พูดคุย (พิเศษ) กับทีมนักแสดง-ผู้กำกับซีรีส์ “เขามาเชงเม้งข้างๆ หลุมผมครับ”

พูดคุย (พิเศษ) กับทีมนักแสดง-ผู้กำกับซีรีส์ “เขามาเชงเม้งข้างๆ หลุมผมครับ”

0

พูดคุย (พิเศษ) กับทีมนักแสดง-ผู้กำกับซีรีส์ “เขามาเชงเม้งข้างๆ หลุมผมครับ”

         กระแสตอบรับดีไม่น้อยสำหรับซีรีส์เรื่อง “เขามาเชงเม้งข้างๆ หลุมผมครับ” ซีรีส์วายรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากแนวอื่นๆ เพราะจะมีเรื่องของคนกับผีเข้ามาเกี่ยวด้วย นำแสดงโดย ปราชญา เรืองโรจน์, โอม ภวัต จิตต์สว่างดี, ซิง หฤษฎ์ ชีวการุณ และ วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์ ซึ่งออนแอร์ไปตอนแรกก็ถูกใจแฟนๆ ไม่น้อย ทาง “ดาราเดลี่” มีโอกาสได้พูดคุยกับทีมนักแสดงและผู้กำกับฯ ถึงความสนุกสนานและความยากในการทำงาน และที่มาของเรื่องว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง ซึ่งก็ได้ความว่า

เชงเม้ง สิงโต ชิม่อน ซีรีส์

ให้ทุกคนแนะนำตัวหน่อย
ชิม่อน : สวัสดีครับ ผม “ชิม่อน” รับบทเป็น “ปริ๊นซ์” ครับ
โอม : ผม “โอม” ครับ รับบทเป็น “ธัน”
ซิง : ผม “ซิง” ครับ รับบทเป็น “เขียวเข้ม” จ้า ชื่ออีกชื่อหนึ่งในเรื่องคือ “กอล์ฟ”
สิงโต : สวัสดีครับ ผม “สิงโต” ครับ รับบทเป็น “พี่เมษ”
พี่อ๊อฟ (ผู้กำกับฯ) : สวัสดีครับ ผม “พี่อ๊อฟ” นะครับ เป็นผู้เขียนบทแล้วก็ผู้กำกับฯ ครับ

เชงเม้ง สิงโต ชิม่อน ซีรีส์

ซีรีส์สายวายมาลงตัวกับประเพณีเชงเม้งได้อย่างไร?
พี่อ๊อฟ : เราก็ดูวายมาเยอะ บริษัทของเราเชี่ยวชาญเรื่องทำสายวายอยู่แล้ว เราอยากจะหาอะไรที่มันแปลกใหม่เสิร์ฟให้กับคนดู เราก็เลยมองหาวายอะไรที่มันมีจุดน่าสนใจ แปลกใหม่ ที่คนยังไม่เคยดู ก็พยายาม จนมาเจอนิยายในเด็กดี ชื่อเรื่องว่า “เขามาเชงเม้งข้างๆ หลุมผมครับ” แค่เจอชื่อก็อยากทำเรื่องนี้
ซิง : พอได้เห็นชื่อเรื่องแล้วอยากทำเลยเหรอ
พี่อ๊อฟ : อ่านบทแรกก่อน อ่านบทแรกเราเห็นว่าความสัมพันธ์แบบนี้ๆ นี่แหละที่เราตามหาอยู่ ถามว่าทำไมต้องเป็น “สิงโต” บทแรกที่อ่านปุ๊บคือเสียงในหัวที่ตัวละครบรรยาย พอเราอ่านเสร็จเราก็ได้ยินเป็น “คุณสิงโต” เลย
สิงโต : ซีรีส์เรื่องนี้คือ “พี่อ๊อฟ” ใช้เวลานานพอสมควรเลย เพราะ “พี่อ๊อฟ” คุยกับผมตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว คือเริ่มคุยกับผมว่ามีซีรีส์ที่เห็นภาพว่าเป็นผม และอยากให้ผมเล่นตั้งแต่ปี 60 และเริ่มถ่ายปี 61 แล้ว 62 ได้ออนแอร์ คือนานมาก
พี่อ๊อฟ : แล้วมีแค่ 8 ตอนเอง (หัวเราะ)
ซิง : แต่มันจะคุ้มค่าครับกับการที่คุณได้ดู

เชงเม้ง สิงโต ชิม่อน ซีรีส์

เผยแหตุผลที่เลือกนักแสดงแต่ละคนในซีรีส์เรื่องนี้หน่อย
พี่อ๊อฟ : พอคุยกับ “สิง” ว่าบท “พี่เมษ” โอเคไหม “สิง” ก็ตาโต ตื่นเต้น อยากเล่น โดยยังไม่รู้ด้วยว่าคาแรกเตอร์ดีไซน์เป็นแบบไหน แต่ด้วยพล็อตเรื่องไง เขาสนใจ เราก็เลยมองหาตัว “ธัน” อีกตัวหนึ่ง เราก็ดูว่าใครนะ ก็มีน้องอยู่จำนวนหนึ่ง เราก็เรียกมาแคสต์ดู “โอม” ไม่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน เพราะ “โอม” ไม่เคยอยู่ GMM ก็เห็นว่า “โอม” ดูมีอะไรเลยเรียกมาแคสต์ ก็เลยได้ “โอม” มา จริงๆ ในนิยายมันมีตัวละครแค่ 2 ตัว แต่อย่างที่บอกว่าตัวละคร 2 ตัวมันไม่พอสำหรับการเล่าเรื่อง เราก็เลยคิดถึงคาแรกเตอร์เพื่อนของธันขึ้นมา เขียนไว้ก่อนว่าคาแรกเตอร์ประมาณนี้ ในหัวก็มีอยู่แล้วว่าเราอยากได้คนหนึ่งที่ดูหล่อ เพอร์เฟคท์ เป็นเลขาสโมนักศึกษา เราก็นึกถึงตัว “ชิม่อน” ขึ้นมา แล้วอีกตัวหนึ่งเราอยากได้คนอารมณ์ดี เป็นตัวเฮฮา เป็นตัวอยู่ในกลุ่มแล้วทำให้บรรยากาศมันสดชื่นขึ้น ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ซิง”
ซิง : คุณต้องบอกเขาไปว่าตอนแรกที่คุณกำกับตัวละครตัวนี้ คุณวางบทเขาไว้ว่ายังไง คุณมองว่าเขาเป็นเด็กต่างจังหวัด เป็นคนผิวดำ เขาถึงต้องชื่อ “เขียวเข้ม” แล้วที่ได้ออกมายังไง คุณบอกเขาไป
พี่อ๊อฟ : เรามองว่ามันเป็นกลุ่มนักกีฬาบาส ว่ามาจากต่างจังหวัด มันต้องดำๆ คล้ำๆ มันถึงต้องมีฉายาว่า “เขียวเข้ม”

เชงเม้ง สิงโต ชิม่อน ซีรีส์

ให้หนุ่มๆ ได้พูดกันบ้างดีกว่าว่าทำไมเราถึงตัดสินใจเล่นเรื่องนี้?
สิงโต : เพราะตอนนั้นยังไม่มีซีรีส์เรื่องอื่นเข้ามาคุย ก็มีเรื่อง “เขามาเชงเม้งข้างๆ หลุมผมครับ” มาคุยก่อนเลยสนใจ เพราะแค่พูดขึ้นมาว่าต้องเล่นเป็นผีก็สนใจแล้ว แล้ว “พี่อ๊อฟ” บอกว่า ถ้าเล่นต้องเล่นกับ green sceen ต้องเล่นกับ CG นะ เราก็ยิ่งสนใจเกี่ยวกับอะไรแบบนี้ เพราะปกติเวลาเราทำการแสดงมันก็จะมีเรื่องรับ-ส่งอารมณ์ การเข้าคู่กันอะไรแบบนี้ แต่มาเล่นเกี่ยวกับ CG มันดูน่าตื่นเต้นว่าจะทำยังไง แล้วมันออกมาเป็นยังไง ก็สนใจ แต่พอมาเล่นจริงๆ ยากมาก เพราะเราไม่ได้คิดว่ามันเป็นยังไง อุปนิสัยตัวละครเป็นยังไง แต่พอเรามา workshop “พี่อ๊อฟ” ก็บอกว่า “สิง” พี่ขอแบบแฮปปี้ ผีน่ารักอะไรแบบนี้ เราก็คิดว่าจะทำยังไง รู้สึกว่ามันยากกว่าเดิม เวลา “พี่อ๊อฟ” บรีฟตอนหน้าเซ็ต “พี่อ๊อฟ” ก็จะบอกว่า “สิง” พี่ขอใหญ่กว่านี้ เวลาเล่นละครก็จะแสดงออกมาเท่าที่รู้สึก แต่อันนี้คือต้องเล่นใหญ่
โอม : ตอนแรกก็มาแคสต์กับ “พี่อ๊อฟ” แล้วมีบทให้ผมแคสต์ 2 บท เฮฮาบทนึง ดราม่าบทนึง บทเฮฮาผมก็เล่นได้ปกติ แต่พอมาเจอบทดราม่าผมจำได้ว่าผมแคสต์ไป 3-4 รอบ เพราะว่าเหมือนเล่นเรื่อยๆ แล้วรู้สึกว่ามันยากนะ มันท้าทาย ก็เลยตัดสินใจลองทำอะไรที่มันท้าทายความสามารถของตัวเอง
ชิม่อน : ตอนแรกไม่ได้ชื่อ “ปริ๊นซ์” ตอนแรกชื่อ “ปุณณ์” แล้วชื่อ “ปุณณ์” มันไปซ้ำกับชื่อ “พี่กัน” ใน GIFTED เราก็เลยเปลี่ยนเป็นชื่อ “ปริ๊นซ์” ผมเสนอชื่อ “ปริ๊นซ์” เพราะคาแรกเตอร์ดูเป็นคุณชาย


“พี่อ๊อฟ” เสริมว่า ที่ต้องชื่อเป็นตัว ป.ปลา เพราะว่าเราทำงานร่วมกับน้องนักเขียน เราก็ขอเพิ่มตัวละครตัวนี้ เขาก็บอกว่าได้ งั้นขอชื่อนี้นะ อะไรประมาณนี้ เราก็ยังอยากให้เขามีส่วนร่วมกับงานอยู่
ก่อนที่ “ซิง” จะเผยว่า การเปลี่ยนชื่อก็เป็นอุปสรรค เพราะตอนเวิร์คชอปเราก็จะจำแต่ชื่อ “ปุณณ์” ทำให้เรียกผิดหลายรอบมาก
ซิง : ผมคิดว่าผมเชื่อใจ “พี่อ๊อฟ” เพราะเราเคยร่วมงานกับเขามาแล้ว เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนใส่ใจงาน เราเชื่อว่าถ้าเราอยู่ในงานของเขามันจะออกมาได้ดีก็เลยรับเล่นครับ แค่นี้เลย บท “เขียวเข้ม” ก็เหมือนเรานะ เพราะมันคล้ายกับคาแรกเตอร์ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่พอเล่นจริงๆ “พี่อ๊อฟ” อยากได้มากกว่านี้ เราก็เลยต้องแอ็คทีฟเพิ่มขึ้นอีก

เชงเม้ง สิงโต ชิม่อน ซีรีส์

เมาท์เพื่อนๆ
สิงโต : คือวันที่เราเวิร์คชอปมีคนร้องไห้ครับ
อ๊อฟ : คือ “โอม” เป็นคนจริงจัง วันที่ปล่อยตอนแรกออกไป “โอม” ไลน์มาถามว่า เป็นไงพี่ โอเคไหม แล้วทิ้งท้ายว่า ผมร้องไห้อีกแล้วอะ มันเป็นเด็กเซ้นซิทีฟ
โอม : คือผมไม่ได้เป็นคนเซ้นซิทีฟขนาดนั้น แต่บทมันเซ้นซิทีฟจริงๆ

รู้สึกยังไงกับ Feedback ตอนออนแอร์ครั้งแรก?
ซิง : ที่ชอบมากที่สุดคือเพลงประกอบ ผมว่าคนที่ดูซีรีส์เสร็จแล้วมาดูเอ็มวีคือต้องร้องไห้แน่ๆ
สิงโต : ตอนแรกผมกับ “พี่อ๊อฟ” จะช่วยกันเลือกเพลง เราก็หาเพลงที่เข้ากับซีรีส์ได้ เราเสนอไป “พี่อ๊อฟ” ก็เลยบอกว่าทำเองเลย เราก็ไม่ได้คาดคิดว่าเราจะได้เพลงนี้
ซิง : ตอนแรกได้เพลงหนึ่งมาที่เข้ากับซีรีส์ ผมชอบเพลงนี้มาก แต่ด้วยเงื่อนไขอะไรเกี่ยวกับเพลง เลยเสียดายนิดๆ

