ความน้อยใจของ “เอิร์น เดอะสตาร์”  ภูมิใจความเป็นลูกทุ่ง แม้ไม่คว้าแชมป์

ความน้อยใจของ “เอิร์น เดอะสตาร์” ภูมิใจความเป็นลูกทุ่ง แม้ไม่คว้าแชมป์

                   การแข่งขันจบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ “The Mask วรรณคดีไทย” ในรอบ Final ของ Champ of the Champ ระหว่าง “หน้ากากหลวิชัย คาวี” และ “หน้ากากนางเมขลา” โดยผู้ที่คว้าแชมป์ได้แก่ “หน้ากากหลวิชัย คาวี” หลังเฉือนผลคะแนนโหวตที่สูสีกันสุดๆ ในขณะที่รองแชมป์ “หน้ากากนางเมขลา” ได้เปิดหน้ากากออกเป็นสาว “เอิร์น สุรัตน์ติกานต์ พรรคเจริญ” หรือ “เอิร์น เดอะสตาร์” ทาง “ดาราเดลี่” ขอต่อสายตรงสัมภาษณ์ความรู้สึกหลังคว้ารองแชมป์พร้อมกับอินไซต์มุมมองเพลงลูกทุ่งในสายตาของสาวเสียงหวานคนนี้ 

อ่านข่าวต่อ

ทำดีที่สุดแล้ว “หน้ากากนางเมขลา” ไม่เสียใจหลังชวดแชมป์

                   สำหรับการแข่งขันคนเหมือนจะเดาถูก มีแฟนๆ หลายคนที่ติดตามมาตั้งแต่เดอะสตาร์ หลังจากเปิดหน้ากากก็ได้รับกระแสตอบรับจากแฟนเพลงล้นหลามมาก มาให้กำลังใจเรา เราก็ได้บรรยากาศเก่าๆ ตอนที่เราเคยประกวดเดอะสตาร์กลับมา เท้าความย้อนมาในการตัดสินใจมาประกวดรายการ The Mask Singer หลายๆ คนเข้าในว่าเป็นการกู้ชีพอาชีพของเรา ก็เลยเป็นรายการหนึ่งที่ศิลปินดาราอยากจะไป แต่ “เอิร์น” เองอยากรู้ว่าถ้าคนไม่ได้มองรูปลักษณ์ภายนอก ถ้าเราไปร้องเพลงคนจะยังจำเราได้ไหม คนที่เป็นแฟนเพลงเรา จะจำวิธีการร้องเสียงร้องเราได้หรือเปล่า ช่วงระหว่างการแข่งขันมีไดเรคเข้ามา ทักเพจมาเยอะมากทุกช่องทาง หน้าเวทีที่เราไปร้องด้วย เขาก็จะเรียกว่า “หน้ากากเมขลา” ตลอด เราก็ยิ้มๆ นิ่งๆ เราไม่รู้จะทำยังไงดี ขอเป็นยิ้มตอบดีกว่า

                   สำหรับการตัดสินใจเลือก “หน้ากากเมขลา” เพราะว่าเขาเป็นเทพธิดาที่มีแก้ว ที่เขาเปรียบว่าเหมือนฟ้าแลบ เรามองว่ามันเหมือนกับนักร้องที่มีแก้วเสียง ที่เราต้องดูแลรักษา หวงแหนเหมือนกัน ในช่วงการแข่งขันสิ่งที่เราประทับใจมากที่สุดก็คือการได้ถ่ายทอดความเป็นลูกทุ่ง ความเป็นไทยในเพลงของเรา มันเหมือนการได้เรียนรู้อีกช่วงของการได้เป็นนักร้องอาชีพ มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ที่ไม่ว่ามือสมัครเล่นหรือมืออาชีพเราก็ต้องมีการฝึกฝนอยู่ตลอด

                   โชว์ในรายการที่เราชอบมากที่สุดคือเพลง “สัญญากับใจ” เพราะเป็นเพลงที่ไม่เคยคิดจะร้องเลย เราชอบมาก เคยคิดจะเอามาประกวดแต่เนื้อหาของเพลงมันสะเทือนใจเรา เลยทำให้เราร้องไม่จบสักที กลายเป็นเราร้องไห้แทน พอได้มาแข่งเพลงนี้ เราก็เลือกเพลงนี้ เพื่อจะเอาชนะความกลัวในใจของเราให้ได้ด้วย และก็มีความยากที่เราเลือกร้องด้วยสำเนียง 4 ภาคด้วยเนื้อเพลงที่ต่อกันเลย ไม่มีดนตรีคั่น ก็ต้องมีสำเนียงแต่ละภาคที่ชัดเจน เราทำการบ้านเยอะมาก และมีเวลาน้อยมาก  โชว์ทุกอันเราทุ่มเทค่อนข้างเยอะแทบไม่ได้รับงานข้างนอกเลย เพื่อเอาเวลามาฝึกซ้อม คิดโชว์ เทคนิคการร้องเพลงพื้นบ้าน ดูตามโซเชียลอะไร แต่ก่อนเราไม่รู้เลยจนมาได้ประกวดว่าอย่างหมอลำมีเป็น 30-40 แบบเลย ส่วนภาคไหนที่ต้องซ้อมเยอะที่สุดคืออีสาน ทั้งๆ ที่เราเป็นคนโคราช แต่เราอยู่ในเมืองอาจจะไม่ได้เก่งภาษาอีสาน ฟังได้ แต่พูดไม่ได้ แต่ก็ลองหาโค้ชพี่ๆ พีอาร์ที่เป็นคนอีสานมาช่วย

