“ไอซ์ อธิชนัน” โอดฟาดเคราะห์หนัก 4 ครั้งรวด เผย “ไฮโซนิน” ช็อกหนัก
เป็นการฟาดเคราะห์ประสบเหตุแบบไม่คาดคิดที่ผ่านมาถึง 4 ครั้งรวดเลยทีเดียว สำหรับนักแสดงอย่าง “ไอซ์ อธิชนัน ศรีเสวก” ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาเผยเรื่องนี้ พร้อมบอกหวานใจ “ไฮโซนิน ชนินทร์ เตรัตนชัย” ถึงกับช็อกและตกใจหนักมากเมื่อได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับตน ให้ฟังด้วยว่า
อ่านข่าวต่อ :
“ไอซ์ อธิชนันท์” อัพเดทล่าสุด ขอโทษต้องแคนเซินงาน
เอาจริงๆ ตั้งแต่คืนวันที่ 31 ธ.ค. ปีที่แล้ว ที่ไปเที่ยวพม่า ก็โดนเหล็กแทงเท้าขวา เป็นแผลเนื้อเปิด ดีที่ว่าติดกระดูก เดินไม่ได้ไปพักหนึ่ง พอถ่ายละคร มีอุบัติเหตุตบกับ “เบนซ์ ปุณยาพร” ในเรื่อง “มนตรามหาเสน่ห์” เป็นคัทสุดท้ายจะปิดตัวอยู่แล้ว ตบกันก็ลื่น ทำให้ส้นเท้าหลังไปขูดกับบันไดไม้ เนื้อเปิดอีก หลังจากนั้นพอรีโนเวทบ้านก็โดนผู้รับเหมาโกงด้วย ซึ่งก็ได้ยินหลายท่านบอกว่าเวลารีโนเวทมักจะมีปัญหากับผู้รับเหมา เราคิดว่าเราไว้ใจเขาได้ เพราะเขาเป็นคนรู้จักของคุณพ่อ ซึ่งท่านก็เป็นสถาปนิก เพราะฉะนั้นเขาก็จะมีลูกน้อง และคิดว่าตอนนี้คนทำงานด้วยกันไว้ใจได้ แต่คุณพ่อก็บอกว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ไม่ได้เจอกันประมาณ 30-40 กว่าปี ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไง ปรากฏว่าสุดท้ายก็โดนโกง คือเขาตีราคาค่อนข้างสูง แล้วเราเป็นผู้หญิงคงไม่รู้เรื่อง ก็ปล่อยๆ ไป แล้วส่วนหนึ่งก็ไว้ใจเพราะคิดว่าคุณพ่อรู้จัก จนรู้สึกว่าเขาเบิกเงินงวดแรกไปไม่ถึงเดือนก็เบิกอีกงวดแล้ว ตอนนั้นไม่คิดอะไร โอนให้เขา อีกงวดหนึ่งมาอีกแล้ว รู้สึกว่าไม่ถูกต้องแล้ว โดยตอนแรกก็ไม่ได้อะไร ไม่ได้สงสัยอะไรขนาดนั้น
พอมาครั้งที่ 3 เริ่มคุยกับคุณพ่อแล้วว่าทำไมรู้สึกว่าเขาเบิกเงินเยอะจังเลย ท่านก็รู้สึกจริงเลยบอกให้ตัดสินใจเลย ทั้งๆ ที่เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ควรจะได้เกือบเสร็จแล้ว หรือส่วนนี้ควรจะเสร็จแล้ว เหลืออีกส่วนหนึ่ง เขาก็แบบตะกุกตะกัก แล้วโยกไปให้ช่างอีกคน ช่างก็บอกว่าช่างก็เบิกมาทางนี้ ช่างเบิกมาอีกเท่านี้ บวกราคาไปโน่นนี่นั่น ก็รู้สึกว่ามันไม่โอเค เราเลยเรียกช่างมาคุยก็จับได้ว่าเขาเองนั่นแหละที่มาบวกเพิ่ม รับมีไปดูหน้างานตลอดเพราะเป็นบ้านที่เราอยู่ แล้วมีการรีโนเวท แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลยรู้สึกไม่โอเค พอเริ่มจับได้เขาก็ตีโพยตีพาย แล้วก็หายไปเลย โดยยอดตัวเลขก็เกือบหลักล้าน
ถามว่ามีสัญญาไหม จริงๆ ก็มี แต่อย่างที่บอก เราก็สะเพร่าด้วย มีเซ็นสัญญาเรียบร้อย แต่ว่าเหมือนในสัญญามันต้องระบุที่อยู่ ก็คิดว่าไม่เป็นไรหรอก เขาเป็นคนรู้จัก ก็ไว้ใจอีก อย่างเรายังเด็กด้วย ไม่ได้คิดอะไรมาก บวกกับความไว้ใจ เป็นคนรู้จักของคุณพ่อเลยปล่อยผ่าน พอมาดูสัญญาจริงๆ ว่าต้องเอาแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้มีรายละเอียดอะไรของเขาเท่าไร ยันไม่คิดฟ้องร้อง ถ้าเขาจะโกงก็ให้เขาทำไป คุณพ่อก็รู้สึกแย่ เสียใจ มันก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว แล้วคุณพ่อเองก็ไม่ได้เจอเขา 30-40 ปี เราก็ไม่ทราบว่าเขาจะมาเป็นแบบนี้กับเรา ทุกวันนี้ก็ปล่อย ก็ต้องเสียเงินเพิ่มอีกส่วนหนึ่งเพื่อที่จะไปจ้างคนมาทำใหม่ โดยคนที่จ้างมาใหม่ก็ทำสัญญาเรียบร้อย งานที่ทำก็ไปได้เยอะมาก