เชงเม้ง สิงโต ชิม่อน ซีรีส์

นอกจากเพลงมีซีนไหนหรือตอนไหนที่รู้สึกประทับใจที่สุด?
ชิม่อน : จริงๆ พวกเรา 3 คนไม่มีใครมีพื้นฐานเรื่องบาสเกตบอลมาก่อนเลย แล้วต้องมาเล่นเป็นนักบาสมหา’ลัยเลยยากนิดนึง
ซิง : ผมไม่อยากบอกเลยว่าผมเคยเล่นบาสมาก่อน เล่นแบบขำๆ กับเพื่อน การถ่ายทำกับการเล่นจริงมันไม่เหมือนกัน สุดท้ายแล้วการที่เราอยู่ตรงนั้นเราก็ยังต้องเป็นตัวละครอยู่ดี มันมีความกดดัน มีการถ่ายทำ และทีมงานรอเราอยู่ ถึงบางทีเราชู้ตลง แต่ถ้ากล้องจับไม่ได้เราก็ต้องชู้ตใหม่ มันเป็นความยากอย่างหนึ่ง แล้ววันนั้นเป็นคิวปิดกล้อง “พี่สิง” ถ่ายเสร็จนานแล้วแต่ต้องรอพวกผมเล่นบาสเสร็จเพื่อรอถ่ายรูปปิดกล้องพร้อมกัน 
โอม : ซีนที่ผมประทับใจคือซีนที่อยู่บนดาดฟ้า และโหวกเหวกโวยวาย เล่นกับกรีนสกรีนด้วย และความยาวของซีนนั้นมันเป็นอะไรที่ไม่เคยทำ แล้วได้ปล่อยอารมณ์อย่างเต็มที่ชิม่อน : ซีนที่ชอบที่สุดก็เป็นซีนที่เล่นไพ่กัน แล้วยกไพ่ขึ้นมา และต้องทำเป็นไม่เห็น “พี่สิง” มันยากที่เราจะต้องไม่มองเขา
พี่อ๊อฟ : คือในเรื่องแก๊งนี้ต้องไม่เห็นผี แต่ในการถ่ายทำจริงต้องมี “น้องสิง” อยู่แล้ว เราก็เข้าใจว่ามันยาก
โอม : ความยากของผมคือ ถึงผมจะเห็น “พี่สิง” แต่เวลาเล่นก็ต้องทำเป็นไม่เห็น ซึ่งมันจะยากตรงนี้

เชงเม้ง สิงโต ชิม่อน ซีรีส์

คนจะได้อะไรมากกว่าความวาย ความมุ้งมิ้ง หรือมากกว่าความรัก?
สิงโต : เพราะมีผมไง ผมบอกได้คำเดียวว่าที่เหลือมันคือปัจจัยขององค์ประกอบต่างๆ ของซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็นเพลง มุมกล้อง การตัดต่อ นักแสดง ผู้กำกับฯ ที่ทำให้คุณต้องดูเรื่องนี้
ซิง : จริงๆ แล้วเรารู้สึกว่าเราเห็นพล็อตเรื่องต่างๆ มาแล้ว แต่ที่อยากบอกคือการใส่ซาวนด์ลงไป เรื่องการขยี้แต่ละซีน เรื่องการวางเพลง คือสิ่งที่ผมอยากดูมาก 
โอม : ก็อยากจะบอกว่าจริงๆ ก็มีหลายๆ แนว หลายๆ แบบ แต่ว่าผมดูแล้วรู้สึกได้ว่า ซีรีส์เรื่องนี้มันอบอุ่นจริงๆ ขอฝากให้ทุกคนเปิดใจดูกันด้วยครับ
ชิม่อน : เรื่องนี้มันมีอะไรที่แปลกใหม่ และก็มีคอมเมดี้หน่อยๆ คลายเครียดได้ด้วย ด้วยเงื่อนไขของคนกับผีมันค่อนข้างยาก แล้วเราก็เต็มที่ในการถ่ายทำอยู่แล้ว บวกกับผู้กำกับฯ ที่ดีมากๆ อยากให้คนติดตามกันดู 
พี่อ๊อฟ : อย่างที่น้องๆ บอกไป มันจะเป็นซีรีส์ที่ดูแล้วมีความสุข เปลี่ยนมุมมองความรัก เพราะความรักจริงๆ มันไม่มีเงื่อนไข

เชงเม้ง สิงโต ชิม่อน ซีรีส์

#เชงเม้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments