The TOYS เล่าวินาทีทิ้งกีตาร์ โดนล็อกคอจนหายใจไม่ออก
เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ในกรณีที่นักร้องหนุ่ม "ทอย ธันวา บุญสูงเนิน" หรือ "The TOYS" ที่ถูกแฟนเพลงที่เข้ามาชมคอนเสิร์ตบุกขึ้นเวทีล็อกคอจนหายใจไม่ออก พร้อมกับยื่นแก้วเหล้าให้ดื่ม ทำให้นักร้องหนุ่มถึงขั้นต้องทิ้งกีตาร์แล้วลงจากเวที ล่าสุดมีโอกาสเจอหนุ่ม "ทอย" ในงานนีเวีย เลยให้เจ้าตัวเปิดใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
อ่านข่าวต่อ :
The Toys สุดทน! ยุติคอนเสิร์ต หนุ่มเมาบุก ประชิด บังคับดื่ม
เท่าที่เห็นคือเขาขึ้นมาบนเวที ผมจำไม่ได้ทั้งหมด แต่ฟีลคือกำลังจะร้องเพลงท่อนต่อไป รู้ตัวอีกทีคือเขาเข้ามาแล้วและผมหายใจไม่ออก ตอนนั้นไม่ได้พูดอะไรเลย ด้วยความที่บรรยากาศในร้านมันมืดๆ อยู่แล้วเลยมองอะไรไม่ค่อยเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
มีจังหวะที่เขวี้ยงกีตาร์ลงพื้นด้วย ความรู้สึก คือ ตอนนั้นคือกลัวว่าไม่ปลอดภัย ตกใจด้วย แต่ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่รู้ว่าจะต้องยังไงดี ถ้าสมมติเขามีมีดหรือมีปืนจะเป็นยังไง แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ผมแต่มันเป็นกับทุกคน ไม่ต้องเป็นศิลปินก็ได้ สมมติถ้าผมเป็นเซลส์ขายรถกำลังคุยกับลูกค้าอยู่ แล้วมีคนเดินเข้ามาล็อกคอ คืออะไรตรงนี้มันเป็นวัฒนธรรมที่เราควรเรียนรู้ ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาผิดนะ เพียงแค่ว่าเราได้รับวัฒนธรรมการชมดนตรีที่แตกต่างกันออกไป เลยเป็นอย่างที่เห็น
หลังเกิดเหตุการณ์เจ้าของร้านได้มาพูดอะไรด้วยไหม ได้มาคุยกับผู้จัดการ ผมถือว่าเขาค่อนข้างมีสปิริต เพราะเขารับผิดชอบเงินของลูกค้าทั้งหมด คืนทั้งหมด อันนี้คือเรื่องที่ดี จริงๆ เขาไม่ต้องทำก็ได้แต่ว่าเขาทำ
หลังจากที่เราลงจากเวทีก็ไม่มีการเล่นต่อเลย ใช่ คือ ผมไปกินข้าวต้มกุ๊ยกับมือกลองต่อครับ ผมคุยกับมือกลองว่าแถวนี้มีร้านข้าวต้มเปิดไหม เขาก็บอกว่ามีตรงนี้ เราก็เลยไป
จะมีการระวังไม่ให้แฟนเพลงขึ้นไปบนเวทียังไง จริงๆ เราควรรู้กันอยู่แล้วอะ คือไม่ใช่แค่ดนตรี แต่มันเป็นทุกเรื่องบนโลก เราควรรู้กันอยู่แล้วว่าไม่ควรจะไปแทรกแซงในการปฏิบัติงานของใครก็ตามแต่ อันนี้มันเป็นวัฒนธรรมของการเป็นผู้ใหญ่
พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทำให้เราระแวงในการขึ้นเวทีไหม ไม่ครับ เพราะมันเป็นหน้าที่ของทีมงานแล้ว
เห็นว่าทางเราก็คืนค่าตัววันนั้นให้หมดเลย ใช่ครับ ตอนที่ผมไปกินข้าวต้มกับมือกลอง ผมก็บอกว่า ตายแล้ว เราเล่นไม่ครบนี่ เพิ่งจะนึกได้ จังหวะนั้นผมเลยโทรหาผู้จัดการ ซึ่งผมเป็นคนตัดสินใจเองว่าขอคืนเงินทั้งหมด ส่วนเรื่องค่ารถต่างๆ ผมขออนุญาตออกเองนะครับ เพราะถือว่าทางร้านเขารับผิดชอบกับลูกค้า อันนี้คือเรื่องที่ดีมาก
เราพอทราบดราม่าที่เกิดขึ้นไหม เพราะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มา 2 มุม ทั้งเข้าข้าง และบอกว่าเราไม่เป็นมืออาชีพ ผมไม่ค่อยเข้าไปอ่านครับ ผมไม่แคร์ ไม่ค่อยสนใจ เราอาจจะเป็นมืออาชีพสักหนึ่งหมื่นวัน และวันนั้นผมอาจจะใช้หมดพอดี ก็เลยไปกินข้าวต้มดีกว่า
เราโกรธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไหม ไม่โกรธครับ ทุกคนต้องเรียนรู้ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องดีนะ แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เหมือนกัน อย่างน้อยมันก็ทำให้เห็นว่าเป็นประสบการณ์ของทุกๆ ฝ่าย รวมถึงผมด้วย
ต้องเลือกรับงานมากขึ้นไหม ไม่ซีเรียสอะไรเลยครับ เพราะสุดท้ายจะเป็นค่ายเท่านั้นที่รับงาน ไม่เกี่ยวกับผม หากมีงานติดต่อมาอีกครั้ง เราสามารถกลับไปเล่นที่สถานบันเทิงนั้นได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไรเลย
ต้องขอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มไหม ไม่ทราบเลยครับ เพราะทางทีมงานจะเป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง ผมไม่รู้ ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเลยครับ
บอกอะไรกับแฟนคลับที่เป็นห่วงบ้าง ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจ และไม่ต้องไปโจมตีใครเลย ไม่ว่าจะเป็นทางร้านหรืออะไรก็ตามครับ เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเรียนรู้อยู่แล้ว เป็นก้าวเล็กๆ ที่ทำให้เรารู้จักเรียนรู้และแก้ปัญหา ผมคิดแค่นั้นครับ