ยืนหนึ่งเมืองคานส์ "ชมพู่" เมินดราม่าเดินพรมแดง แจง! ลูกอมก๊อกน้ำ
เป็นตัวแม่ยืนหนึ่งในการเดินพรมแดงเมืองคานส์ สำหรับสาว "ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต" ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นปีที่ 7 ซึ่งสาว "ชมพู่" จะไปเฉิดฉายบนเวทีระดับโลก มีโอกาสเจอนักข่าว เลยไม่พลาดถามถึงดราม่าเล็กๆ ที่ลูกแฝดอมก๊อกน้ำ ไปฟังกันเลย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
“ชมพู่ อารยา” ไม่ทำให้ผิดหวัง ถูกใจช่างภาพเมืองน้ำหอม
เมืองคานส์ก็เป็นปีที่ 7 แล้ว ไม่น่าเชื่อ เวลาผ่านไปเร็วมาก ปีนี้ทำการบ้านยังไงบ้าง แน่นอนว่าทุกๆ ปีเป็นโอกาสที่ประเมินค่าไม่ได้ เราก็พยายามทำให้มันดีทุกๆ ปี จบในทุกๆ ปีเราก็มานั่งประมวลดูกับทีมงานว่าความประทับใจเราคืออะไร เราเรียนรู้อะไร และถ้าเรามีโอกาสอีกครั้งหนึ่งเราอยากทำอะไร ถ้ามันต้องแก้ปัญหาตรงไหน แล้วถ้าเราเจอปัญหาแบบนี้อีกเราจะทำยังไงอะไรแบบนี้ ก็คือพัฒนาให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ
กดดันกว่าเดิมไหม คือชมเหมือนคนโรคจิตชอบกดดันตัวเองอยู่แล้ว ก็รู้สึกว่าเราทำงานภายใต้ความกดดันนิดหนึ่งมันก็ดีเหมือนกัน เพราะจะมีแรงส่ง แรงถีบเรา ถ้ามันชิวมากเกินก็เหมือนมันไม่มีความหมาย มันไม่หอมหวล ไม่มันส์ค่ะ
เตรียมไว้ยังไงบ้าง ก็ต้องรอดูวันนั้นเลย ก็เหมือนทุกๆ ครั้ง คือ ทำการบ้านมาตลอด คิดมาตลอด สิ่งที่เราเจอ สิ่งที่เราพบเห็นเวลาเดินทางไปไหน ประสบการณ์ต่างๆ มันสามารถหยิบยกเอาไปใช้ที่คานส์ได้ มันประกอบไปด้วยส่วนประกอบต่างๆ มากมายที่มันส่งเราในวันนี้
ลูกชายฝาแฝดไปด้วย เตรียมตัวยังไง ใช่ค่ะ จริงๆ ก็ค่อนข้างคุ้นชินกับการเดินทางกับลูก เพราะชมพาเขาไปทุกที่ที่พาไปได้จะมีแค่บางทริปที่ไม่เอื้อกับเด็กจริงๆ ที่ไม่เอาเขาไป ก็เลยไม่รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษ เพราะเราสามารถรับมือได้ ไม่เหมือนปีที่แล้วที่เราตัดสินใจนาทีสุดท้ายว่าจะไปคนเดียว เพราะงานก็ต้องคิด ลูกก็อยู่ตรงหน้า แต่ปีนี้คิดว่าเราน่าจะทำได้ อยากให้เป็นประสบการณ์ที่ดีของเขาว่าครั้งหนึ่งเคยไปกับแม่นะ
เตรียมไว้กี่ลุคในการเดินพรมแดง แต่ว่าจะมีลุคย่อยๆ ที่เกี่ยวกับงานอีเว้นท์กลางคืน หรือลุคกลางวันที่เกี่ยวกับงานประกาศรางวัลต่างๆ เยอะแยะไปหมด ก็เตรียมไปเยอะ เพราะมีชุดที่ไม่ได้ถูกใส่ด้วย เพราะเรามีแพลนเอ แพลนบี แพลนซี ต่างๆ นานา แต่สิ่งที่เราอยากได้ก็เลือกไม่ยากหรอก เพราะเราก็มีที่อยากได้ที่สุดๆ มีความฝันอันสูงสุดของเราที่เรายังไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้ถือว่ายากมาก เราก็ช่วยกันออกความคิดเห็น มันไม่ใช่ว่าแค่ที่เราชอบที่สุดแต่นอกจากสวยแล้วต้องหลากหลายด้วย ต้องมีภาพรวมที่ดูกลมกลืนต่อเนื่องและหลากหลาย ที่สำคัญเราทำงานกับแบรนด์เครื่องสำอางมันก็ต้องเอื้อให้เราสามารถพรีเซ้นส์การแต่งหน้าได้หลายๆ ลุคด้วย
ประเด็นดราม่าเรื่องชุด ปีนี้เตรียมรับมือยังไง สุดท้ายคนใส่มีเราคนเดียว อันนี้ก็เข้าใจเพราะไม่มีอะไรถูกใจทุกๆ คนตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่สุดท้ายเรามีเหตุผลที่ทำให้เราต้องตัดสินใจ มันมีบริบทที่เราต้องตัดสินใจ ซึ่งจะอธิบายให้คนทั้งโลกฟังก็คงเป็นไปไม่ได้ เข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติที่คนจะวิจารณ์
กดดันตรงไหนเป็นพิเศษไหม ก็อยากทำให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ จริงๆ ไม่ต้องมีใครมากดดัน ไม่ต้องเป็นเสียงของคนข้างนอกหรอก เสียงของตัวเราเองนี่แหละที่เราอยากทำให้ดีขึ้น มันก็มีความกดดันอยู่แล้ว เดินวันแรกคือวันไหน เดินวันแรกจริงๆ วันที่ 14 ค่ะ แต่ถ้าเดินกับทางลอรีอัลเป็นวันที่ 16 และ 17 แต่ 14, 15 ชมก็เดิน
ขอถามเรื่องลูกบ้าง ก็โตขึ้นทุกวันค่ะ เรายังจำภาพวันเข้าห้องผ่าได้อยู่เลย คือมันเร็วมาก มีคนช่วยเลี้ยงลูกตลอด ล่าสุดมีดราม่าเรื่องก๊อกน้ำ มีดราม่าด้วยเหรอ จริงๆ เด็กอะนะ สกปรกกว่านี้ก็หยิบใส่ปากมาแล้ว ถ้าคนเคยอยู่กับเด็กก็จะรู้ ยิ่งวัยที่กำลังเป็นลิงเลยบางทีเราก็ไม่ทัน ก็เป็นวัยของเขาค่ะ ปล่อยให้เขาเรียนรู้ไปตามวัย
เขาโตขึ้น ซนขึ้น เรามีกังวลไหม ก็ตอนนี้คือพยายาม คาดสายตาไม่ได้จริงๆ แล้วพลังเขาเยอะ เป็นเด็กผู้ชาย คือให้อยู่ในสายตา แต่ก็ไม่ใช่ว่าขังไว้ ไม่ให้เขาทำอะไร คือเด็กมันควรจะได้เป็นเด็ก แล้วเขาก็ไม่ควรจะถูกห้าม หรือไม่ให้ทำอะไรจนไม่เป็นตัวของตัวเอง จนขาดความมั่นใจ เพราะฉะนั้นก็ปล่อยให้เขาเป็นเขา แต่อะไรที่มันนอกลู่นอกทาง อะไรที่มันไม่เหมาะ เราก็บอกเขาว่า โน๊โน นะ ตอนนี้เริ่มพูดรู้เรื่องแล้ว ก็ให้เหตุผลไป ฟังอาจจะรู้เรื่องไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ว่าก็พูด
สองคนเขามีตีกันบ้างไหม ทุกวัน ส่วนมากก็คือ ถ่ายคลิป แต่มันมีอะไรที่อันซีนอีกมาก บางทีนึกไม่ได้ว่าต้องถ่าย คือมันเยอะมาก แต่ส่วนมากก็คือแย่งของกัน มี 2 ชิ้น แต่ก็จะเอาชิ้นนั้น ต่อให้มี 2 อัน ก็จะต้องเป็นอันที่อีกคนถืออยู่
เรามีตีเขาไหม ไม่ตีค่ะ เพราะชมว่าเขายังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงตีเขา เต็มที่ก็คือเอ็ด ถ้าเราขึ้นเสียงจริงๆ เขารู้แล้วนะ ว่าแม่โกรธแล้วนะ แม่ไม่พอใจ ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง เราเห็นในแววตาเขา มีอยู่วันหนึ่งฮามาก นางตีกัน ตีแบบสนุกๆ นะ แล้วก็หัวเราะกันเอง แม่ก็ว่าตีกันได้ยังไง แบบเสียงดังมาก เป็นพี่น้องต้องรักกัน มันลากกันไปกลางบ้าน แล้วมันกอดโชว์เรา คือมันประชดอะ เข้าใจไหม แล้วก็ทำเป็นหัวเราะ แต่แววตาเขาแอบดูเรา ว่าเราหายโกรธเขาหรือยัง เราเป็นปกติหรือยัง เขาเริ่มรู้แล้ว
เรามีศึกษาไหมว่าวัยนี้ต้องรับมืออย่างไร ชมว่าลูกชมก็เริ่มมีปฏิเสธแล้ว ชมว่าถ้าเราใจเย็น คืออยู่ด้วยความรักความเข้าใจ สุดท้ายเด็กมันก็คือเด็ก ชมก็ไม่ได้หัวเสียหรืออะไรนะ ยังไม่ได้รู้สึกว่ามันซนหรือดื้อ จนกระทบจิตใจเรา ไม่ได้บอกว่าลูกเราไม่ซนนะ แต่ว่าเราก็ไม่ได้กลุ้มอกกลุ้มใจ “คุณน็อต วิศรุต” (สามี) ช่วยเลี้ยงอย่างไรบ้าง เขาก็สนุกแหละค่ะ บางทีก็จะชวนเล่นอะไรแบบผู้ชายๆ บางทีเราก็จะบอกพี่เบาๆ ก่อน เขาจะแบบยัดเยียดความเป็นชายให้ลูกมาก ซึ่งเราเป็นผู้หญิงมุมมองเราก็อยากให้เขามีความอ่อนโยน ก็จะประมาณนี้แหละค่ะ
ล่าสุดเห็นว่าไปประมูลภาพมา มูลค่าเยอะเลยค่ะ ก็จริงๆ วัตถุประสงค์มันก็ดีค่ะ เอาไปทำบุญ ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย คือเราก็กำลังจะย้ายบ้านแล้ว คิดว่าเราจะมีผนังแขวนแน่ๆ คือจริงๆ ก็เป็นงานของทางลอฟฟีเซียล (L’Officiel) ซึ่งก็เป็นพันธมิตรที่ดีกับชมมาตลอด เราก็อยากจะให้ยอดประมูลภาพเรามันได้สตางค์เยอะๆ แต่ต้องขอโทษทีที่จำชื่อมูลนิธิไม่ได้แล้ว แต่ก็ให้กับเด็กๆ แหละ ก็เป็นภาพพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ กับสมเด็จพระราชินีค่ะ
บ้านเสร็จแล้วใช่ไหม ไม่น่าพูดเลย บ้านนี่ตั้งแต่ยังไม่แต่งงานอะ คิดดูสิ แต่ใกล้มากๆ แล้วค่ะ แต่ก็ยังเป็นคอนโดอยู่นะ เพียงแต่ว่าพื้นที่มากขึ้น ใหญ่ขึ้น เด็กๆ ตื่นเต้นไหม ไม่ได้เคยพาไปดูค่ะ อย่าว่าแต่เด็กเลย แม่ยังไม่ค่อยไปเลย คือพอเราไปเห็นอะไรที่มันเป็นสิ่งก่อสร้าง เป็นอิฐๆ ปูนๆ เราก็ดูไม่รู้เรื่องอะ ไม่รู้ว่ามันจะสวยยังไง ก็เลยขอไปตอนจบเลยทีเดียวแล้วกัน คุณน็อตทำทุกอย่างเลยค่ะ ชมไม่ยุ่งเลย ชมดูแค่ในพาร์ทของตู้เสื้อผ้าตัวเอง แล้วก็ห้องน้ำกับห้องทำงานแค่นั้น