ดราม่าร้อนแรง "ต้นหอม" ยอมรับเดือดลั่นฟ้อง "ปู" เพราะอีกฝ่ายผิดสัญญา
ดราม่ายังระอุไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับกรณีที่ "ปู ไปรยา สวนดอกไม้" ถอนตัวธุรกิจอาหารเสริม ยันไม่ได้เป็นหุ้นส่วน และไม่ได้เป็นเพื่อนกับ "ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์" และ "มะตูม เตชินท์" ยันสงสารตัวแทน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
ร้อนไม่หยุด! “ผจก.ต้นหอม” โพสต์แรงถึงใคร?
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สาวปูออกมาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว ฝ่ายมะตูมก็แชร์ข่าวและแขวะทันที จนปูต้องออกมาชี้แจงอีกครั้ง ลั่นเรื่องทั้งหมดอยู่ในชั้นศาล จะไม่ใช้อารมณ์ ขณะที่ต้นหอมก็ถูกจับผิดว่าคอมเมนต์ใต้ข้อความที่ผู้จัดการส่วนตัวด่าดาราจอมปลอม ด_กทอง ด้วยข้อความว่า "คนตอแหล 2019" งานนี้จะหมายถึงสาวปูหรือไม่ วันนี้ (26 เม.ย.) ต้นหอมขอเปิดใจเคลียร์ทุกเรื่อง
เรียกว่าเป็นดราม่าร้อนระอุที่แฟนๆ ให้ความสนใจสำหรับกรณีนางเอกสาว "ปู ไปรยา สวนดอกไม้" ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าได้ถอนตัวจากธุรกิจอาหารเสริมที่ได้ทำกับเพื่อนในวงการอย่าง "ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์" และ "มะตูม เตชินท์" เพราะสงสารตัวแทน ล่าสุดเมื่อมีโอกาสเจอตัวสาวต้นหอมเจ้าตัวก็ได้ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นหอมจะไล่ไปเท่าที่ไล่ได้ มันมีเรื่องคดีความที่เกี่ยวข้อง คดีความเรายังไม่ได้ถูกตัดสินสิ้นสุด ฉะนั้นมันไม่สามารถลงดีเทลลึกได้ เอาเรื่องคดีความก่อนเลยว่าเรามีปัญหาด้านธุรกิจกัน แล้วคดีของการฟ้องร้อง ที่เรายื่นฟ้องร้องเขาไปเนี่ย มันประมาณปีที่แล้ว แล้วบอกเลยว่าในเรื่องของการฟ้องร้องเป็นเส้นทางสุดท้ายที่เราเลือกจริงๆ เราพยายามเหลือเกินที่ไม่อยากเห็นภาพนี้เกิดขึ้น ในวันที่เราตัดสินใจทำธุรกิจร่วมกัน เราคุยกันแล้วว่าไม่อยากเห็นภาพนี้ ไม่อยากเห็นภาพของการฟ้องร้อง ไม่อยากเห็นภาพของการสัมภาษณ์สื่อแล้ววางบอมใส่กัน กลายเป็นว่าวันนี้ทุกอย่างเกิดขึ้นหมดเลย แม้กระทั่งตัวหอมเองที่น่าจะเบากว่านี้ก็ไม่
โดยมันเริ่มจากการที่เราร่วมงานกัน คือการทำธุรกิจขนาดนี้ มันจะมีหนังสือสัญญาอยู่แล้ว ทุกคนมีสัญญาฉบับเดียวกัน ทุกอย่างน้องเป็นคนเขียน ตั้งแต่เราติดต่อไปแล้ว ใจเราอยากได้เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ณ ตอนนั้น แต่เราก็ให้ทางเลือกน้อง ว่าน้องอยากเป็นพรีเซ็นเตอร์หรืออยากเป็นบอส ทุกอย่างน้องเป็นคนเลือก เลือกเป็นบอส เราให้น้องร่างสัญญาเลยอยากได้แบบไหนร่างมาแล้ว ณ วันนี้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือพอมีอะไรที่มันผิดสัญญาเกิดขึ้น มันเลยพาทุกอย่างให้มาไกลถึงการฟ้องร้อง แต่หอมจะพูดในมุมบริษัทว่ากว่าที่เราจะเลือกฟ้องร้อง บริษัทเลือกประนีประนอมมาก่อนนะคะ เรายื่นโนติสถึง 3 ครั้ง 3 ฉบับด้วยกัน ฉบับที่หนึ่งเป็นการบอกว่ากลับมาทำงานนะ มันยังมีสัญญาระหว่างกันและสิ่งที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นตอนตลาดออนไลน์ล้ม มันไม่ได้ล้มเป็นโดมิโน่ มันล้มเหมือนสึนามิล้ม แล้วบริษัทเราล้ม พอล้มปุ๊บ ณ ตอนนั้นเจ้าของไม่มีสิทธิ์สละเรือ เพราะถ้าเจ้าของแบรนด์สละเรือ กลายเป็นตัวแทนจะลำบาก ซึ่ง ณ วันนั้นเราก็ยื่นโนติสว่าน้องกลับมาทำงานนะ แล้วโนติสฉบับที่สองถูกยื่นไปอีกครั้งหนึ่ง ก็เหมือนเดิมว่ากลับมาทำงานนะ ซึ่งแต่ละฉบับมันใช้เวลาห่างกัน เราไม่ได้รับการติดต่อเลย โนติสสองฉบับเราได้รับการเพิกเฉยมาโดยตลอด จนกระทั่งฉบับที่สามมันเหมือนฟางเส้นสุดท้ายจริงๆ เพราะว่าตัวแทนเราก็ไม่ไหวแล้ว บริษัทเราต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราจึงทำการปลดออก ทีนี้ข่าวนำเสนอออกไปเหมือนเขาถอนตัว ถ้าถอนตัวมันเหมือนบริษัททำผิด แต่ไม่ใช่นะคะ ณ วันนี้บริษัทเราเป็นผู้ถูกกระทำ เราปลดเพื่อที่เราจะได้ดำเนินการต่อ ฉะนั้นพอเป็นการปลด การฟ้องร้องจึงเป็นสิ่งที่ตามมา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
ถามว่าแตกหักเรื่องเงินรึเปล่าอันนี้ต้องไปถามเขา แต่สำหรับหอม หอมรู้สึกว่าความคาดหวังของน้อง ผลประโยชน์มันน่าจะประมาณนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น หอมคอนโทรลไม่ได้จริงๆ เพราะตลาดออนไลน์มันล้ม ล้มแล้วเราทำได้เพียงแต่ลุกขึ้นมาช่วยกันสร้าง ฉะนั้นวันนี้มันเป็นแบบมะตูมก็ต้องอุ้มบริษัทขึ้นมา ก็รู้สึกแย่ที่เกิดภาพแบบนี้เกิดขึ้น
ส่วนสาเหตุที่ฟ้องเหตุผลคือไม่ได้รับความร่วมมือในฐานะเจ้าของแบรนด์ เจ้าของแบรนด์ทิ้งแบรนด์ไม่ได้หรอกถ้าทิ้งแบรนด์เท่ากับทิ้งตัวแทน และประโยคที่เขาบอกว่ามีปัญหาอะไร เขาต้องออกหน้าคนเดียว เวลามีปัญหาน้องต้องออกมาแทนที่จะเป็นเจ้าของออกมา น้องคือเจ้าของ หน้าที่น้องไม่ใช่แค่ตอบสื่อและดูแลภาพลักษณ์ น้องต้องทำงานมากกว่านั้น น้องไม่ใช่พรีเซ็นเตอร์ ฉะนั้นถ้าวันนี้เจ้าของแบรนด์บอกว่าการออกมาสัมภาษณ์เป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อย ไม่แปลกที่วันนี้แบรนด์เราเจ๊ง
