายคนก็จะเอาไปเปรียบเทียบว่าแคสติ้งดีคล้ายกับธีตอนโตเลย ตอนแรกเราก็แอบเกร็งเหมือนกันกลัวจะทำออกมาได้ไม่เต็มที่ได้เหมือนพี่เขาหรือเปล่า ทั้งเรืองขอกริยาท่าทางที่มันต้องต่อเนื่องกันไป ผู้กำกับก็มองออกมาแล้วว่ามันโอเค แล้วก็รู้สึกดีที่คนดูชอบธีร์ตอนเด็ก
ตอนที่ได้รับบทบอกเลยว่ากดดันมากเพราะตอนแรกเข้าใจว่าเป็นรับเชิญ เอาเข้าจริงแล้วก็มีซีนที่ถ่ายเยอะเหมือนกัน flachback มันก็เยอะ เพราะตั้งแต่ต้นเรื่องคือนางเอกตายไปแล้ว และตัวนางเอกเองก็จะได้อยู่ในช่วงที่เป็นธีร์เวอร์ชั่นเด็ก มันก็จะมีการเล่าถึงตัวพระเอกนางเอกปมต่างๆที่เคยทำร่วมกัน ยอมรับว่าเครียด รู้สึกว่าเราใหม่ด้วยกับวงการซีรีส์ถึงจะเล่นมาหลายเรื่องแล้วก็ตามอันนี้จะมีความยากตรงที่มันจะออกแนวพีเรียกหน่อยๆ ในยุค 30 ปีที่แล้วฟังเพลง “เจ เจตริน” เราก็ต้องไปฝึกร้องด้วย ได้เจอนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง “ศรพงษ์ ชาตรี” และ “หนุ่ม สันติสุข” แต่เราก็ผ่านตรงนั้นมาได้ เชื่อว่านักแสดงรุ่นเก่าๆ คงไม่ต้องอะไรมากมาย พอส่งอารมณ์เข้าซีนมามันทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะร้องไห้จริงๆ ยิ่งฉากงานศพที่ “พี่หนุ่ม” ต้องกำกระดาษแล้วปาใส่เรา ตอนนั้นน้ำตาแทบล่วงด้วยความที่กลัวด้วยมั้งบวกกับที่เราอินกับพิธีกรรมอะไรแบบนี้ด้วย ทำให้รู้สึกว่าเราทำเขาตายจริงหรอถึงต้องโดนด่าขนาดนี้ ก็เป็นความยากอย่างหนึ่งเป็นผลงานที่ภูมิใจมากๆ งานหนึ่งที่ได้ร่วมงานกับดารารุ่นโตๆ พร้อมกับเป็นการพลิกบทบาทของเราด้วย เหมือนเป็นเรื่องท้าทายด้วยว่าเราจะทำให้คนดูเชื่อได้ไหมว่าเราคือ “พี่พุฒ” ตอนโต
หลังจากนี้จะเริ่มรู้ปมของตัวละครมาก จะเพิ่มความพีคให้แฟนละครอย่างแน่นอน เชื่อว่าจะมีหลายปมที่คาดไม่ถึงแนะนำให้ทุกคนดูจริงๆ เพราะเนื้อหาดีมากๆ จากที่เราได้อ่านเนื้เรื่องทั้งหมดแล้ว รู้สึกว่าผู้กำกับถ่ายถอดออกมาได้อย่างดีรวมไปถึงทีมเขียนบทด้วย องค์ประกอบทำให้รู้สึกมันน่าดู เรตติ้งก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ร่วมงานกับ “มายด์” เคยร่วมงานกันมาแล้วแต่ก็ยังตื่นเต้นทุกรอบเลย เพราะรู้สึกว่าพี่เขาเป็นนักแสดงที่เก่งมากๆ เหมือนกับว่าเราเคยดูเขาสมัยเล่น “น้องใหม่ ร้ายบริสุทธิ์” เมื่อได้กลับร่วมงานกันอีกครั้งก็ตื่นเต้นยิ่งบทครั้งนี้ที่ได้รับคือได้เล่นกับพี่เขาแทบจะทุกซีนเลย ส่วนเราก็พยายามทำการบ้านมาอย่างดี คอยถามพี่ผู้กำกับบ้างว่ามันควรจะเป็นไปในทิศทางไหน เพื่อทำให้แต่ละซีนผ่านไปได้โดยพี่เขาไม่เหนื่อยมาก พอมันเป็นดราม่าแล้วมันจะมีความเครียกและกดดันทั้งวันเลย ถ่ายสองวันก็ต้องคอนโทรลอารมณ์ให้มันเชื่อมต่อกันให้ได้ทั้งสองวัน มันก็มีการบ้านอะไรหลายอย่างที่ค่อนข้างจะยากมากๆ
กระแสในเรื่องนี้ด้วยความที่เราหายหน้าไปสักพักเลยพอกลัยมาก็มีคนเริ่มถามว่าคนนี้เป็นใคร อะไรยังไง เพราะเราห่างไปขนาดนี้แล้วมีคนชื่นชมเรา จริงๆ ไม่จำเป็นว่าจำได้ว่าเราเล่นเป็นใคร แค่รู้สึกบทที่เราเห็นอยู่ตอนนั้นเป็นยังไง มันโอเคก็พอแล้ว เวลาไปไล่อ่านตามแฮชแท็กก็ทำให้รู้สึกมีกำลังใจในการทำงาน ตลอดระยะเวลาที่อยู่มามันคุ้มแล้วกับสิ่งที่คนดูคอมเมนต์และพูดถึงเราในเชิง ธีร์แบบนั้นแบบนี้จำได้ว่าเป็นเราก็ได้ เวลาอ่านคอมเมนต์ก็รู้สึกชื่นใจมากมีแรงฮึดที่จะทำงานในเรื่องต่อๆ ไป