ปิดฉากรัก 4 ปี “ออม บลูเบอร์รี่” รับเลิก “โยชิ” เครียดหนักขั้นเป็นโรคซึมเศร้า
ปิดฉากรัก 4 ปีอีกหนึ่งคู่สำหรับลูกทุ่งสาวเซ็กซี่ดีกรีนักธุรกิจ อย่าง “ออม เพลินศิลป์ เกตุแก้ว” หรือ “ออม บลูเบอร์รี่” กับหวานใจหนุ่มนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น “โยชิ” หลังมีข่าวเมาท์ถึงสาเหตุการเลิกกันเป็นเพราะเรื่องเซ็กซ์ งานนี้ก็ไม่รู้ว่าจะจริงอย่างที่ข่าวเขาเมาท์หรือเปล่า ล่าสุดมีโอกาสได้เจอสาว “ออม” ซึ่งเจ้าตัวเผยถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมอัพเดทผลงานละครและผลงานเพลงให้ฟังว่า
ตอนนี้กำลังถ่ายทำเรื่อง “มณีนาคา” ปีหน้าหน้าจะได้ชมกัน ทางช่อง 8 พี่ๆ ทีมงานจริงๆ ต้องขอบคุณ “พี่กุ้ง บุณฑณิก บูลย์สิน” ด้วยที่ให้โอกาสได้เล่นเป็นเรื่องที่ 2 เรื่องแรกพี่กุ้งก็ให้โอกาสออมได้แสดง สนุกมากๆ ส่วนมากจะเป็นละครพีเรียดย้อนยุค ส่วนเรื่องนี้ “มณีนาคา” สนุกกกว่าเดิมแน่นอน เพราะเป็นเรื่องราวความรักของคนและพญานาค และที่สำคัญคือต้องใช้คำพูดที่ย้อนไปกว่าร้อยปี คำพูดคือโบราณเลยก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับเรานิดนึง ส่วนตัวของเราเกร็งและเครียดมากๆ เพราะว่าการเล่นละครทุกคนเป็นมืออาชีพหมดเลย เราเองทิ้งการแสดงมานานสิบกว่าปี เพราะเราต้องมีคอนเสิร์ตด้วย พอมาเข้าซีนร่วมกับนักแสดงท่านอื่นๆ ทุกคนเป็นกันเองมากๆ แต่เราก็ทำเต็มที่ที่สุด อยากให้ทุกคนติดตาม
ทางด้านเพลงมีแฟนเพลงหลายท่านเรียกร้องให้กลับมา ตอนนี้ก็ได้โอกาสจากนักลงทุนเขาก็ลงทุนเกี่ยวกับการทำเพลงให้ควบคู่กับ “น้องอุ้ม กศิยา” เร็วๆ นี้ได้ฟังกันอย่างแน่นอน ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการเลือกจุดเด่นของเพลงอยู่ รับรองได้เลยว่าสนุก ความพิเศษของเพลงนี้จริงๆ คนนึงเป็นสาวใต้ อีกคนเป็นสาวอีสาน ฟาดฟันกันมาก แน่นอนเป็นเพลงเร็ว สนุกสนาน คงความเซ็กซี่แต่จะไม่โป๊ แต่อยากให้เซ็กซี่แล้วดูแพง และภาพลักษณ์ที่โตขึ้น
ส่วนธุรกิจจริงๆ เป็นสิ่งที่เราฝันและอยากทำให้สำเร็จ ถึงมันจะตะกุกตะกักไปบ้างเพราะว่าเราไม่ได้มีประสบการณ์ในด้านการทำธุรกิจ แต่โชคดีที่เราเป็นศิลปิน เราไปทำธุรกิจก็พอจะง่ายขึ้นบ้าง ก็มีความสุขมากๆ ในการทำธุรกิจ ถึงแม้บางครั้งเครียดจนไม่อยากทำอะไรเลยจนถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ในช่วนนึงด้วย แพลนปีหน้าก็จะมีการขยายกิจการไปที่ประเทศลาว จีน เวียดนาม และอินเดีย ซึ่งการที่เรากลับมาทำเพลงก็เพื่อที่สนับสนุนในส่วนของมิวสิคมาร์เก็ตติ้งให้กับธุรกิจเราด้วย คือยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย
เรื่องหัวใจตอนนี้เราทำงานหนักมาก เรื่องหัวใจก็ขอพักก่อน ก่อนหน้านี้ เราไม่ค่อยได้รับงานในวงการบันเทิงสักเท่าไหร่ เพราะเราหันมาทำธุรกิจให้กับ “คุณโยชิ” ซึ่งเขาก็เปิดธุรกิจให้เราดูแล เราเป็นศิลปิน ไม่มีความรู้และประสบการณ์ในการบริหารตรงนี้ หลายครั้งที่เราถอดใจบอกเขาว่าให้หาคนที่มาดูแทนเราเถอะ เพราะเรากลัวมีปัญหาทีหลัง สุดท้ายแล้ว 1-2 ปีผ่านไปมันก็ยังไม่ชัดเจน เขาก็มีเหตุผลอยู่ข้อนึงที่ขอเลิกว่าเราทำงานทางธุรกิจร่วมกันไม่ได้ และเขารู้สึกไม่ได้รักเรามาสักพักนึงแล้ว เขาก็ขอเลิก ตอนแรกที่ได้ยินคือช็อกมากๆ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาไม่รักเรานานแค่ไหน ซึ่งมันเป็นปีที่เราเริ่มธุรกิจให้เขา เราก็งงว่าเราผิดอะไร เราคบกับเขาเราก็เปิดเผยตั้งแต่ครั้งแรกเพื่อให้เขาสบายใจว่าเราไม่ได้มีคนอื่นนะ
ส่วนการทำงานจริงๆ เราทุ่มเทมาก ซึ่งมันก็ดีบ้าง เสียบ้าง แต่เราก็ทุ่มเทจริงๆ แต่กลับมองว่าเรายังขี้เกียจอยู่ เราทุ่มเทมากๆ ไม่ได้ดูแลตัวเองเลย หน้าตาก็ไม่ได้แต่ง หุ่นก็ไม่ดี ก็เพราะไม่มีเวลาออกกำลังกาย ซึ่งทางคุณแม่ของเราก็วางความหวังไว้เพราะเราคบกับพี่เขาประมาณ 4 ปี แม่ก็คงคิดว่าเราคงจะได้แต่งงานกัน ก่อนหน้าที่เขาจะไม่รู้สึกรักเราก็แพลนแต่งงานกัน ถ้าทุกอย่างมันสำเร็จเราก็จะแต่งงานกัน แต่ธุรกิจไม่สำเร็จก็เลยไม่อยากแต่ง แต่ถ้าพูดจริงๆ คือเหตุผลมันงี่เง่า อยากรู้ว่ามันคืออะไร แต่เราก็ไม่รู้ว่าวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเขาเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า วันที่เขาบอกเราช็อกมากๆ จนไม่กล้าบอกแม่ประมาณ 2-3 เดือน
การที่เราโดนคนที่เรารักดูถูกจริงๆ มันคือสิ่งที่เจ็บมากๆ แต่บอกใครไม่ได้ มีแค่น้องชายเราที่รู้ ในวันที่แม่เราเกษียณเราก็เริ่มทะเลาะกันแรงมากขึ้น วันนั้นเราต้องกดอารมณ์มากๆ เพราะเราจะให้แม่เห็นไม่ได้ว่าเรากำลังเสียใจอยู่ ไม่รู้ว่าคนญี่ปุ่นเป็นเหมือนกันหมดหรือเปล่า สำหรับเราเข็ดมาก และสิ่งเหล่านี้คือมันทำให้เราเป็นนโรคซึมเศร้าขั้นปานกลางด้วย แต่โชคดีที่เราไม่ต้องไปรับยา เพราะทางคุณหมอจิตเวชตรวจมาบอกว่าเราไม่ต้องไปรับยา เพราะเรายังไม่ถึงขั้นที่ไม่รักตัวเอง และฆ่าตัวตาย แต่เรายังรักครอบครัวมากกว่า
หมอถามว่าเรารู้สึกอยากฆ่าตัวตายไหม? เราบอกไม่เลย มันคือสิ่งที่ทำให้แม่เสียใจ เราจะไม่ทำเด็ดขาด เราก็สั่งน้องชายบอกว่าอย่าบอกแม่ จนกว่าเราจะแข็งแรงและบอกท่านเอง ในที่สุดแม่รู้ก็เลยโทรมาหาที่ออฟฟิศ ถามว่าไหวไหม เราก็ตอบไปตามความเป็นจริงว่าไม่ไหว เรากลัวแม่จะดุมากๆ เพราะท่านก็ไม่อยากให้เราเปลี่ยนแฟนบ่อย อยากให้เราลงเอยกับใครสักคนนึงที่ดูแลเราได้ แม่บอกว่าถ้าใครคิดว่าเราไม่เก่ง ไม่ดี ก็ปล่อยเขาไป แต่สำหรับแม่อยากให้รู้ว่าเราเก่งที่สุด ถ้าเขาไม่รักเราเพราะเราไม่เก่งก็ปล่อยเขาไป ยังไงแม่ก็เลี้ยงได้ วันนั้นคือทุกอย่างแตกหมดเลย ซึ่งโชคดีมากๆ ที่มีแม่เข้าใจเรามากๆ ถามว่าเสียดายเวลาไหม จริงๆ คือเสียใจนะเวลาเราคบใครเราจะจริงจังมาก และเราก็เริ่มอายุเยอะขึ้นแล้ว เราก็คิดว่าเขาใช่สำหรับเรามากๆ ในไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ไม่ชอบปาร์ตี้ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เหมือนกันแทบทุกอย่าง แต่เราก็ไม่โทษเขา ระยะเวลาที่เราคบกับเขา เขาก็ทำดีที่สุดเหมือนกัน
เรายอมรับนะว่าเราอยู่ก่อนแต่งเพราะว่ามันก็ปกติ เพราะทำงานด้วยกัน “พี่โยชิ” เขาจะไม่โฟกัสอะไรเลยนอกจากการทำงาน การไปเที่ยวด้วยกันแทบจะไม่มีเลย พอเราจะเที่ยวเขาก็บอกว่ารอให้งานสำเร็จก่อนค่อยไป การกระชับความรักทั้งหมด การเติมเต็มความหวาน รวมถึงเรื่องเซ็กซ์ก็เริ่มหดหาย มันก็เลยเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจว่าเราคงไม่ได้ทำให้ชีวิตเขามีความสุขขึ้น แต่ถึงแม้เลิกกันเราก็ยังทำงานด้วยกัน เจ็บมากๆ นะ เพราะสิ่งที่เขาบอกเลิกและดูถูกเราแต่เขายังต้องให้เราทำงานให้ บางครั้งแค้นในใจหยิบกระดาษมากำ ขยำทิ้ง ปาของทุกอย่าง ไม่อยากทำให้แล้ว แต่ก็เป็นห่วงเขาเพราะว่าเราเป็นคนประเทศไทย แล้วถ้าเขามาลุยเองอาจจะทำไม่ได้ ก็ยังเป็นห่วงเขา เป็นห่วงน้องๆ ทีมงานทุกคน เราก็เลยตัดสินใจลาออกจากเป็น CEO ของเขาเลย เพราะเราไม่ไหว จะให้ไปสู้หน้ากับน้องๆ ทุกคนไม่ได้ ที่เลิกกันวันแรกเราต้องกลับออฟฟิศด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มว่าทุกอย่างมันปกติ มันเจ็บมากๆ ที่ต้องไปที่เดิมๆ ที่ที่ตั้งใจทำ ลงทุนอดหลับทำงานดึกๆ แต่วันนี้โดนไม่เห็นค่า โดนบอกเลิก ตอนนี้ก็ได้แต่ให้กำลังใจตัวเอง มุ่งหน้าทำงานของตนเองต่อไป