เจาะใจ “บี วรรณิศา” ทิ้งวงการ เพราะสามีปลูกถ่ายตับช่วยลูก
ไม่บ่อยครั้งที่วงการบันเทิงจะได้ยินเรื่องราวอันน่าพิศวงของเธอ “บี วรรณิศา ศรีวิเชียร” อดีตนางเอกในยุคภาพยนตร์ไทยรุ่งเรือง หลังจากเธอหายไปนานกว่า 20 ปี
เรื่องราวที่ว่านั้นคือ "โรสแมรี่ มาร์คา" ลูกสาววัย 7 เดือนเมื่อ 20 ปีก่อน เกิดภาวะตับแข็งเสี่ยงที่จะเสียชีวิต เธอเข้าปรึกษาแพทย์พบว่าเทคโนโลยีการแพทย์ขณะนั้นต้องให้สามี ไมเคิล มาร์คา ปลูกถ่ายตับแก่ลูกสาว ถึงจะมีสิทธิ์รอด และทำให้เธอต้องทิ้งวงการกะทันหัน เพื่อเดินทางเข้ารับการปลูกถ่ายตับแก่ลูกสาวที่ รพ.สแตนฟอร์ด อเมริกา
ภาระแห่งรักตกเป็นของไมเคิล มาร์คา คุณพ่อขณะนั้นเขามีตำแหน่งสูงฐานะที่เป็นทายาท ไบรอัน มาร์คา บอสใหญ่แห่งบีอีซีเทโทร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ “บี วรรณิศา ศรีวิเชียร มาร์คา” ขณะนั้นกำลังเป็นนางเอกดังจากภาพยนตร์ นางเสือดาว เพลงสุดท้าย ปรารถนาแห่งหัวใจ และเริ่มเล่นละครทีวี ทว่าด้วยความรักและหัวใจอันเข้มแข็งเพื่อลูก เธอตัดสินใจไปอเมริกา
ตอนไปปลูกถ่ายตับให้โรส ลูกอายุ 2 เดือนเท่านั้น ก็มีอาการตัวเหลือง แพทย์ก็แนะนำว่าให้โตกว่านี้หน่อยค่อยไปปลูกถ่ายตับ จนกว่าจะรับการปลูกถ่ายจากพ่อได้ พอลูกอายุครบ 7 เดือน รอไม่ไหว ลูกจะเสียแล้ว บีตัดสินใจที่จะผ่าตัด ตอนนั้นโรสตัวเหลืองมาก บวมมาก เพราะตับขับของเสียออกไม่ได้ แพทย์ให้ยาขับของเสียออกมา เราตัดสินใจไปอเมริกาทันที ไปผ่าตัดที่สแตนฟอร์ด โดยผ่าพ่อก่อน แล้วอีก 3 เดือนถึงจะปลูกถ่ายตับให้ลูกได้
15 ปีก่อนเน็ตไม่มีแพร่หลาย เราต้องโทรศัพท์หาโรงพยาบาลที่เก่งที่สุดในการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ โทรไปที่ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เป็นภาวะที่ทุกข์แสนสาหัส แต่เมื่อสามีพร้อมที่จะผ่าตับให้ลูก เรามีแรงฮึดที่จะสู้เพื่อลูกสาว
เธอเล่าอีกว่า เมื่อผ่าตัดปลูกถ่ายตับแล้วเสร็จ ก็ตัดสินใจอยู่ที่อเมริกา จนลูกสาวอายุ 4 ขวบ ตัดสินใจกลับประเทศไทย เธอจึงกลับมาเล่นละคร 2-3 เรื่อง แต่ลูกสาวก็ป่วยอีก จึงเดินทางไปอเมริกาอีก จนแพทย์บอกว่าโอเค บีก็กลับมาอีก คิดว่าถ้ากลับไปเล่นละครอีกก็เป็นห่วงลูก จึงตัดสินใจไปอยู่อเมริกาเลย ทิ้งวงการไปเลยหลายปี ก็จนเขาโตเราก็กลับไทย ทุกวันนี้ก็เจาะเลือดทุก 3 เดือน ปัจจุบันก็ยังต้องเจาะเลือด ส่งไปอเมริกา เพื่อให้แพทย์ตัดสินใจเพิ่มหรือลดยาไหม
“บี” เล่าถึงจุดที่ทุกข์ที่สุดและเป็นปาฏิหาริย์แห่งรักว่า การปลูกถ่ายตับ คือแพทย์ได้ตัดครึ่งหนึ่งของพ่อไป ตัดตรงปลายมาช่วยลูก ตอนนั้นตับเขาแข็งหมดแล้ว ฉะนั้นเราเดินทางไปๆ มาๆ ตลอด แพทย์บอกว่า 10 ปีแรกต้องระวัง แต่ถ้าอยู่ได้ผ่าน 20 ปี ร่างกายจะรับตับที่ปลูกถ่ายได้เอง จะคงที่แล้ว
“บี” เผยถึง “น้องโรส” ในวันนี้ว่า เขาเรียนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ปี 4 เรายังเป็นห่วงอาการเสมอ เพราะลูกเป็นอีสุกอีใสไม่ได้ เพราะภาวะนี้ลูกฉีดวัคซีนไม่ได้ ฉะนั้นเขาจะรับอะไรจากภายนอกไม่ได้มากหลายเท่า เป็นสาเหตุหนึ่งที่เราต้องดูแลลูกมากๆ ป่วยไม่สบายก็ต้องพาลูกไปหาหมอ
เรื่องเงินไม่ต้องพูดถึง เราไม่ได้มองเรื่องนั้น เราต้องทำเพื่อลูก มันผ่านมาได้นอกจากการแพทย์ที่ทันสมัยขึ้น ทั้งหมดคุณต้องหลอมมันด้วยหัวใจอันแข็งแกร่งและความรักอันมั่นคง