                   ด้านกระแสเพลงแนวลูกทุ่งหรือพื้นบ้านที่ไม่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เจ้าตัวเผยว่าเราร้องเพลงลูกทุ่งมาโดยตลอดก็มีความรู้สึกน้อยใจบ้างบางครั้งที่เวลาเราไปเวทีใหญ่ๆ รวมศิลปินหลายๆ แนวเพลง ความเป็นแนวลูกทุ่งจะโดนถูกปิดบัง ซ่อน หรืออยู่ท้ายๆ มันก็น่าน้อยใจนะสำหรับนักร้องลูกทุ่งอย่างเราๆ มันมีหลายครั้งที่ไปทัวร์ต่างจังหวัดแล้วเด็กสมัยใหม่ให้ความสำคัญหรือสนใจในเพลงลูกทุ่งน้อยมาก เราก็เข้าใจว่าคนสมัยใหม่อาจจะไม่ได้รู้จักเราด้วย การมารายการนี้ก็เป็นอีกโอกาสที่เขาจะได้ฟังเราจากผลงานเราจริงๆ ไม่ต้องตั้งคำถามว่าเราเป็นใครและเราก็ได้แฟนๆ ใหม่ๆ แต่จริงๆ ตอนนี้เพลงลูกทุ่งมันก็ไม่ได้เชยแล้ว มันมีการผสมผสานของดนตรี มันฟังได้ง่ายขึ้น สนุกสนานมากขึ้น ตอบโจทย์สำหรับวัยรุ่นได้ดี

                   ประเด็นที่ไม่ไปถึงแชมป์นั้น เรามองว่าคนดูรายการมีค่อนข้างหลากหลายตั้งแต่เด็กๆ ไปจนผู้สูงอายุ ตั้งความหวังไว้ระดับหนึ่งว่าไม่ตกรอบแรกก็ดีใจแล้ว จนผ่านมาได้จนถึงรอบชิงแชมป์ เราคิดว่าเราประสบความสำเร็จมากแล้ว เป็นกำไรชีวิตด้วยในหลายๆ อย่าง ได้ยืนบนเวทีเดียวกับนักร้องอาชีพหลายๆ เราก็ทำดีที่สุด เต็มที่ ตำแหน่งแชมป์ก็ไม่ได้สำคัญแล้ว เราได้อะไรหลายอย่างมาก แฟนๆ เพลงที่ห่างหายก็ได้กลับมาเจอมาให้กำลังใจกัน ได้โอกาสทำงานเพิ่มมากขึ้น และได้เป็นไอดอลของลูกสาว “น้องนะคะ” เขาบอกตอนเรากลับบ้านว่าอยากเป็นนักร้องเหมือนคุณแม่ สามีเราน้ำตาไหลเลยที่ลูกเห็นพ่อแม่เป็นแบบอย่าง

                   ส่วนดราม่าว่าแชมป์ไม่เหมาะสมตำแหน่ง เรารู้สึกว่าทุกคนที่ไปเป็นมืออาชีพ และสิ่งที่เราเห็นชัดเจนจากหน้ากากหลวิชัย คาวีคือเขามีพัฒนาการในการแสดง ร้องเพลงโชว์ในรูปแบบของเขา เห็นดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกสัปดาห์ เราก็ต้องเคารพการตัดสินจากคะแนนโหวตด้วย เราก็เห็นว่าเขาคู่ควร และเชื่อว่าหลังจากเปิดหน้ากากแล้วพวกเขาก็จะพัฒนาฝีมือการร้องเพลง ฝีมือได้เรื่อยๆ อีก เราชื่นชมฝีมือของเขาเช่นกัน เรามีให้กำลังใจกันตลอดให้สู้ๆ กันตลอดรายการ เขาเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้เรา เอิร์นไม่ดราม่า เรามีความสุขที่ได้มาร่วมแข่งขัน เราเห็ความตั้งใจของทุกคน ผลจะเป็นยังไง แพ้ชนะ สุดท้ายแล้วกำลังใจหรือผลงานต่อจากนี้แล้วมันสำคัญมากกว่า

                   สำหรับผลงานต่อจากนี้ตอนนี้ก็มีซิงเกิ้ลใหม่ เพลงไทยประยุกต์ชื่อเพลง “ฉันจะผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไร” โดยเป็นเพลงที่ผสมผสานเครื่องดนตรีไทยกับทำนองสากลมากขึ้น ตัว MV เพิ่งปล่อยวันที่เปิดหน้ากากเลย ฟีดแบ็คเพลงนี้ก็ค่อนข้างดี เขาก็มีมาคอมเม้นต์ว่าไม่คิดว่าดนตรีไทยจะเพราะ ส่วนที่อยากฝากถึงแฟนๆ เราเชื่อว่าดนตรีไทยเครื่องไทยมีเสน่ห์ในน้ำเสียงอยู่แล้วที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบ ดนตรีไทยไม่ว่าจะท่วงทำนอง เนื้อร้อง มันเป็นหนึ่งเดียวในโลก อยากให้ภูมิใจในความเป็นไทย