ข่าวฮอตประจำปี 2561 : รวมดราม่า “ซีแนม-ดิว อริสรา” ไปให้สุดแล้วหยุดที่ศาล
กลายเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก กับกรณีนักร้องสาว “ซีแนม สุนทร” ที่ออกมาโพสต์รูปลงอินสตาแกรม แฉยับ พร้อมร่ายยาวถึงนักแสดงสาวนางร้ายรุ่นน้องที่ติดหนี้ไม่ยอมจ่าย แต่ดันใช้ชีวิตหรูหรา ซึ่งก็ทำเอาต่อมเผือกของชาวเน็ตทำงานอย่างหนัก ว่านางร้ายที่พูดถึงคนนั้นเป็นใคร ซึ่งวันนี้ “ดาราเดลี่” จะพาไปย้อนเส้นทางดราม่ากัน โดย “ซีแนม” โพสต์ข้อความว่า
“ถึงนางร้ายผู้ไร้ความรับผิดชอบ ตั้งแต่ปีที่แล้วเดือนพฤษภาคม ได้ลงร่วมหุ้นเปิดร้านทำเล็บกับ คุณดาราเซเลปคนนึงค่ะ แต่ที่ไปหุ้นไม่ได้สนิทกับนางนะรุ่นน้องเพื่อนนางมาชวน เราสนิทกับน้องเค้าเราเลยร่วมหุ้น เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี คือมันมีปัญหานิดหน่อย จริงๆก็ไม่นิดขี้เกียจเล่า ร้านก็ไม่เกิดขึ้นได้ทำ พวกเราหุ้นทั้งหมดเลนตักสินใจไม่เปิดร้านแล้ว และเคลียร์รายละเอียดเองเงินที่เหลือจะต้องคืนหุ้นทั้งหมดจบแล้ว ผ่านไปครึ่งปีแล้วจ้าาา นางไม่คืน นางเลี่ยง นายบ่ายเบี่ยง นางเป็นอะไรไม่ปกติหรอลูก ตอนโอนเงินให้นางร่วมหุ้น พวกเรานี่โอนไวเลย พอจะรอเงินคืน ยากจัง นางบอกนางไม่ว่างอ่ะ นางฟีสเนต นางออกเที่ยวกลางคืนอ่ะ นางไปชอปปิ้งแบรนด์เนมรุ่นใหม่หัวจรดเท้าตลอดเลยอ่ะ คิวนางแน่นจังคะ นางให้เราคุยกับทนาย อ้าวเงียบค่ะ ”
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 ทาง “ซีแนม สุนทร” พร้อมด้วยทนายความ “ธนพัฒน์ บุญแสง” ได้เดินทางมายังศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ย่านเจริญกรุง 63 เพื่อเข้าพบศาลเพื่อไกล่เกลี่ย แต่ได้แค่เพียงนัดชี้สืบพยานโจทก์เท่านั้น ซึ่งสาว “ซีแนม” ได้เผยว่า “ก็ได้เจอกันครั้งแรกหลังจาก 5-6 เดือนที่มีปัญหาไม่เคยได้เจอ วันนี้ก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย ซึ่งเราอยากคุยด้วยดี ตลอดจนต้องมาขึ้นศาลในวันนี้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ทัก ไม่มองหน้าเลย จริงๆวันนี้ตั้งใจมาคุยและพร้อมเจอทุกวัน แต่พอมาเจออีกฝ่ายไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร เรารอได้ ยันอยากไกล่เกลี่ย ไม่คิดจะฟ้องให้ใหญ่โต และเรื่องนี้ควรคุยให้จบตั้งแต่หลายเดือนที่แล้ว แต่ไม่จบ เลยมาที่ศาล พอมาแล้วก็ยังไม่พร้อม อีกอย่างที่บอกเรารอได้ และพร้อมตลอด รออีกฝ่ายอย่างเดียว ก็รอคุยพร้อมกันในศาลครั้งหน้า ซึ่งทนายเผยเรื่องเงินก็ได้คืนอยู่แล้ว แต่ว่าจะได้คืนเท่าไหร่ต้องดูที่ความเสียหายและข้อเท็จจริง ต้องแบ่งกันตามสัดส่วนที่ควรจะคืน ทั้งนี้ "ซีแนม" เผยทิ้งท้ายที่โพสต์ตอนแรกว่าไม่ได้บอกว่าเป็น "ดิว อริสรา" อยากให้มาคุยตั้งแต่วันแรก เพราะเป็นคนในวงการเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมาทะเลาะกัน ไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อให้เราพูดแรงแค่ไหนก็ยังอยากคุยอยู่ดี พยายามมองหน้าเขาก็ไม่อยากคุย ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่อยากให้ย้อนไปวันแรกที่ตกลงจะทำธุรกิจด้วยกันก็ตกลงด้วยใจ และถ้าจบควรจบด้วยใจ ไม่ใช่จบกันไม่ดี เราอยู่วงการมา 10 กว่าปีก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร วันนี้ก็เช่นกัน อยากบอกสามารถจบได้ด้วยดี การคุยกันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ซึ่งเราก็คุยได้ทุกเรื่อง
และในขณะที่สาว “ดิว อริสรา” ก็เดินทางมาพร้อมทนายความส่วนตัวเช่นกัน และได้เปิดใจกับสื่อเป็นครั้งแรกว่า “วันนี้จริงๆ ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ เพราะเป็นการนัดครั้งแรกสามารถให้ทนายมาได้แต่ตนให้เกียรติศาลและเพื่อความบริสุทธิ์ใจเลยมา เรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกอึดอัดมานานแล้วที่ผ่านมาไม่ได้พูดเลย ซึ่งต้นเหตุที่ไม่พูดเพราะถ้าพูดไปอาจจะมีกรณีโดนฟ้องหมิ่นประมาทได้ เลยให้เข้าสู่กระบวนศาลก่อนและค่อยมาพูด และที่ไม่ได้คืนเงินเพราะตนยังมีคดีฟ้องร้องกับเจ้าของตึกที่จะเช่าทำร้านอยู่ ที่ฟ้องเจ้าของตึกคนเดียวตอนแรกก็มีการบอกเหตุผลอีกฝ่ายไปแล้วว่า ทำไมไม่คืนเงิน ซึ่งเขาก็บอกจะไม่ฟ้องอย่างที่รู้กันหุ้นส่วนมีทั้งหมด 5 คนแต่ตนถือหุ้น 60% กับเงินสองล้านบาทของเขาถือ 10 % ถ้านับกันจริงแค่สองแสนแต่ตนถือล้านกว่าบาทก็อยากให้เห็นใจ เพราะตนถือหุ้นเยอะที่สุด และในสัญญาก็ระบุว่าอีกฝ่ายสามารถฟ้องกลับได้ถ้าผิดสัญญา ตนก็ทำทุกอย่างเพื่อป้องสิทธิ์และการทำธุรกิจก็ต้องออกตามจำนวนหุ้นหรือเปล่า ถ้าเจ็บก็เจ็บที่ตนเยอะสุด โดยก่อนหน้านี้ได้มีการคุยเพื่อนัดคืนเงินแต่อีกฝ่ายมีด่าและขู่จะทำลายชื่อเสียง ก็ไม่แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย มีการปรึกษา "ไผ่ วันพอยท์" เขาก็บอกให้มีทนายมาช่วยเรื่องนี้ยันที่อีกฝ่ายพูดว่าไม่เคยคุยเรื่องเงินไม่เป็นความจริงมีการคุยแล้วแต่โดนชี้หน้า และอีกฝ่ายพูดด้วยอารมณ์ทั้งสิ้น ตอนแรกที่นัดคุยก่อนหน้านี้จะไปคุยคืนเงินแต่มีปากเสียงถูกขู่ด้วยและอีกฝ่ายอยากให้ตนรับจบไปเลยคนเดียวหาว่าซื้อของแพงมาใส่ที่ร้านแต่พอคุยไปก็คุยไม่รู้เรื่องเลยต้องเพิ่งทนาย ส่วนข่าวที่ตนใช้เงินฟุ่มเฟือยจัดงานวันเกิดนั้นก็ยอมรับเป็นคนใช้เงินเก่งแต่ไม่ได้เอาส่วนนั้นไปใช้ ที่ไม่คืนอย่างที่บอกเพราะมีคดีกับเจ้าของตึกอยู่ซึ่งหุ้นส่วนอย่าง "หนูนา หนึ่งธิดา" ก็พร้อมให้สัมภาษณ์เขาไม่มีปัญหาเลย ครั้งหน้าจะเชิญเขามาด้วยและเขาก็ยังไม่ได้เงินคืนเขาไม่เอาไม่อยากทิ้งตนคนเดียว และที่ให้หุ้นส่วนไปแล้วเพราะเขามาคุยว่าเดือดร้อนจริงๆ ซึ่งทุกๆเงื่อนไขก็ได้ให้เขาเซ็นเป็นสัญญากู้ยืมเงิน เพราะกลัวผู้ไม่ประสงค์ดีมาเล่นอีก หุ้นส่วนคนนี้คุยรู้เรื่องให้เงินเขาไปเหมือนเป็นการยืมกันมากกว่า และสาวดิวก็ปิดท้ายว่า คิดว่าทุกคนเข้าใจการทำธุรกิจละเอียดอ่อน ที่ผ่านมาตนไม่พูดก็อยากให้ลองฟังดูและไม่โกรธคนที่เข้ามาต่อว่าตน เพราะไม่สามารถบังคับใครได้อยู่แล้วก็ขอเคลียร์เรื่องนี้ให้จบก่อน ถ้าจะทำร้านต่อซึ่งทาง "หนูนา หนึ่งธิดา" ก็บอกให้ทำต่อแต่ตนขอพัก เพราะเหนื่อยมากและอาจจะยังมีประสบการณ์ไม่พอกับเรื่องนี้ รู้สึกคิดน้อยไปที่เซ็นรับเกือบทั้งหมดมาคนเดียว
ส่วนหนึ่งในสมาชิกที่ร่วมหุ้นอย่างสาว “หนูนา หนึ่งธิดา” ก็ออกมาเปิดใจถึงประเด็นดราม่าดังกล่าวว่า ทาง “พี่ดิว อริสรา” โทรมาบอกตลอดว่ามีไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ตนยังไม่ว่างจะไป ก็เป็นส่วนหนึ่งของหุ้นเล็กๆ ไม่ได้เยอะอะไรมาก เรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นสิทธิของหุ้นใหญ่จะจัดการกันไปยันยังไม่ได้รับเงิน แต่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่มาลงทุนทำธุรกิจ เหมือนศึกษาและจะคอยถามกับ “พี่ดิว อริสรา” ตลอดว่าเหตุการณ์เป็นไง ก็รู้ว่าที่ยังเปิดร้านไม่ได้เงินไปอยู่ตรงไหน ณ ตอนนี้ โดยรายละเอียดล่าสุดที่เหมือนจะไกลเกลี่ยลงตัวยังไม่ได้คุย เพราะตนยังไม่ว่าง ก็จะสอบถามอีกทีว่าเป็นยังไง ทั้งนี้ได้รู้ตั้งแต่แรกว่าเปิดไม่ได้ หุ้นส่วนทุกคนจะรู้คอยตามอยู่ตลอดซึ่งรู้ปัญหาว่าไม่ได้เปิดเพราะสถานที่ ส่วนตัวได้ตามมาตลอด
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก็เข้าใจทั้งคู่ทั้ง “พี่ดิว” และ “พี่ซีแนม” แต่เรื่องแบบนี้พูดยาก และไม่ได้เข็ดหรือกลัวการทำธุรกิจเพราะทาง “พี่ดิว” จะบอกตลอดว่าการทำธุรกิจจะทั้งได้และไม่ได้ มีปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอด ตอนนี้ยังไม่มีแพลนจะทำต่อหรือเปล่าแต่ตนก็มีธุรกิจส่วนตัวอยู่ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งดราม่าที่ถูกพูดถึงในปีที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ และในปีนี้จะมีประเด็นอะไรให้ติดตามอีกนั้นทาง “ดาราเดลี่” จะรีบนำมาฝากอีกแน่นอน