ลูกสาวไฟเขียว “ดาว มยุรีย์” ไม่ปิดมีหนุ่มรู้ใจ รอชัวร์เปิดตัวแน่
เรียกว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักนักร้องลูกทุ่งชื่อดังอย่าง “ดาว มยุรีย์ เยาว์วัย” ซึ่งยังมีอีกมุมหนึ่งที่หลายคนยังไม่ค่อยรู้ คือเธอทำหน้าที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมานานถึง 7 ปี ด้วยเหตุนี้เลยสนิทกับ “น้องเฟรช ณัฐธิดา” ลูกสาวเป็นพิเศษจึงพูดคุยกันในทุกเรื่องอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องความรัก ดังนั้นหากคุณแม่อย่าง “ดาว มยุรีย์” จะมีความรักอีกครั้ง เชื่อว่าหนุ่มคนนั้นต้องผ่านด่านน้องเฟรชไปให้ได้อย่างแน่นอน ล่าสุดไม่แน่ใจว่าเธอจะมีแล้วหรือเปล่า เพราะเจ้าตัวได้โพสต์รูปในไอจีพร้อมแคปชั่นว่า “กับบางคน ไม่ต้องคุยบ่อยๆไม่ต้องคุยทุกวัน แต่ทุกครั้งที่ได้คุยกัน มันก็ทำให้ “ยิ้ม” ได้ทุกที..#ฝันดีเจ้าคะ..” เอาเป็นว่าแบบนี้ คนคนนี้ผ่านด่านน้องเฟรชหรือยัง เราต้องไปถามกันเลยดีกว่า
อ่านข่าวต่อ :
"ดาว มยุรี" รับห่างแฟนหนุ่ม บอกสาเหตุเป็นเพราะไม่เข้าใจและลูกสาวไม่ปลื้ม
ล่าสุดเราได้ไปออกรายการกับลูกสาวมา ก็สนุกดีค่ะ รู้สึกว่าเรากับลูกสาวมีความเข้าใจกันมากขึ้น และเขาเองก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพราะเมื่อก่อนเขาจะเป็นเด็กที่ไม่ค่อยเอาใคร แต่พอได้ให้เขาไปเรียนรู้ประสบการณ์เมืองนอก ก็รู้สึกว่าเขาได้เปลี่ยนแปลงตัวเองและทำให้เราสองคนเข้าใจกันมากขึ้นค่ะ ถามว่าการเลี้ยงลูกสำหรับดาวมันยากไหม สมัยนี้ก็เลี้ยงยากนะคะ เพราะโลกโซเชียลมันเยอะ และเขาก็มีความเชื่อมั่นในตัวเองมาก ดังนั้นเราก็ต้องคอยควบคุมดูแลอยู่ห่างๆ คอยถามคอยไถ่ว่าอะไรเป็นยังไง เพราะการเลี้ยงลูกสมัยนี้เราจะเป็นแค่แม่อย่างเดียวไม่ได้ แต่เราต้องเป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน และเป็นทุกๆ อย่างให้เขาด้วย เรียกว่าเป็นการปรับตัวเข้าหาลูก
สำหรับตัวพี่ดาวเราเป็นห่วงลูกเรื่องโซเชียลและก็เรื่องสังคมปัจจุบันค่ะ เพราะสมัยนี้มันไม่เหมือนกับสมัยก่อน โลกมันเปิดกว้างมากขึ้นเราก็เลยรู้สึกเป็นห่วง แต่ก็พยายามดูแลเขาค่ะ อย่างช่วงนี้เขากำลังเรียนสอบเทียบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ก็เลยรู้สึกเป็นห่วงเขาค่ะ ช่วงนี้ให้อยู่เมืองไทยก่อนค่ะ เพราะอย่างที่บอกเราเองก็รู้สึกเป็นห่วงถ้าให้เขาไปอยู่เมืองนอก คือตอนแรกเขาเป็นเด็กที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก ไม่เอาสังคมไม่เอาใครเลย แต่ปรากฏว่าหลังจากที่เขาได้ลองไปเรียนซัมเมอร์ที่ประเทศอเมริกาประมาณเดือนกว่าๆ ก็เหมือนกับเขาจะเข้าใจเรื่องการมีสังคมมากขึ้น เราเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าเราได้ลูกคนใหม่กลับมา
เราก็มีความเป็นห่วงเรื่องการมีเพื่อนผู้ชายบ้าง แต่พี่ก็จะไม่ปิดกั้นลูกนะ เพราะเขาก็จะคุยกับเราก่อนตลอด ซึ่งพี่ก็จะคอยรับฟังเขา ไม่ใช้วิธีดุ แต่จะใช้วิธีสอน เหมือนบอกเขาให้เขารู้ว่าตอนนี้เขาอายุเท่าไร เขายังไม่บรรลุนิติภาวะ และหน้าที่ของเขาคืออะไร เราต้องให้เหตุและผลกับเขา ให้ความไว้ใจกัน จริงๆ ก็อยากให้เขาเรียนให้จบก่อนค่ะ หรือมีงานทำก่อน แต่ถ้า ณ ตอนนี้ถ้าจะคบกันจะให้กำลังใจกันพี่ก็โอเค แค่อย่าให้เกินเลยมากกว่านั้นก็พอเพราะเขายังเด็ก
นอกจากเราจะหวงลูกสาวแล้วลูกสาวก็ห่วงเราด้วย แต่ตอนนี้เขาเข้าใจมากขึ้นค่ะ คือถ้าหากแม่จะคบกับใครเขาก็ต้องดูว่าคนนั้นรักคุณแม่เขาจริงหรือเปล่า รับผิดชอบคุณแม่เขาได้แค่ไหน คือเขามีความเข้าใจมากขึ้นค่ะ ส่วนตัวพี่เองพี่ก็ต้องดูด้วยเหมือนกันว่า คนที่เข้ามาลูกเราชอบไหมและเขาจะเข้ากับลูกเราได้ไหม ซึ่งพี่ไม่มีการปิดกั้นลูก หากพี่จะคบกับใครพี่ก็จะบอกกับเขาก่อน เราเองก็ได้วางแผนอนาคตในวงการไว้ให้ลูกบ้าง ว่าก่อนที่เขาจะไปเรียนซัมเมอร์ที่อเมริกาเขาชอบการเต้นมากค่ะ เป็นเด็กที่รักการเต้นมาก ลงประกวดเต้นทุกเวที แต่ว่าพอเขากลับมาจากการเรียนซัมเมอร์และตั้งใจจะสอบเทียบ พี่ก็เลยต้องขอให้เขาหยุดเอาไว้ตรงนี้ก่อนเรื่องการเต้น เอาไว้เขาเข้ามหาวิทยาลัยได้เมื่อไรค่อยกลับมาเอาจริงเอาจังเรื่องการเต้นอีกที
ส่วนข้อความที่เราโพสต์ว่า "คนที่ทำให้ยิ้มได้" อันนี้เราสื่อถึงใคร ก็ต้องติดตามกันต่อไป ก็มีคนคบมีคนคุยอยู่เหมือนกันค่ะ ซึ่งคนนี้ลูกเขาก็ให้ผ่าน เขาบอกว่าแล้วแต่คุณแม่ ก็คือตอนนี้เรามีคนที่คบหาดูใจกันอยู่ แต่เอาไว้ให้มันเป็นเรื่องเป็นราวก่อนนะ เพราะพี่ก็เคยพลาดมาเยอะ เคยผิดพลาดมาแล้ว ไม่อยากให้คนมองว่าคบแล้วเลิก ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า ให้เขาทำให้เรายิ้มได้อยู่คนเดียวก็พอแล้ว คนที่คุยอยู่เขาเด็กกว่าหรือว่าโตกว่าเรา พี่ไม่ชอบเด็กค่ะ ไม่ชอบเด็กแล้ว จริงๆ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยชอบเด็กนะ แต่ ณ วันนี้พี่มองว่าการที่เราจะคบใครสักคนเราก็ต้องดูและต้องระวัง ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ขอให้อยู่เป็นกำลังใจของกันและกันก่อนดีกว่า ถ้าหากมันถึงเวลาเมื่อไรก็ค่อยว่ากัน