ยืนยันปูเป็นเจ้าของหุ้น เจ้าของหุ้นโปรดักส์ของเรา แล้วก็คือการสัมภาษณ์ของน้อง ชี้ชวนให้รู้สึกว่าเราเอาชื่อเสียงเขามาอย่างเดียว มันเหมือนบริษัทหลอกลวงประชาชนว่าแค่เอาชื่อเขามาเหรอ เขาไม่ได้เป็นเจ้าของจริงๆ แต่น้องเป็นเจ้าของจริงๆ ตรงนี้หอมยืนยัน น้องก็พูดว่าเขาคือเจ้าของ ทุกคลิปทุกการเปิดตัว น้องบอกน้องเป็นเจ้าของ
ทางด้าน "มะตูม" กับน้อง เขาเป็นคนทำงานกับมะตูมมาโดยตลอด มะตูมกับปูต้องทำงานร่วมกันเพราะเขาอารมณ์พอกัน มีมะตูมดีลกับเขาได้คนเดียว มะตูมดีลกับเขาโดยตลอด ถ้าเขาขึ้นมะตูมขึ้น ถ้าเขาด่ามะตูมด่า ถ้าเขาเหวี่ยงมะตูมเหวี่ยง ฉะนั้นมะตูมคือคนที่ทำงานกับเขามาโดยตรง พอเขาสัมภาษณ์แบบนี้ปุ๊บ แน่นอนว่าเอฟเฟกต์มันตีกลับมาทางนี้ เพราะคนเข้าใจผิด แล้วเขาก็จะโดนตัวแทนเหมือนกัน เพราะตัวแทนตีกลับไปหาเขาเหมือนกัน มันทำให้ความเคยชิน พอเขาให้สัมภาษณ์แบบนี้ปุ๊บ มะตูมก็ขึ้น มะตูมเป็นคนธรรมดาคนนึงเลย ส่วนหนึ่งมะตูมรู้สึกผิดที่พาเขาเข้ามา มะตูมเคยโทรมา วันที่เราแตกหักทะเลาะกันนี่แหละ มะตูมร้องไห้แล้วบอกว่าขอโทษนะที่พาเขาเข้ามา เราบอกว่าไม่เป็นไรมะตูม ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พี่ก็ยังอยากร่วมงานกับเขา เพราะ ณ วันนั้นเขาคือคนที่เหมาะสมจริงๆ แล้วถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราคงคุยกันดีกว่านี้ หอมจะพยายามไม่ให้เกิดเรื่องถึงการฟ้องร้องอย่างทุกวันนี้ อยากทำให้ดีที่สุด คือก่อนหน้านี้เอาจริงๆ ส่วนตัวหอมไม่ได้มีอะไร แต่พอหลังฟังคำสัมภาษณ์ หอมยอมรับว่าหอมมีอารมณ์ขึ้นจริงๆ มันรู้สึกช็อก ไม่รู้ รู้สึกอะไร แต่หอมรู้สึกไม่ดีแหละ อารมณ์ไม่ดี
และหลังวันที่เขาสัมภาษณ์ น้องติดต่อมะตูมมา โดยการไลน์หาขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มะตูมก็พูดกับเขาตรงๆ นะ ว่าเขาไม่ควรสัมภาษณ์แบบนี้ เพราะยูพูดแบบนี้ดีเข้าตัวแล้วทุกอย่างมาลงทางนี้ โอเค น้องไลน์มาแล้วอยากจบ จริงๆ วันนี้เป็นเรื่องของเราและเขาแหละไม่ใช่คนนอก ไม่อยากบอกให้คนนอกรับรู้มากมาย มันควรเป็นเรื่องภายในบริษัท ควรเป็นเรื่องที่คุยกันหลังบ้าน ซึ่งมะตูมจะบอกว่าทำไมไม่คุยกันหลังบ้าน เรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาออกสื่อ
ส่วนเรื่องในเฟซบุ๊คที่บอกว่าผู้จัดการโพสต์เขาไม่ใช่ผู้จัดการนะ เขาคือรุ่นน้องคือเพื่อนที่ตามเราไปไหนมาไหน ความผิดหอมคือหอมดันไปเมนต์ต่อ ความผิดหอมเรื่องเดียวในวันนี้คือหอมใช้วาจาที่หยาบคาย ปกติพื้นที่ส่วนตัวตรงนั้นเฟซบุ๊กเพื่อนคนนี้ก็อารมณ์เกรียนคีย์บอร์ดอยู่แล้ว ทุกอย่างหยาบหมดในนั้น แต่มันไม่เคยถูกเอามาแชร์ในโลกสาธารณะ วันนี้หอมก็ได้บทเรียนว่าพอออกมาในโลกสาธารณะ กลุ่มคนมันกว้างขึ้น มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ยอมรับเป็นคนคอมเมนต์เอง
กับเรื่องที่ปูอยากจบแต่ไม่มาไดล่เกลี่ยเอาจริงๆ หอมอยากให้เคลียร์ แต่ทั้งหมดต้องถามหุ้นส่วนว่าทุกคนว่ายังไง ปูไลน์มาหามะตูมว่าอยากจบ แต่ทนายเราบอกว่าทนายฝั่งเขาบอกว่าไม่ไกล่เกลี่ย เราก็ไม่แน่ใจว่าตกลงคุณยังไงกันแน่ แต่สุดท้าย หอมอยากบอกว่า ณ วันนี้ถ้าเป็นเรื่องคดีความให้กฎหมายดำเนินการไปตามขั้นตอน ดาราไม่ควรมีภาพนี้แล้ว หอมก็บอกตัวเองเหมือนกันว่าเราควรมีสติมากขึ้น ไม่วางบอมพ์ใส่กันแล้ว เพียงแต่ว่าเขาไลน์มาแต่มะตูมก็ยังไม่ได้ตอบ เพราะมะตูมรู้สึกว่ามันมีประโยคที่อะไรก็ตาม น้องอยากให้เราคุยผ่านทนาย แต่เรารู้สึกว่าโอเคเรื่องคดีความเราคุยผ่านทนายกันอยู่แล้ว แต่เรื่องของใจ ความจริงใจที่ให้แก่กัน มันไม่ต้องผ่านทนาย น้องโทร.มาเลย วันที่เราร่วมธุรกิจกัน เรามีสี่คน คุยได้ พี่ว่าพวกพี่แมนพอ มีอะไรคุยกัน สุดท้ายแล้ววงการต้องไปต่อ เราไม่รู้ว่าวันหนึ่งเราอาจร่วมงาน ร่วมธุรกิจกัน เจอกันอะไรอีกก็ได้ คีฟรีเลชั่นชิพเอาไว้ดีกว่า
ส่วนเรื่องที่ปูให้สัมภาษณ์ยอมรับกระทบตัวแทน เพราะกลายเป็นว่าตัวแทนกำลังจะฟื้น แต่พอบอกว่าธุรกิจเหมือนได้เงินมาง่ายมันไม่ดี มันไม่ใช่นะคะ การทำธุรกิจเรายังมีดาราอีกหลายคนที่ทำธุรกิจทำแบบจริงจัง และธุรกิจวันนี้น้องไม่ทำ แต่คนอื่นยังทำอยู่ ก็อยากให้เข้าใจว่าบางคนใช้อาชีพออนไลน์เป็นอาชีพจริงๆ ก็อยากขอความเห็นใจแทนตัวแทนตรงนี้ อยากให้มองภาพออนไลน์ว่าบางคนเขาใช้เลี้ยงลูก เลี้ยงญาติพี่น้อง มันเป็นอาชีพของเขา ทางตัวแทนก็เดือดแหละหลังฟังคำสัมภาษณ์ เพราะทำให้เขาขายของไม่ได้ ขายของยากขึ้นอีก ตัวแทนก็งัดมา แต่ก่อนบอสปูเคยพูดอะไรบ้าง เพราะว่าต้องเข้าใจว่า ณ วันนั้นน้องมีไฟมากจริงๆ เราก็แฮปปี้มาก การมีไฟของน้องก็เลยให้ความหวังตัวแทนยอดขายตกตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว มันยังไม่ฟื้น แต่เหมือนมันกำลังจะฟื้น ถามว่าทรุดลงไหมหอมว่าไม่ขนาดนั้น ตัวแบรนด์ไปรยาเราไม่ได้ขายแล้ว และตัวสินค้าอื่นเรายังขายดีอยู่ ยังเป็นสินค้าที่ขาดตลาด แต่แบรนด์เก่าๆ อย่างเอธทีน กระทบหนักมาก มันฟื้นยาก
สำหรับเรื่องนี้หอมก็อยากให้คุยกัน คุยกันเลย แต่จริงใจนะ ถ้าวันนี้จริงใจต่อกันเข้ามา แต่ถ้าไม่เอาพี่ หนูไม่โอเค ไม่เป็นไร เราว่ากันตามกฎหมาย เราหยุดการสัมภาษณ์เท่านี้ดีไหม มันเปลืองตัวทั้งคู่ ส่วนคดีที่ฟ้อง ฟ้องอะไรบ้าง รายละเอียดไม่สามารถตอบได้เลย พร้อมบอกไม่กลัวอีกฝ่ายฟ้องกลับ