เปิดใจ “อิน บูโดกัน” เผยชีวิตสุดช้ำติดหนี้ก้อนโต ซ้ำเกือบต้องเป็นโรคร้าย
ถือเป็นอีกหนึ่งนักร้องสาวขาร็อกที่ทุกคนรู้จักกันดี สำหรับ “อิน บูโดกัน” เจ้าของเพลงฮิตติดหูที่ร้องกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งทุกครั้งที่เราฟังเพลงจากเธอ ก็มักจะมาพร้อมกับรอยยิ้ม และความสุข แต่ล่าสุด “อิน บูโดกัน” ออกมาเปิดใจผ่านทางทีมงาน “ดาราเดลี่” ถึงเรื่องส่วนตัวที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน เกี่ยวกับหนี้สินหลายล้าน ที่ทำให้ชีวิตต้องล้มลุกคลุกคลาน ถึงขนาดต้องแคะกระปุกออมสิน และมีเงินติดตัวอยู่แค่ 7 บาท โดยเล่าสาเหตุจากการเป็นหนี้ในครั้งนี้ พร้อมกับการฟื้นชีวิตกลับคืนมาได้อีกครั้งว่า
อ่านข่าวต่อ :
"ลูกหว้า" แจงร่วมคอมเม้นต์หลัง "อิน บูโดกัน" โพสต์ฉะศิลปินดังผ่านเฟซบุ๊ค
ชีวิตในตอนนี้ก็มีความสุข เพราะเราก็ออกกำลังกายควบคุมอาหารไปพร้อมๆ กัน ตอนนี้ก็ลดลงมาเกือบ 12 กก. ในระยะเวลา 5 เดือน ที่ทำให้เราตัดสินใจแบบนี้เพราะตอนนี้รู้สึกเหมือนอยากจะมีลูก เราก็อยากเป็นแม่ที่แข็งแรง มันก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับเรา เราก็ต้องมีวินัยด้วย ตอนนี้ก็แพลนเรื่องน้องไว้แล้ว เพราะตามอายุก็เหลือเวลาแค่ปีหน้าปีสุดท้าย มองไว้อยากได้ลูกแฝดเหมือนกัน ถ้าไม่มีจริงๆ ก็คงจะเอาหลานมาเลี้ยง ส่วนตัวคิดว่าการมีลูกอาจจะทำให้ครอบครัวเราสมบูรณ์แบบ เพราะสามีตอนนี้ก็ลดแอลกอฮอล์แล้ว เราก็เริ่มดูแลมาสักพักใหญ่ๆ หลังจากที่เราใช้ชีวิตพลาดมาสักพักใหญ่จนกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
ส่วนสาเหตุการเป็นหนี้ เพราะทุ่มเงินทำธุรกิจหลายอย่าง มีเงินเท่าไรลงไปกับการทำธุรกิจหมด แต่สุดท้ายกลับเจ๊งไม่เป็นท่า มีเจ้าหนี้เป็น 10 ราย เราก็ทำงานทุกอย่าง ต้องพยายามหาเงินเพื่อจ่ายต้น จ่ายดอกเบี้ยเจ้าหนี้ เฉลี่ยให้แต่ละรายทุกเดือนๆ พูดเรื่องนี้แล้วจุก พร้อมทั้งร่ำไห้บอกว่า เหลือเงิน 7 บาท ซื้อมาม่ากิน มีเงินเลี้ยงตัวเองกับสามีแต่ละสัปดาห์ จากการไปร้องเพลงที่ร้านอาหาร แม้แต่เพื่อนสนิทก็ต้องยืมเงินเพื่อน เราจริงใจบอกความจริงกับเพื่อนว่า มีเงินแต่ต้องเอาไปจ่ายเจ้าหนี้ที่เสียดอกก่อน สุดท้ายก็เสียเพื่อน เพราะเขาคิดว่าไม่เสียดอกแล้วยังต้องมารอเศษเงินจากเรา ทั้งที่เราจริงใจ บอกความจริงกับเพื่อน ตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ไม่เคยบอกสามี หรือ ผู้จัดการ ให้รับรู้เรื่องนี้ แต่ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์กับเพื่อนจะไม่เหมือนเดิม เจ้าตัวก็ทิ้งท้ายไว้ว่า จะไม่มีทางลืมบุญคุณเพื่อนคนนี้แน่นอน
จนเราได้รับพลังบวกจากคุณพ่อคุณแม่ และมีสามีที่คอยให้กำลังใจเราจนทำให้จากหนี้เกือบ 6 ล้าน ในตอนนี้ก็เหลือแค่ล้านกว่าบาท เราก็เชื่อว่ามันคงจะหมดในไม่ช้านี้ หากเราตั้งใจทำงานและเลือกทำแต่สิ่งดีๆ และทำทุกวันให้มีความสุขที่สุดเท่านั้นพอ
