เปิดใจ “ไทด์-ทับทิม” หลังเจอดราม่า เงินบริจาคพื้นที่น้ำท่วมอีสาน

เปิดใจ “ไทด์-ทับทิม” หลังเจอดราม่าเงินบริจาคพื้นที่น้ำท่วมอีสาน

                  ปรบมือเป็นกำลังใจให้กับ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” และทีมจิตอาสา สำหรับการลงพื้นที่ช่วยเหลือและเป็นสื่อกลางรับบริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่น้ำท่วม จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้กลายเป็นกระแสขับเคลื่อนให้หลายๆ ภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือสถานการณ์น้ำที่ยังน่าเป็นห่วง โดยขณะที่เจ้าตัวกำลังเดินสายช่วยเหลือผู้คนอยู่นั้น ก็มิวายเกิดดราม่าขึ้นต่างๆ นานา ทั้งเรื่องความโปร่งใสและกระบวนการบริจาคเพราะว่ายอดเงินสูงลิ่วทะลุ 300 ล้าน ก่อนจะตามมาด้วยดราม่าการนำเงินไปร่วมกับรัฐบาล ฝาแฝดของ “บิณฑ์” อย่าง “ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” และ “ทับทิม อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์” ก็ขอเปิดใจหลังลงน้ำท่วมครั้งนี้ในงานฉลองก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 “ดาราเดลี่” ในวันนี้ (19 กันยายน 2562) ว่า

อ่านข่าวต่อ

“บิณฑ์” ขอบคุณทุกกำลังใจ หลังยอดบริจาคน้ำท่วมพุ่ง 231 ล้าน

ช่วยน้ำท่วมต้องแบบ "ทับทิม" เลย

                  งานนี้เรามาโดยเฉพาะ เพราะว่า “พี่นก บริพันธ์ ชัยภูมิ” แจ้งเราว่ามีงานนี้วันเกิดของ “ดาราเดลี่” ก็มีหลายๆ องค์กร หลายๆ ท่านอยากจะทำบุญร่วมกับเราช่วยเหลือพี่น้องจังหวัดอุบล เราก็อยากจะมาทั้งสองคน “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ก็อยากมารับทั้งสองคน แต่ชาวบ้านเราปล่อยให้เขารอไม่ได้ เพราะว่าเขาต้องการเงิน “พี่บิณฑ์” ก็ต้องอยู่ที่นั่นไปก่อน ผมบินมางานนี้โดยเฉพาะแล้วเดี๋ยวเสร็จพรุ่งนี้ก็จะบินกลับไปที่อุบลราชธานีเหมือนเดิม ตอนนี้เราก็เหมือนแยกกันไป เพราะว่าต้องรีบเร่งให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด วันก่อน “ทับทิม” ก็ไปแจกเงินครอบครัวละ 5,000 เกือบ 500 ครอบครัว เราก็กระจายกันออกไปในแต่ละอำเภอ ต้องกระจายกันออกไปเพราะไม่งั้นสิ้นปีนี้ผมว่าไม่เสร็จ เราต้องมาฟื้นฟูเรื่องเกี่ยวกับ โรงพยาบาล วัด โรงเรียน ที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้เงินประมาณ 350 ล้านบาท การบริหารจัดการให้ผู้เดือดร้อนได้รับทั้งหมด เราก็ให้ประชาชนได้รับก่อนเงินที่เหลือเราค่อยเอามาเฉลี่ยให้โรงพยาบาล วัด โรงเรียนที่จะต้องซ่อมแซม

                  สิ่งที่ขาดแคลนตอนนี้ก็คือเงิน ตอนนี้รถติดมาก โดยเฉพาะเสาร์อาทิตย์เพราะว่าขนของไปให้ตามสถานที่ต่างๆ เพราะว่าเขาคิดว่าจะต้องขาดแคลนข้าวสารอาหารแห้ง แต่จริงๆ แล้ว ผู้พักพิงเขาจะมีโรงครัวคอยทำอะหารให้ทุก 3 มื้ออยู่แล้ว ข้าวสารอาหารแห้งตอนนี้ก็ไปกองอัดหมดเลย แล้วพอโดยความชื้นของต่างๆ ก็เสียหาย อย่างข้าวก็เป็นรา ของต่างๆ ที่เอาไปให้ก็ใช้ไม่ได้ เสียหายมาก สู้ช่วยรวบรวมสตางค์เพื่อเอาไปใช้จ่ายได้ เขาต้องการเงินมากที่สุด พอรถข้าวสารอาหารแห้งมาเขาก็เฉยๆ แล้ว เขาต้องการเงิน

                  ส่วนปัญหาเรื่องการตกหล่น เราได้รับความอนุเคราะห์จากท่านนายอำเภอ ผู้ว่าราชการ อบต. นายกอบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่จะเอาสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนที่เขามาลงทะเบียนไว้ทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกจังหวัดว่าเขาได้รับผลกระทบครั้งนี้ แต่ที่ “คุณบิณฑ์” ประกาศว่าจะให้ 5,000 บาททุกครอบครัว หลังจากที่คุณบิณฑ์ประกาศแล้ว ไม่มีสิทธิที่จะรับ เพราะน้ำท่วมมานานแล้ว เราก็มีกังวลว่าชาวบ้านที่ไม่ได้ผลกระทบจริงๆ ก็จะแห่มาลงทะเบียนกัน เราก็เลยต้องเช็คเรื่องวันที่ในการลงทะเบียนว่าน้ำท่วมเข้าตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วคนมาลงทะเบียนเพื่อรับของช่วยเหลือจากอุทกภัยกี่ครัวเรือน เราเอาจากตรงนั้นมา จากที่คุณบิณฑ์ประกาศ ถ้ามาก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ ที่เห็นแจกทุกวันเรามีการทำงานเยอะมาก นอนตี 2-3 ทุกคืน เพราะต้องเรียกหน่วยงาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านมาประชุมแล้วก็มอบนโยบายให้เขาไปทำการบ้านมา เพราะเราต้องการให้คนที่เดือดร้อนจริงๆ ได้รับการช่วยเหลือ

                  ทีนี้มีคำถามว่าแล้วคนที่น้ำท่วมทั้งหมดบางคนเจ้าของบ้านไม่มี เป็นเจ้าของบ้านในทะเบียนราษฎร์ แต่ผู้อยู่อาศัยมาเช่าบ้านอยู่เป็นเดือนๆ ปีๆ แต่เขาไม่ได้รับสิทธิเพราะว่าเขาไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน เจ้าของบ้านที่ไม่ได้รับความเดือดร้อนก็เอามารับเงิน ทีนี้มันต้องคุยอีกนอกรอบว่าใครที่ไม่ได้เป็นเข้าของบ้าน แต่เป็นผู้เช่า เลยต้องตกลงกันว่าเจ้าของบ้านมารับแต่ต้องให้เขาที่เสียหาย มันมีปัญหาเยอะแยะมากมาย เรื่องแอบอ้างก็ไม่น่าจะมีเยอะ แต่ก็มีทับทิมที่ผ่านมาเจอเหตุการณ์ว่าเขาบอกว่าไม่ได้รับเงินหลังจากที่ยื่นบัตรมา ก็เลยเป็นปัญหา เขาร้องไห้ ไม่ได้เงิน ทับทิมก็แน่ใจว่าให้ทุกคน ก็เลยเช็กยอดเงินที่บริจาคไปว่าเท่าไหร่ 150 ครอบครัว 5,000 บาท ว่าเงินตรงกันไหมก็ปรากฏว่าเงินเกิน 5,000 จริง  “ทับทิม” (หัวเราะก่อนเสริมว่า) มันก็มีบางเหตุการณ์ที่เราต้องจัดการดีๆ อย่างอันนี้เขามากับเพื่อน 2 คน มีบัตรกันคนละใบแล้วเขายื่นบัตรพร้อมกัน เพื่อนรับเงินแล้วเขาก็เดินตามไป ไม่ได้รับเงิน เราก็ไม่ทราบว่าเขามาด้วยกัน หรือยังไง เพราะว่าเขาก็ไม่ได้แยกกัน 

                  และ “ทับทิม” เผยต่อถึงการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนว่าเป็นสถานะการน้ำท่วมครั้งนี้เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้จะเป็นอย่างอื่นแบบแจกของ กำลังใจจากดาราเป็นยังบ้าง กำลังใจดีมากคืออย่างนึ่งที่ทับทิมตั้งใจที่อยากจะมอบให้เขาอยู่แล้วที่ลงพื้นที่จริงก็คือสร้างรอยยิ้มให้กับเขาสร้างเสียงหัวเราะเพราะว่า เท่าที่ลงไปดูทุกคนมีความเครียดแน่นอน จากที่ได้อยู่บ้านตัวเอง แต่ว่าต้องมาอยู่ศูนย์พักพิงก็จะมีความแออัด มันมีความอึดอัด และมันก็ไม่ได้สะดวกสบายอยู่แล้ว ชาวบ้านบางทีนั่งซึมเศร้า ร้องไห้ ทับทิมก็เรียกมาร้องเพลงกันสนุกสนาน แจกตัง มันก็เป็นรอยยิ้มไป ส่วนตอนนี้ก็มีอยากได้รถสุขาภิบาล เพราะสุขาภิบาลน้อยมาก ก็เลยอยากได้ให้ได้ใช้ถ่ายหนักถ่ายเบา มันจะดีมาก เพราะว่าเวลาเขาถ่ายหนักเข้าไปในป่า ก็เหม็น 

                  มีเจ้าหน้าที่คอยเช็กเพราะว่าเขาจำลูกบ้านเขาได้ ตอนนี้เราสกรีนเยอะมาก ตอนแรกมีอาจจะเช็กไม่ทั่วถึง ส่วนปริมาณการช่วยเหลือตอนนี้เหลืออีกเยอะ แค่อำเภอวารินชำราบ ก็เหลืออีกเยอะพื้นที่มันกว้างมากถ้าดูจากมุมสูงมันโดนน้ำท่วมหมด มันเป็นทั้งอำเภอ และเราต้องทำงานอย่างละเอียดมาก เงินที่เราเอามาจากประชาชนมันต้องเป๊ะทุกบาททุกสตางค์ สมมติวันนี้เบิกมา 10 ล้าน เข้าตำบาลไหน มีคนเท่าไหร่ก็ต้องจ่ายเงินและตรวจเช็กและปิดบัญชี และส่งรายการต่างๆ ให้ผู้ที่รับผิดชอบ แต่ถ้าจำบาลเล็กๆ เราก็อาจจะไล่ครั้งละ 2-3 ตำบล ตอนนี้หลักฐานต่างๆ เราทำงานกลางคืน ไม่ได้ทำงานหน้างาน หน้างานเราให้ผู้ใหญบ้าน กำนันเขาจัดการ เขาเอามาให้เราตอนกลางคืน เอามาเช็กตี 1-2 แล้วเราก็เอามาเรียง ตอนเช้าก็ไปให้ได้เลย มันจะง่าย 

                  ส่วนดราม่าที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ว่าเงิน 300 กว่าล้านนี้จะต้องไปรวมกับรัฐบาลหรือเปล่า ทุกคนตกใจกันหมด เพราะที่เขาโอนมานี้เขาโอนมาให้ “บิณฑ์” ไปให้ชาวบ้าน ไม่ใช่รัฐบาลไปให้ชาวบ้าน มันก็พูดไปต่างๆ นานา เรื่องไปถึง “พี่บิณฑ์” เขาก็ไม่สบายใจเลย มีมาในเพจของเขาว่าอย่านะ ไม่อย่างนั้นจะเอาเงินคืนนะ ก็เลยต้องมีแจงไลฟ์สดเลยว่าไม่มีคิดในหัว เขารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เงิน 300 กว่าล้านต้องถึงมือชาวบ้านด้วยมือของเขาเอง ไม่ใช่จากรัฐบาล ค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะค่าบิน ค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ ค่าโรงแรมของเขาและของเพื่อนอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู เราซัพพอร์ตกันเองทุกอย่าง ไม่ได้เอาเงินที่ประชาชนบริจาคทางธนาคารมาใช้สักแดงเดียว เงินทักบาทช่วยเหลือชาวบ้านทั้งหทด เราก็คุยกับบิณฑ์ ให้กำลังใจเขาทุกวัน ไม่ต้องไปสนใจ เราทำดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็นเอง ไม่ต้องไปสนใจกับคำพูดทั้งสิ้น ออกไปชี้แจงว่าเราจะทำอย่างไรก็จบ ประชาชนเข้าใจก็จบ ไม่ต้องไปอธิบายเรื่อยๆ ที่คนมาพูด

                  ส่วนทาง “ทับทิม” ขอส่งกำลังใจส่งท้ายว่า เป็นกำลังใจให้นะคะ อย่างเราอาสาทุกคน ส่งกำลังใจให้อยู่แล้ว ส่วนชาวไทยทุกคนก็ส่งกำลังใจมาให้ อาทิตย์หน้าเคลียร์คิวได้ก็จะลงไปอยู่หลายวันเจอแน่ๆ ไปอีกแน่นอน เราจะลงไปให้กำลังใจถึงพื้นที่