ฟังจากปาก “นุ๊ก สุทธิดา” กรณี “ปุ๊กกี้” ตอบชัดตัดขาดจากเพื่อนซี้ไหม?
กลายเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย กับกรณีที่อดีตนักร้องชื่อดังอย่าง “ปุ๊กกี้ ปริศนา” โดนจับในคดียาเสพติด ล่าสุดได้เจอเพื่อนซี้อย่าง “นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” เลยไม่พลาดที่จะถามถึงเหตุการณ์และเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งเจ้าตัวเผยให้ฟังว่า
จริงๆ จะมีไลน์กลุ่ม มี “นุ๊ก, พี่ทัช, พี่ต๊ะ” แล้วก็มี “ปุ๊กกี้” แล้วก็จะมีทีมงานแดนเซอร์ นักดนตรี ผู้จัดการวง ก็ทำคอนเสิร์ตด้วยกันมาพักหนึ่งแล้ว จนคิวจองไปถึงปลายปีแล้ว ซึ่งเมื่อคืนเราก็แชทเล่นกัน “พี่ทัช” ก็เพิ่งออกจากการซ้อมรันทรูละครเวที แต่เพื่อน “นุ๊ก” ก็ส่งข้อความมา ซึ่งตอนแรกก็เป็นข่าวในโซเชียลธรรมดา และยังไม่ถูกลงรายละเอียดในเรื่องของน้ำหนักใดๆ ทั้งสิ้น เราก็เลยโยนลงในห้อง ถามน้องว่ายังไง จะฟ้องไหม เราเองยังคิดว่ามั่ว ไม่เชื่ออะไรแบบนี้ แต่ทีนี้ “ปุ๊กกี้” ไม่ตอบ ก็เริ่มไม่ปกติ ก็เลยให้ผู้จัดการฯ โทรไป แต่ก็ไม่มีการรับสาย คือเราก็ต้องห่วงเรื่องของงานที่รับก่อนอันดับแรก ว่าเราจะแก้ไขสถานการณ์นี้ยังไง
ส่วนพอมาทราบข่าวว่าเป็นเรื่องจริงก็ต้องบอกก่อนว่าพาร์ทที่เราทำงานด้วยกันคือ อย่างแรกเลยเขาดูสดใส ดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ มันไม่มีวี่แววตรงนั้น อย่างที่สองคือ ล่าสุดที่เราไปเล่นคอนเสิร์ตกับเขา ก็ยังพูดถึงเรื่องครอบครัว เรื่องลูก ชีวิตดูดี ดูเข้ารูปเข้ารอยแล้ว มีโอกาสได้คุยกับลูกเยอะขึ้น เราเองก็คิดว่าชีวิตเขาดีขึ้น เราก็ยินดีกับเขา เพราะเราสองคนก็ผ่านเรื่องร้ายๆ กันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เราไม่คิดว่าชีวิตเขาจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น พอมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อ เพราะว่าตัวเขาเองก็คุยกับเราแบบนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ นาทีก็ยังรอดูเพราะว่าอาจจะมีอะไรที่เราเองก็ไม่รู้ เรื่องของการใช้เงินเราก็ดูนะว่าเราทบทวนเรื่องเก่าๆ เขาใช้เงินก็ไม่ได้ใช้ฟุ่มเฟือย ไม่ได้อวดรวย ก็ดูทำตัวปกติ เอาจริงๆ ไม่ได้เข้าข้างน้องหรือเข้าข้างเพื่อนนะ ถ้าผิดก็ต้องยอมรับผิด เพราะมีลูกก็ไม่อยากให้ลูกอยู่ในสังคมที่เลวทรามแบบนี้ แต่แค่คิดว่าชีวิตคนเราผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ชีวิตเขาเหมือนจะดีแล้ว เรายังแฮปปี้กับเขา
ความรู้สึกกับเพื่อนเราตอนนี้ก็ลุ้นให้ไม่จริง แต่ถ้าจริงก็พูดตรงๆ ว่ารับไม่ได้ มีคนถามว่าจะไปเยี่ยมไหม เราก็บอกว่ารอก่อน ถ้ามันไม่จริงเราก็อยากจะอยู่ข้างเขา แต่ถ้ามันจริงเราก็รับไม่ได้เหมือนกัน ที่บอกว่ารับไม่ได้คือคิดถึงลูกของเรา คิดถึงสังคมที่ลูกโตและอยู่ต่อไป แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวพวกนี้ก็จะเป็นอุทาหรณ์ทั้งหมด เชื่อว่าหลายคนที่ดูข่าวก็ต้องดูเป็นอุทาหรณ์ ชีวิตคนเราถ้ายุ่งกับเรื่องพวกนี้มันไม่มีทางกลับมาได้
ส่วนจะถึงขั้นตัดเพื่อนหรือเลิกคบไหม ก็ไม่ถึงขั้นตัดเพื่อนหรอกนะ แต่ถามเราโอเคเหรอ แล้วลูกของเราจะมองเรายังไง ซึ่งเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้คือเป็นห่วงเขา จริงๆ ไม่อยากพูดว่าตัดเพื่อน แต่ก็ไม่อยากให้ลูกเรามาอยู่แบบนี้ กลัวไหมว่าจะโดนซัดทอดมาถึงตัวเอง เพราะว่าทำงานและอยู่ในกลุ่มด้วยกัน ไม่กลัวค่ะ เพราะตอนที่เขาโดนเรายังแชทเล่นกันอยู่เลย ถ้าตำรวจยึดมือถือก็จะเหม็นความไม่รู้ของพวกเราเลย ยังแซวเรื่องหน้าเก่ากันอยู่เลย คือคนเรามันสามารถทำผิดพลาดกันได้ แต่สิ่งที่เขาทำมันใหญ่เกิน แล้วอีกอย่าง มันเป็นบาปด้วย เลยรู้สึกว่ามันโหดร้ายเกิน