คำด่าเหมือนอาหารไม่อร่อย “แบงค์” รับเป็นเมนเทอร์ The Face ไม่ง่าย
ยังคงเป็นรายการที่ได้รับความนิยมของแฟนๆ มาโดยตลอด สำหรับรายการ “The Face Thailand” ที่ตอนนี้เดินหน้ามาถึงซีซั่นที่ 5 หลังจากออกอากาศตอนแรกไป ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ต กรณีที่หนุ่ม “แบงค์ อนุสิทธิ แสงนิ่มนวล” และสาว “จีน่า วิรายา ภัทรโชคชัย” มาร่วมเป็นเมนเทอร์น้องใหม่ จึงทำให้หลายคนติชมไปในทางลบ จนเกิดเป็นดราม่าเล็กๆ วันนี้ ทาง “ดาราเดลี่” ได้มีโอกาสพูคุยกับหนุ่ม “แบงค์” ถึงความรู้สึกของการเป็นเมนเทอร์ และกระแสตอบรับของรายการ เจ้าตัวเผยว่า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
“แบงค์ The Face Men” เล่าความประทับใจจัดมีตติ้งพร้อมวันเกิด
ความรู้สึกหลังจากมาเป็นเมนเทอร์ในรายการเดอะเฟซ ความรู้สึกแรกคือตกใจ ตอนรับโทรศัพท์แล้วพี่เขาบอกมาว่า ให้เรามาเป็นเมนเทอร์ในซีซั่นนี้ แต่เรามองว่ามันเป็นโอกาส ผู้ใหญ่เล็งเห็นว่าเรามีความสามารถ แล้วเราก็อยากจะรู้ว่าเราจะพัฒนาตัวเอง และก้าวหน้าต่อไปได้ไหม เรารู้สึกว่าเราชอบ เราเป็นคนชอบไกด์คน และบทบาทเมนเทอร์ที่เราอยากจะทำมากที่สุด คือเราอยากจะเป็นคนที่ไกด์น้องๆ ในทีมให้ไปได้ถึงจุดที่ดีที่สุด ให้พัฒนาในวงการบันเทิง ให้เป็นคนที่เก่งที่สุด
เราก็ทราบว่าต้องร่วมทีมกับ “จีน่า” ก็รู้สึกดีใจ เพราะเรารู้จักกันอยู่แล้ว ทำงานร่วมกันมาน่าจะประมาณ 6-7 ปีแล้ว เคยมีโอกาสเดินแบบด้วยกันตั้งแต่แรกๆ เลย เราก็พอจะรู้จักนิสัย รู้กระบวนการทำงานทั้งสองฝ่าย
การร่วมงานกับ “จีน่า” ผมมองว่าเขาจะเป็นสไตล์เขา ส่วนเราก็จะเป็นสไตล์ของเรา เรามองว่ามันเข้ากันได้ดี อย่างถ้า “จีน่า” จะเป็นฝ่ายวิ่งเข้าชนเลย เราเองก็จะเป็นฝ่ายข้างหลัง หรือบางทีเราเป็นฝ่ายพุ่งชน แล้ว “จีน่า” ก็อยู่ฝ่ายข้างหลัง ซึ่งการทำงานคู่ตรงนี้ เรามองว่ามันสนุก เป็นความสนุกใหม่ๆ ที่จะได้ดูในรายการ แต่ด้วยความที่เราสองคนเป็นเมนเทอร์มือใหม่ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องทำการบ้านหนักมากกว่าคนอื่นๆ พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแอ็คติ้ง การเดินแบบ วิธีการโพสท่า เราจะให้น้องๆ ทำแบบไหน ถ้าเราสองคนรู้อะไรก็ต้องมาสอน มาแชร์ คือการที่มีสองคนมันเป็นการช่วยเติมเต็มในส่วนที่อีกคนไม่มี ในการที่ทำให้น้องๆ ออกมาดีที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน เราต้องทำการบ้านมากกว่าคนอื่น เราต้องเอ็กซ์ตราออกมา เพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด
ความกังวลในการเป็นคู่แข่งของเมนเทอร์ที่มากประสบการณ์ เรามองว่าทั้ง “มารีญา” และ “พี่โทนี่” ซึ่งเราก็ชื่นชอบ และติดตามผลงานเขามาตลอด แล้วเราได้มีโอกาสมาร่วมงานกับเขาเป็นโอกาส เป็นความสนุก และความท้าทายมากกว่า ส่วนเรื่องการแข่งขัน คือถ้าเป็นสไตล์ของผม ผมเน้นเรื่องการทำแคมเปญ และก็ตัดสินให้มันแฟร์ ให้เคารพกฎกติกาในเกมมากกว่า
สำหรับกระแสดราม่าตั้งแต่เริ่มรายการ เราเข้าใจของกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทุกอย่างมันมีบวกมีลบอยู่แล้ว มีคนที่ชอบ และก็ต้องมีคนที่ไม่ชอบ มีคำชมก็ต้องมีคำติ ก่อนที่เราจะรับบทบาทนี้ เราทราบอยู่แล้วว่าต้องเจออะไรแบบนี้ บางทีเรารู้ว่าทุกคนอาจจะมีเมนเทอร์ในดวงใจ และก็อยากจะให้มาเป็น แต่พอได้คนที่อาจจะไม่ได้คาดหวัง ก็อาจจะมีอารมณ์ออกมา ซึ่งตรงนี้เรารู้สึกว่ารับฟังความเห็นหมด เพราะว่าทุกคำวิพากษ์วิจารณ์มันทำให้เราโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เรื่องของการใช้ชีวิตด้วย
ส่วนคอมเมนต์ที่มีคำวิพากษ์วิจารณ์เป็นคำติชม เราก็เลือกอ่านว่าอันไหนมันสามารถนำมาปรับปรุง และพัฒนาตัวเองได้ เราก็ยอมรับว่าตัวเราไม่ใช่คนที่ดีที่สุด เราไม่ได้เพอร์เฟคท์ เราก็ต้องพัฒนาตัวเอง แก้ไขตัวเอง ส่วนบางคำวิจารณ์ที่มันรุนแรงไป เราก็พยายามเลือกที่จะไม่อ่าน เพราะมันเหมือนเป็นอาหารไม่อร่อย ทำไมต้องไปทานมัน เราเลือกได้ว่าเราจะทานอาหารที่อิ่ม และสบายใจกับเรามากขึ้น
เราก็จะทำให้ดีที่สุด คือเป้าหมายของฐานะเมนเทอร์ อยากจะไปที่สุดคือ อยากจะเป็นคนที่เป็นทางผ่านให้น้องๆ ได้ไปถึงจุดที่เขาอยากจะเป็นมากที่สุด ผมว่านี่คือเพอร์เฟคท์ทีมของการเป็นเมนเทอร์ของผม เพราะว่าเราเป็นคนรุ่นใหม่ คิดว่าน่าจะมีอะไรใหม่ๆ ให้คนดูได้ดูกันแน่นอน เพราะ “พี่โทนี่” ก็ไม่เคยเป็นโค้ชให้กับผู้หญิงมาก่อน “มารีญา” เป็นเมนเทอร์ครั้งแรก แล้วเราคู่กับ “จีน่า” ถือว่าเป็นอรรถรสใหม่ๆ ที่คนดูจะได้ดู เพราะไม่เคยมีเมนเทอร์สองคนมาก่อน
สำหรับคนที่มองว่า เรามีจุดอ่อน จุดแข็ง ความเชื่อมั่นของลูกทีม ก็ต้องรอชมในรายการ เพราะเราก็จะมีการเติบโต และเรียนรู้กันมากขึ้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสาขาอาชีพไหน คือการทำงานร่วมกันสองคน มันต้องมีความคิดเห็นที่ต่างกันอยู่แล้ว แต่มันอยู่ที่ว่าเราจะจัดการกับมันยังไง ให้ออกมาลงตัวที่สุด
ส่วนความแตกต่างระหว่างตอนเป็นผู้เข้าแข่งขันจนมาเป็นเมนเทอร์ ความรู้สึกมันแตกต่างแน่นอน ตอนเป็นผู้เข้าแข่งขัน เราเหมือนแข่งกับตัวเอง ในการที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป แต่วันนี้เรามาเป็นเมนเทอร์ คือเรามาแข่งเพื่อน้องๆ เราจะไกด์ให้น้องๆ ได้โตขึ้นไปได้อย่างไร นอกจากการช่วยเหลือน้องๆ แล้ว มันทำให้ตัวเราโตขึ้นด้วย เพราะมันทำให้เรารู้สึกเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สุขุมมากขึ้น คิดก่อนพูดมากขึ้น และที่สำคัญคือ มันทำให้เรามีทัศนคติในวงการในการทำงานที่ดีขึ้น
ฝากถึงแฟนคลับรายการเดอะเฟซ คนที่ชื่นชอบรายการซีซั่นนี้มันเป็นอะไรที่เริ่มต้นใหม่ๆ และมีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ เพราะฉะนั้น อยากให้ทุกคนลองดู ดูด้วยความสนุก และก็ฝากทีม “จีน่า-แบงค์” ด้วย ถึงเราจะเป็นเมนเทอร์น้องใหม่ทั้งสองคน แต่ว่าเราทำเต็มที่แน่นอน ทุกคนจะได้เห็นการเติบโตของเราสองคนในรายการแน่นอน รวมถึงน้องๆ ของเราจะออกมาเป็นยังไง
ด้านน้องๆ ผู้เข้าแข่งขันสิ่งที่เรารู้สึกคือ เด็กซีซั่นนี้เก่ง และก็มีของมากขึ้น ผมมองว่า คือยุคปัจจุบันมันคือยุค 2019 คือคนสามารถพัฒนาตัวเองได้เยอะแยะเลย ไม่จำเป็นต้องรอรายการทีวี บางคนนั่งดูยูทูบฝึกฝนการเดินแบบ การโพสท่าด้วยตัวเองออกมาได้ ซึ่งรายการแบบนี้ มันเป็นเหมือนแพลตฟอร์มเปิดโอกาสให้กับเขาสามารถที่จะสร้างจุดยืนในวงการบันเทิง สิ่งที่เราเห็นในซีซั่นแรกๆ คือคนที่มีประสบการณ์เลย ดูเหมือนยังทำอะไรไม่ได้ แต่ซีซั่นนี้เรามองว่าทุกคนแทบจะทำงานได้หมด ลำบากใจมากในการเลือก ส่วนใครจะเป็นตัวเต็งเรียกว่าเกือบทุกคนเลย
ด้านผลงานอื่นๆ นอกเหนือจากการเป็นเมนเทอร์ในรายการแล้ว เรายังมีงานหลักเป็นพิธีกรสำหรับรายงาน “ET Thailand” ทางช่อง PPTV 36 และรับเดินแบบ อีเว้นท์ พิธีกรอีเว้นท์ หลักๆ ก็คือเป็นพิธีกร จริงๆ ก็อยากร้องเพลง เพราะในอดีตก็เคยเป็นนักร้อง แต่ปัจจุบันบทบาทพิธีกรเป็นบทบาทที่เรากำลังสนุก และเรากำลังชอบ เราก็เลยอยากทำให้มันดีที่สุด ควบคู่ไปกับบทบาทเมนเทอร์
ส่วนเรื่องการเป็นทนาย ก็ยังคงมีอยู่บ้าง ยังมีรับจ็อบเป็นทนายอยู่บ้าง เพราะทางบ้านเราไม่อยากให้ทิ้ง ตอนนี้เรียนจบปริญญาโทแล้ว แต่ก็อยากจะเรียนต่อปริญญาเอก แต่ก็ต้องรอจังหวะ เวลางาน เพราะช่วงนี้เรากำลังเต็มที่กับงานในวงการบันเทิง ก็อยากทำออกมาให้ดีที่สุด
#TheFaceThailand