“ยุ้ย” อัพเดทอาการ “แม่ทุม” หวังมีปาฏิหาริย์
หลังจากที่ห่างหายไปนาน สำหรับ “ยุ้ย ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี” เพราะต้องคอยไปดูแลครอบครัวโดยเฉพาะดูแลอาการป่วยของ "แม่ทุม ปทุมวดี เค้ามูลคดี" ที่ป่วยด้วยโรค ALS แต่ล่าสุดตอนนี้เธอก็มีโอกาสกลับมารับงานแสดงคอนเสิร์ตให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงกันอีกครั้ง งานนี้มีโอกาสเจอตัวเลยไม่พลาดที่จะเข้าไปถามผลงานพร้อมทั้งถามถึงอาการของ "คุณแม่ทุม" กันสักหน่อย ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า
อ่านข่าวต่อ
“พ่อรอง” รับยังทำใจไม่ได้หลังอาการ "แม่ทุม” ทรุดลง
สำหรับช่วงนี้ทำงานหนักไหม ก็หนักตามปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าหน้าที่รับผิดชอบของเรามันใหญ่ขึ้น เพราะตอนนี้เราก็เป็นคุณแม่ด้วยเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบดูแลลูกๆ ตามมา เราก็เลยต้องมีการแบ่งเวลา แต่โชคดีที่บ้านของเรามีสมาชิกอยู่กันเยอะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อย่างเวลาที่เราจะออกมาทำงานแล้วก็ต้องจัดการเรื่องลูกของเราให้เสร็จเรียบร้อย แล้ว "คุณโด่ง" ก็จะจัดการเรื่องลูกของเราต่อ เป็นเพราะว่าเราไม่ได้มีพี่เลี้ยงด้วย การจัดคิวของเราก็เลยต้องดูว่าถ้าเราไม่ว่างใครสักคนต้องว่างพร้อมที่จะดูแลเขาแค่นั้นเอง
ส่วนเรื่องอาการของ “คุณแม่ทุม” เราก็มีโอกาสไปหาท่านอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดจังหวะว่าลูกเราเปิดเทอมพอดีก็จะมีเวลาน้อยลงนิดหน่อย ซึ่งในครอบครัวถ้าใครว่างเราก็จะสลับหมุนเวียนไปหากันอยู่แล้ว เรื่องอาการของคุณแม่ทุมตอนนี้ก็ค่อนข้างจะโทรมลงมานานแล้ว เราเลยต้องดูกันอย่างวันต่อวัน ก็ต้องขอขอบคุณคุณหมอแล้วก็พยาบาล ที่คอยดูแลคุณแม่และช่วยเหลือเราเป็นอย่างดี ถามว่าคุณแม่มีความรับรู้ดีไหม ส่วนตัวเราคิดว่าแม่มี แต่ว่าท่านอาจจะไม่สามารถแสดงออกมา เราอยากให้แม่รู้ไว้ว่าเราเอาแม่เป็นไอดอลเพราะคุณแม่สู้มาก เราเลยรู้สึกว่าเราสามารถสู้ได้ครึ่งหนึ่งของแม่หรือเปล่า ทุกวันนี้ที่เราสามารถยิ้มได้มีความสุขได้ก็เป็นเพราะว่าคุณแม่เป็นไอดอล
ถามว่าคิดไหมว่าสักวันหนึ่งจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นไหม ทุกวันนี้ก็ยังคิดอยู่ตลอด แต่ในความคิดว่าจะเกิดปาฏิหาริย์เราก็ต้องมีความเข้าใจในโลกด้วย อย่างเวลาที่เราไปหาท่านแล้วท่านหันมามองเรา เราก็รู้สึกว่าแค่นั้นท่านก็รับรู้แล้ว อาจจะไม่ได้สามารถยิ้มให้เราเหมือนแต่ก่อน แต่เพียงแค่มองเข้าไปในตาเราก็รับรู้ว่าท่านเข้าใจเรา เราก็เลยพยายามจะทำให้เวลาที่ไปหาคุณแม่ให้มันเป็นเวลาที่มีความสุขที่สุด
ถามถึงคุณพ่อว่าท่านโอเคดีไหม ท่านก็ไม่ค่อยมีการมาปรับทุกข์อะไรกับเรา คือเรารู้อยู่แล้วว่าต่างคนในใจคิดอะไร คือถ้าเกิดว่าไปจี้จุดก็สามารถร้องไห้ตรงนั้นได้เลย เพียงแต่ว่าในนาทีนี้แล้วก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งที่เข้มแข็ง เวลาอยู่กับคุณพ่อหรือว่าคนอื่นแล้วเราก็พยายามทำให้เขาไม่เครียดเข้าไปนั่งคุยกับเขาบ้าง แต่ยอมรับว่าเวลาที่เราอยู่คนเดียวแล้วก็ต้องมีการมานั่งคิดนิดหน่อย เพราะเราก็ไม่อยากแสดงความรู้สึกให้ท่านเห็นตรงนั้นได้ ซึ่งเราคิดว่ากำลังใจมาจากทุกคนในครอบครัว ทุกครั้งที่พ่อกลับมาเราก็จะรู้สึกอุ่นใจ หรือแม้กระทั่งลูกกลับมาจากโรงเรียนคุณตาเขาก็จะดีใจ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่เดินเข้าบ้านมาเราจะมีความสุข คนที่ยังแข็งแรงอยู่แล้วก็อยากให้เขาแข็งแรงแบบนี้ต่อไป ส่วนเรื่องคุณแม่เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด