“ป่าน คมกฤษณ์” เผยวิธีจัดการ กรณีเจอโรคจิตคุกคาม
ถึงกับออกอาการเซ็งไม่น้อยเลยต้องหาวิธีจัดการกรณีเจอโรคจิตคุกคามเหตุเพราะถอดเสื้อโชว์กล้ามในละคร “บ่วงสไบ” สำหรับ “ป่าน คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์” ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาเผยว่า
ฟีดแบ็คบท “พ่อมิ่ง” ถือว่าค่อนข้างดีมากเลย เราเพิ่งเข้าวงการก็กังวลมาก แต่พอละครออนแอร์คนดูชื่นชอบก็รู้สึกดีใจ อยากขอบคุณทีมงานที่มอบบทดีๆ แบบนี้ให้ แรกๆ อาจจะมีกดดันไปบ้าง แต่ก็รู้สึกยินดีที่ได้รับบทนี้ โดยในเรื่องต้องถอดเสื้อ ทำให้ผิวคล้ำบ้างตามยุคสมัย และ “พ่อมิ่ง” จะเป็นคนสกปรก มอมแมมตลอดเวลา เลยต้องถอดเสื้อ แต่ก็ไม่กังวลเพราะต้องเล่นให้สมกับบทบาทที่ได้รับ
ซึ่งฉากเลิฟซีนกับ “ทับทิม อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์” ที่หลายคนอาจมองว่าทำไมถึงเลิฟซีนดุ ก็ด้วยความที่ยุคนั้นเป็นยุคของทาส จึงไม่มีการบังคับเรื่องมารยาทเท่าไหร่ แบบถ้ารู้สึกว่ารักก็จู่โจมไปเลย หรือถ้ามีอะไรด้วยก็บอกตรงๆ รับค่อนข้างเกร็งพอสมควร และได้มีการขออนุญาตพี่เขาก่อน เพราะบทมันค่อนข้างแรง แต่ด้วยความที่พี่เขาเป็นมืออาชีพเลยทุ่มสุดตัวให้ผ่านในเทคเดียวเลย
ด้านผลงานอื่นๆ ตอนนี้กำลังถ่ายทำอยู่ ชื่อเรื่อง “เจ้าสัวมั่วนิ่ม” คาแรกเตอร์เป็นตัวร้ายเหมือนเดิม แต่จะใส่สูท เนี้ยบๆ เป็นคนเผด็จการ สั่งอย่างเดียว ซึ่งบทนี้ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะดังเท่าบท “พ่อมิ่ง” ไม่ว่าจะได้รับบทอะไรก็อยากจะทำให้เต็มที่ อยากให้เข้าถึงบทบาท เล่นให้สมจริง ฟีดแบ็คจะเป็นยังไงมันเป็นผลพลอยได้มากกว่า ทั้งนี้กับการทำงานวงการบันเทิงในตอนนี้เริ่มโอเคแล้ว แต่ฝีมือการแสดงยังต้องพัฒนาให้ดีมากขึ้นกว่านี้ เรื่องชื่อเสียงไม่ค่อยคาดหวัง ขอโฟกัสไปที่งานมากกว่า ยิ้มดีใจที่มีคนให้ความสำคัญ เข้ามาคอมเมนต์กันค่อนข้างเยอะ และขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่เขาเชื่อใจป้อนบทที่เหมาะให้กับตัวเอง
สำหรับคอมเมนต์เชิงโรคจิตที่เข้ามาก็มีบ้าง ถ้าเป็นแบบชอบในตัวละครหรือชื่นชอบในผลงานก็โอเค อยากขอบคุณมาก แต่ถ้ามาบอกชอบในอีกแบบหนึ่งจะจัดการกลับไปประมาณว่า ขอโทษนะครับ เราไม่ได้ชอบพี่แบบนั้น และถ้ามีการมาตื๊อเราก็คงไม่ว่าอะไรแบบจัดหนัก แต่อาจมีพูดคุยกับผู้ใหญ่ให้รับรู้ถึงเรื่องนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสีย ส่วนตัวก็ไม่ซีเรียสมาก เพราะความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะชอบเราแบบไหนก็โอเค แต่อย่างที่บอก ถ้ามาคุกคามมันค่อนข้างน่ากลัว
ส่วนเรื่องความรักก็มีคนคุยอยู่ แต่ยังไม่ถึงกับเป็นแฟนกัน สถานะให้เขาเป็นคนพิเศษอยู่ ขอคุยศึกษาไปเรื่อยๆ เน้นการให้กำลังใจกันมากกว่า ซึ่งระยะเวลาที่คุยประมาณ 5-6 เดือน เขาก็เข้าใจในเรื่องการทำงานในวงการบันเทิงที่เราไม่มีเวลาให้มากนัก แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไร