พูดคุยกับ “น้ำฟ้า ธัญญภัสร์” หรือ “บุญปลูก” ใน “กรงกรรม”
เนื้อหากำลังเข้มข้นเลยทีเดียวสำหรับละครสะท้อนชีวิตอย่าง “กรงกรรม” ซึ่งนอกจากความดราม่าของละครแล้ว เหล่านักแสดงในเรื่องยังแสดงความสามารถกันอย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากตัวละครเด่นแล้ว อีกหนึ่งตัวละครที่น่าสนใจก็คือ “บุญปลูก” ที่รับบทโดย “น้ำฟ้า ธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญ” ที่ถึงจะหน้าใหม่ ด้วยวัย 19 ปี เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมปลายมาหมาดๆ ก็มีฝีมือการแสดงดีมากไม่แพ้รุ่นพี่คนอื่นๆ เลย ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าเธอนั้นแบ่งเวลาเรียนและทำงานยังไง “ดาราเดลี่” ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าตัวถึงบทบาทของ “บุญปลูก” และถามถึงเรื่องการเรียนของเธอ โดยเจ้าตัวเผยว่า
อ่านข่าวต่อ :
เปิดเรตติ้งละครฮิต “กรงกรรม-หลงเงาจันทร์-ทะเลริษยา”
การมารับบท “บุญปลูก” ในเรื่อง “กรงกรรม” เริ่มจากได้มีโอกาสไปแคสต์ที่ช่อง ตอนแรกไม่ได้แคสต์บท “บุญปลูก” ซึ่งเป็นบทที่เล่นด้วยกันหลายคน พอเล่นไปก็ได้รับคำชมว่าเล่นเป็นธรรมชาติดี แต่ว่าก็โดนบอกว่าให้ไปลดหุ่นนะ เพราะช่วงที่ไปแคสต์หนูก็จะอวบๆ หน่อย “พี่แดง-พี่อ๊อฟ” น่าจะเห็นอะไรในตัวหนูที่หนูจะสามารถไปรับบทนี้ได้ “พี่อ๊อฟ” ก็เลยให้โอกาสหนูมาเป็น “บุญปลูก” คาแรกเตอร์บุญปลูกนี่ต้องบอกก่อนว่าเป็นลูกจ้าง ที่มีความเป็นเด็กที่มีความจริงใจ ไม่คิดก่อนพูด รู้สึกอะไรก็พูดเลย ถ้าได้ดูละครก็จะรู้
การร่วมงานกับนักแสดงมืออาชีพ ก็สนุกมากค่ะ “พี่ใหม่” น่ารักมาก จำได้ว่าเจอตอนแรกก็เข้ามาทักว่า ว่าไงบุญปลูก ทำให้หนูไม่เกร็ง ซีนที่ถ่ายตอนแรกคือซีนซักผ้า ที่ต้องร่วมงานกับ “พี่แชมป์” แล้วก็ “พี่แพร” หนูก็ยังเกร็งอยู่ ไม่รู้ว่าคาแรกเตอร์ “บุญปลูก” จะต้องขนาดไหน แต่ พี่แชมป์ พี่แพร ให้ความเป็นกันเองกับหนูมาก ก็แกล้งหนูตั้งแต่คิวแรกเลย แล้วก็มีฉายาที่ “พี่แชมป์” ตั้งให้ว่า “ไอล่ำ” เพราะว่าแขนหนูใหญ่
ในกองก็มีหลายคนที่สนิทแล้วคอยเทรนเราตลอด ก็มีพี่ใหม่, พี่เบล, พี่เจมส์ แต่จะมี “พี่ใหม่” ที่จะคอยสอนหนู เวลาหนูไม่เข้าใจบท “พี่ใหม่” ก็จะคอยสอนตลอด “พี่เบล” ก็จะคอยแนะนำอะไรหลายอย่างที่หนูไม่รู้ การมาร่วมงานกับตัวแม่อย่าง “พี่ใหม่” ที่เป็นนักแสดงมืออาชีพคือทุกครั้งที่ได้เข้าฉากกับ “พี่ใหม่” ก็เหมือนได้เก็บเกี่ยวอะไรจากเขาได้เยอะเลย เพราะ “พี่ใหม่” มีพลัง และอินเนอร์เยอะมาก แล้วยิ่งตอนที่เข้าฉากกับเรณูยิ่งสุดยอดเลย
ความรู้สึกจากจุดเริ่มต้นที่มาเล่นละคร คือตอนแรกก็ยังมีความเกร็งอยู่ ตอนนี้ก็พยายามอ่านบทเยอะๆ แล้วก็เข้าถึงตัวละครให้มากๆ ต่อไปในวงการบันเทิงก็อยากได้รับบทบาทที่แตกต่างออกไป บทที่อยากเล่นในใจก็มีบทบู๊ เพราะว่าอยากเตะอยากต่อยอะไรแบบนี้ อยากลองอะไรที่ไม่เคยลอง อยากได้โอกาสจากผู้ใหญ่แล้วก็อยากพัฒนาฝีมือตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
จากที่เคยเล่นภาพยนตร์มาแล้วก็รู้สึกว่ามันคนละแนวกันกับละคร ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็จะมีความเรียล เล่นทุกอย่างจริงหมดเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถ่ายโฆษณามาคือมันต้องเล่นเวอร์ๆ แล้วมาเล่นละครคือต้องเล่นให้มันเกินจริงนิดหนึ่ง มันก็จะต่างกันตรงนี้
ผลงานตอนนี้มีเรื่อง “วัยแสบสาแหรกขาด โครงการ 2” แล้วก็มีเรื่อง “แก้วกลางดง” กำลังถ่ายทำอยู่แต่ว่าไม่รู้จะออนแอร์ในปีไหน แล้วก็กำลังถ่ายทำอีกเรื่องหนึ่ง ยังบอกไม่ได้ว่าเรื่องอะไร น่าจะออนแอร์ในปีหน้า
ด้านการเรียน ตอนนี้จบมอหกแล้ว มหาวิทยาลัยที่เล็งๆ ไว้น่าจะเป็นเอกชนแน่นอน เพราะด้วยต้องทำงาน ก็คิดว่ามหาวิทยาลัยเอกชนน่าจะสะดวกกว่า คณะก็คงเป็นนิเทศฯ มันตรงกับเราและเป็นอะไรที่เราชอบ ก่อนหน้านี้คุณครูและเพื่อนๆ ก็คอยช่วย เพราะเราลาบ่อย โชคดีที่เพื่อนๆ คอยซัพพอร์ต เรื่องการบ้านก็ไม่ค่อยมีเวลาทำ ก็จะเอาการบ้านไปทำในกองเลย ช่วงพักมีเวลานิดหน่อยก็จะเอามาทำ ก็มีความกังวลเรื่องการเรียนและอนาคตอยู่บ้าง ตอนเรียนก็มีเครียดบ้าง แต่หนูมีวิธีการคลายเครียดคือการดูยูทูป ดูคลิปเต้นอะไรแบบนี้
ถ้าจะให้กำลังใจคนที่เครียดเรื่องการเรียนอยู่ตอนนี้ เอาจริงๆ หนูก็ไม่ได้เก่งพอที่จะจัดการเรื่องเครียดๆ ของตัวเองได้ แต่ตามสไตล์หนูแล้วหนูว่าเราต้องพยายามบอกตัวเองว่าอย่าเครียด ต้องปล่อยวาง ค่อยๆ พยายาม แล้วหาอะไรทำให้คลายเครียดแล้วค่อยกลับไปทำสิ่งที่ต้องการ ถ้าเพื่อนเราผิดหวังเรื่องการเรียน สอบไม่ติดก็คงปลอบว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างมีทางแก้เสมอ ถึงสอบไม่ติดที่นี่ก็ไปสอบที่อื่นก็ได้ หรือถ้าอยากเรียนมหาลัยนี้ ก็ลองสอบคณะอื่นดูก็ได้ ทุกอย่างมันมีทางแก้เสมอ อย่าเครียด
คติประจำใจของหนู คือ ไม่มีอะไรสำเร็จได้ถ้าไม่ลงมือทำ ส่วนไอดอลในการใช้ชีวิตก็คือคุณแม่ เพราะคุณแม่หนูเก่งมากเลย คอยดูแลหนูแล้วก็พี่ชายสองคน แล้วแม่ก็เลี้ยงลูกคนเดียวด้วย เพราะคุณพ่อเสียไปตั้งแต่เด็ก แม่ก็จะเป็นทั้งพ่อและแม่ หนูไม่รู้สึกว่าขาดเลย รู้สึกว่าแม่ให้ความรักได้ดีเลย แล้วเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตด้วย