“ก้อย” ปัดวิ่ง 100 กม. พร้อม “พี่ตูน” เผยขอแค่ 50 กม. พอที่ร่างกายจะรับไหว
ถือว่าเป็นสนามที่นักวิ่งมาราธอนทุกคนใฝ่ฝันอยากจะมา เพื่อทดสอบความอึดของตัวเอง รวมไปถึงนักร้อง-นักวิ่งขวัญใจคนไทยอย่าง “ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย” แฟนหนุ่มของสาว “ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ” ล่าสุดทั้งคู่ก็ได้โชว์ความสตรองด้วยการลงแข่งขันงานวิ่ง Saroma100 ด้วยระยะทางการวิ่ง 100 กม. ส่วนสาว “ก้อย” เลือกที่จะลงสนาม 50 กม. พอตามที่ร่างกายจะไหว งานนี้มีโอกาสได้เจอกับเจ้าตัวเลยขอถามถึงความรู้สึกกันหน่อย โดยเจ้าตัวเผยว่า
อ่านข่าวต่อ
“ก้อย รัชวิน” เคลียร์ดราม่าหลัง “พี่ตูน” ถูกว่านำเงินบริจาคบินไปดูบอล
ไปวิ่งมาราธอนกับ “พี่ตูน” มาที่ญี่ปุ่น มันเป็นงานวิ่งระยะ 100 กิโล ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น แต่ “ก้อย” ลงระยะ 50 กิโล ครึ่งหนึ่งของ “พี่ตูน” เป็นระยะที่ “ก้อย” วิ่งได้ยาวที่สุดแล้ว ปีที่แล้ว “ก้อย” ไปเชียร์ “พี่ตูน” ซึ่ง “พี่ตูน” วิ่งจบ 100 กิโล ก็โดนป้ายยาว่า “ก้อย” ต้องลอง อยากให้รู้ว่าการวิ่ง 100 กิโลมันเป็นยังไง ไม่แน่ใจว่าอยากให้เราทรมานหรือเปล่า โดยส่วนตัวเราก็รู้สึกว่าการจะไปวิ่ง 100 กิโลมันต้องอาศัยการฝึกซ้อมมากๆ ที่ “ก้อย” ทำได้มันคือฟูลมาราธอนที่ 42 กิโล เลยนึกภาพไม่ออกว่าถ้าจะไปถึง 100 กิโลจะเป็นยังไง เลยขอมาลงที่ 50 กิโลก่อน ดูว่าร่างกายเราไหวไหม แล้วเราถึงจะจินตนาการออกว่าอีก 50 กิโลที่เหลือเราจะสามารถวิ่งต่อไปได้ไหม แต่ 50 กิโลของเราไหว จบเวลาก็โอเค 5 ชั่วโมง 5 นาที ไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากมาย
การวิ่งสนามนี้มันมีความสุขมากนะ อากาศดีแม้จะแดดร้อนพอๆ กับเมืองไทย มันจะมีช่วงที่ต้องวิ่งขึ้นไปบนภูเขา เราก็จะต้องต่อสู้กับตัวเองค่อนข้างเยอะ เพราะมันเป็นระยะที่ไกลขึ้นกว่าเดิมที่เราทำไว้ แต่มันก็ผ่านมาได้ด้วยดี ติดใจนะ ปีนี้ “ก้อย” วิ่งแบบไม่ได้กดดันตัวเองมาก ที่ผ่านมาเราอาจจะกดดันตัวเอง อยากทำเวลา อยากได้เวลาที่ดีๆ เหมือนครั้งนี้เราปล่อยวาง วิ่งด้วยเวลาที่สนุก แค่ออกไปวิ่ง ไม่ได้คิด ไม่ได้กังวลอะไร มันก็เลยมีความสุขตลอดที่วิ่ง
“พี่ตูน” เขาก็มารอ มันเป็นจังหวะที่นักวิ่ง 100 กิโล กับนักวิ่ง 50 กิโล จะต้องมาสวนทางกันตรงบริเวณนั้น หลังจากที่เราวิ่งมา 40 กิโลแล้ว แล้วเขาวิ่งมา 86 กิโลแล้วมาบรรจบกันในช่วงนั้น “พี่ตูน” มีแนะนำการวิ่งไหมในทริปนี้ ก็วิ่งให้สนุก ทำได้อยู่แล้ว เขาจะบอกแค่นี้ ครั้งนี้วิ่งไม่มีน้ำตาเลย สนุกมาก วิ่งไปร้องเพลงไป
คิดว่า 100 กิโลเราทำได้ “ก้อย” ว่ามันอยู่ที่ใจ ถามว่าร่างกายเรามันไปได้ไหม “ก้อย” เชื่อว่า “ก้อย” ทำได้ แต่อย่างที่บอกว่ามันอยู่ที่ใจเลย ที่เรายังไม่ตัดสินใจวิ่ง 100 กิโล เหมือนใจเรามันยังไม่ถึง แต่ครั้งนี้พอลองมาวิ่ง 50 กิโล เราเริ่มรู้ร่างกายตัวเองแล้วว่าเราอาจจะไปถึงในจุดนั้นได้ แต่ก็ต้องอาศัยพลังใจอีกนิดนึงว่าเราจะทำได้ไหม คือรู้แหละว่าทำได้ มันเหมือนเราจะต้องหาชาเลนจ์อะไรบางอย่างที่ว่าเราไปวิ่งตรงนั้นเราจะได้อะไรกับมัน เราจะค้นพบตัวเองในอีกแบบหนึ่งที่เราไม่เคยเจอหรือเปล่า เพราะระยะที่ผ่านๆ มาเราพอจะรู้ตัวเองว่าเราจะไหวไหม แต่ 100 กิโล ลองคิดดูว่าตอนเราวิ่งไปช่วง 80-90 กิโล เอาง่ายๆ “พี่ตูน” วิ่ง 10 ชั่วโมงกว่าเกือบ 11 ชั่วโมง ให้เรายืนอยู่เฉยๆ 11 ชั่วโมงเรายังไม่ทำเลย นี่เราต้องวิ่งไปเรื่อยๆ เลยแบบโอเค เราขอใช้เวลาคิดอีกนิดนึงว่าอะไรคือจุดที่อยากจะทำให้เราไปสู่ 100 กิโลนี้ ก็ติดตามได้ปีหน้า
รวมไปถึงยังมีคู่ “พุฒ-จุ๋ย” ไปวิ่งด้วย “พี่พุฒ” 100 กิโลครั้งแรก “พี่จุ๋ย” มาเป็นกองเชียร์ เขาก็มีเซอร์ไพรส์วันเกิดกัน “ก้อย” ก็ไปช่วย “พี่จุ๋ย” เตรียมเค้กเบิร์ธเดย์ “พี่พุฒ” คู่นี้เขาน่ารักมาก ส่วนคู่เราก็ได้ประมาณนี้