“นาตาลี เดวิส” เผยความพร้อมเตรียมจูงมือ “ณะ อิทธิกร” แต่งงาน เล็งมีลูกทันที
เตรียมจูงมือเจ้าบ่าวดีกรีนักการทูต อย่าง “ณะ อิทธิกร” เข้าพิธีแต่งงานเร็วๆ นี้ หลังคบหาดูใจกันมาถึง 5 ปีกว่า ก็ไม่รู้เตรียมความพร้อมไปถึงขั้นไหน สำหรับ “นาตาลี เดวิส” ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเผยพร้อมบอกหลังแต่งงานเล็งจะมีลูกทันทีให้ฟังด้วยว่า
อ่านข่าวต่อ:
"นาตาลี เดวิส" เผยรักครั้งใหม่หนุ่มนอกวงการ
ก็มีตื่นเต้นนิดๆ แต่ช่วงนี้อาจจะยังไม่พีคมาก เพราะอย่างที่บอกว่ามีหลายอย่างให้ต้องคิดให้สรุปทั้งทำไฟล์เตรียมเพลง เพราะในงานทุกเพลงจะเลือกกันเองหมด รูปที่เอามาโชว์ก็เลือกเยอะมีการเรียงเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นถึงปัจจุบัน และไม่ใช่ไม่อยากใช้ออร์กาไนซ์ แต่อ่านในเว็บเห็นมีให้ทำเอง และรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ได้ทำ พออีกหน่อยเผื่อมีใครมาปรึกษาจะได้อธิบายได้เผื่อช่วยเหลือคนอื่นได้บ้าง ก็สนุกดีแต่เหนื่อย โดยงานจะจัดขึ้นวันที่ 11 ก.ย. เป็นงานกลางวันมีพิธีหมั้น ช่วงเช้าเลี้ยงอาหารกลางวัน และจัดที่โรงแรมพูลแมน คิง พาวเวอร์ ซอยรางน้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีพิธีสงฆ์ไปแล้วก็เป็นความตั้งใจของตนกับฝ่ายชาย ที่เป็นคนชอบเข้าวัดทำบุญทั้งคู่ อย่างฤกษ์วันจริงก็ค่อนข้างบีบ เพราะหมั้นเช้าเลี้ยงเที่ยง กลัวว่ามีพิธีสงฆ์วันจริงจะทำพิธีได้ไม่เต็มที่เวลาไม่พอเลยคิดว่าไปทำบุญที่วัดกันก่อน และโชคดีมีรุ่นพี่ของฝ่ายชายดูคิวที่วัดอยู่เขาก็ให้วันมา 2-3 วัน ให้เลือกว่าวันไหนจะลงตัวเลยได้ไปทำวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วนตัวตั้งใจกับพิธีมากรู้สึกว่าบางคนอาจจะหลงลืม ไปเน้นช่วงปาร์ตี้ ช่วงงานแต่ง แต่ตนรู้สึกว่าคนไทยสมัยก่อนงานแต่งเขาก็มีแค่พิธีสงฆ์ ถือว่าทุกอย่างครบถ้วนแล้ว อย่างสมัยเรียน เรียนอยู่เบญจมฯ ก็อยู่ตรงข้ามกับวัดสุทัศน์ แต่พิธีจัดที่วัดบวรฯ ก็จะคุ้นเคยกับการไปวัด ไปเรียนพระพุทธศาสนากับพระอาจารย์ และด้วยความที่โรงเรียนเล็กก็จะไปเข้าแถวที่วัดบ้าง เลยมองว่าถ้าแต่งงานทั้งทีเลยอยากทำพิธีสงฆ์ให้เต็มที่ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะขนาดนี้แต่พอพระท่านสวดก็ขนลุกไม่เหมือนกับที่ไปนั่งฟังพระสวดธรรมดา
ส่วนพิธีแบบไทยก็มีเดี๋ยววันจริงจะเป็นพิธีหมั้น สวมแหวน รดน้ำสังข์ รับไหว้ผู้ใหญ่ แล้วก็งานเลี้ยงกลางวัน อย่างที่บอกแม้ตนหน้าฝรั่งแต่เป็นคนชอบอะไรที่มีความเป็นไทย ซึ่งกับฝ่ายชายก็คบมา 5 ปีครึ่งเกือบ 6 ปี เขารับราชการทำงานหนักตนก็ภูมิใจในงานที่เขาทำ และเห็นเขามาตั้งแต่เริ่มคบกัน 5-6 ปีที่ผ่านมา เขาผ่านชีวิตการทำงานมาเยอะ เขาเป็นข้าราชการที่ตั้งใจทำงาน ซึ่งช่วง 3 ปีแรกจะได้เจอกันปีละครั้ง 2 ครั้ง แต่โอเคทำให้โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เหมือนเขาทำให้ตนรู้จักอยู่กับตัวเองทำกิจกรรมเองได้ หรือไปอยู่กับเพื่อนไม่ต้องตัวติดกับใครตลอดเวลา ตอนนี้ฝ่ายชายกลับมาเมืองไทยได้ประมาณ 2 ปีครึ่ง เขามาทำงานกระทรวงการต่างประเทศก็ถือว่าลงตัวทุกอย่างอายุด้วย ตน 32 ปีแล้ว ฝ่ายชายก็โตกว่าปีหนึ่งก็คุยกันมาเรื่อยๆ โดยตอนที่ขอแต่งงานก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์เลย เพราะมีคุยกันมาตลอด และเขาเป็นคนเขินเซอร์ไพรส์อะไรไม่เป็น จะโป๊ะแตกตลอด แต่พอขอจะออกมาเป็นอีกฟีลหนึ่ง หลายคนบอกดูเป็นธรรมชาติดี กับธีมงานแต่งก็ไม่มีแม้แต่สี เพราะอยากจะอำนวยความสะดวกให้แขกที่มางาน คือ รู้สึกว่าบางคนไปงานแต่งก็ต้องปวดหัวกับเรื่องเสื้อผ้า เขาอุตส่าห์มางานแต่งทั้งทีก็ไม่ต้องไปบังคับอะไร จะระบุในการ์ดเลยว่า Dress Code Just Be You แค่เขามางานก็ดีใจแล้ว จะใส่อะไรมาก็ได้ สำหรับแพลนมีลูกจริงๆ ก็ตั้งใจจะมี เพราะเป็นคนชอบเด็กทั้งคู่ ถ้าได้มีสัก 1-2 คนคงจะดี คิดว่าจะปล่อยธรรมชาติก่อน เดี๋ยวดูอะไรที่มันลงตัวตรงไหน