พอจบเรื่องบ้านปุ๊บก็มีเหตุม้วนแรปตกใส่ใบหน้าอย่างที่ทุกคนเห็น จริงๆ ต้องบอกว่าก่อนที่จะโดน วันอาทิตย์ก็ได้ไปกฐินที่จ.นครศรีธรรมราชมา พอวันจันทร์ถ่ายละคร แล้วก็โดนหนักมาก มันเป็นในโรงงาน ท่อนใหญ่ แล้วคือจะเป็นซีนสุดท้ายของวันนั้นแล้ว เขาคงรีบๆ ด้วย เหตุการณ์ก็คือเรานอนอยู่กับพื้น เหมือนเราเป็นศพ แล้วโดนแรปทั้งตัวแล้ว และกำลังจะแรปที่หน้าอีก พอทีมงานอีกคนยืนถือปลาย อีกคนยืนถือม้วน แล้วนอนอยู่กับพื้น เขาก็ค่อมตัว แล้วเขาก็ดึง และคิดว่าน่าจะเป็นความรีบร้อน อาจจะสะเพร่านิดหน่อย เลยรีบๆ ดึง ม้วนหลุดมือ แล้วมันดังโพละลงมา ตอนแรกทุกคนไม่ได้อะไรมากมาย เพราะคิดว่ามันตกพื้นเพราะเสียงมันดังมาก แป๊บเดียวไม่ถึง 5 วินาทีก็เป็นเหมือนที่เห็น มันปูดออกข้างแบบใหม่มาก ตอนนั้นรู้สึกตกใจ รู้สึกว่ามันตึงไปเลย จากปกติเรามองปุ๊บเราต้องเห็น 360 องศา แต่พอเกิดเหตุมองข้างล่างมองไม่เห็นแล้ว ใจหาย อย่างแรกที่คิดคือเรื่องงาน เพราะมีงานติดต่อกัน และมีงานที่ต้องดีลกับลูกค้าญี่ปุ่นไว้นานมาก ก็เครียด ถึงกับร้องไห้ออกมาเลยที่ไม่สามารถไปทำได้ ทั้งนี้ได้อดทนถ่ายต่อจนเสร็จแล้วค่อยไปโรงพยาบาล ซึ่งเหตุที่ไม่ใช้สแตนด์อินเพราะเป็นซีนที่เห็นหน้าเราเลย แต่ปกติจะไม่ค่อยใช้สแตนด์อิน จะเล่นเองตลอด โดยทางช่อง 8 ก็ดูแลค่ารักษาพยาบาลให้ ทุกวันนี้ต้องไปกายภาพหน้าอยู่ คือเหมือนจะดีขึ้น แต่ถ้าเกิดลองจับดูที่ใต้ตาจะเป็นก้อนแข็ง ก็ต้องทานยามาประมาณ 2-3 อาทิตย์ แล้ว เวลาว่างก็ต้องประคบร้อนตลอด แล้วพอหลังจาก 2-3 อาทิตย์ก็ไปกายภาพ โดยใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ แล้วก็เลเซอร์เพื่อให้อ่อนลง แต่ถ้าไม่หายก็ต้องไปกรีดออก ไม่งั้นมันจะกลายเป็นหินปูนเกาะแข็งๆ ก็ต้องทำไปจนกว่ามันจะดีขึ้นเลย
กับผลการมองเห็น ตอนแรกหนักอยู่เพราะว่าวีคแรกเส้นเลือดในตาแตกด้วย เลือดมันไหลออกทุกวัน จนถึงตาดำเลย คอนแทคเลนส์ก็ใส่ไม่ได้ แล้วเป็นคนสายตาสั้นค่อนข้างเยอะ ทั้งเอียงด้วย มันใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้ ทำงานก็ไม่ได้ คือลำบากมาก เพราะหลังจากประสบอุบัติเหตุประมาณ 4-5 วันต้องไปถ่ายละคร แต่คือทางกองก็น่ารัก เห็นว่าแต่งหน้าไม่ได้ก็ปรับบทให้เราใส่แว่นตาดำถ่ายเอา ส่วนตัวเครียดมากตอนช่วงแรกๆ ที่ตื่นมาแล้วเห็นหน้าเราตาเขียว-ตาช้ำทุกวันก็เครียด แล้วไหนจะงานอีก ก็ทำงานให้เขาไม่ได้ สภาพจิตใจตอนนั้นก็แย่มาก แต่ตอนนี้แต่งหน้าได้แล้ว ถือว่าโอเค
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ว่าหลายอย่างแล้ว ก็ยังไม่หมด มีเรื่องเกิดตอนถ่ายละครในซีน แล้วมันก็คงอย่างที่บอกว่ามันเป็นความซวยมาก เป็นซีนที่ต้องฆ่าตัวตาย ต้องทิ้งกริช ปกติพอทิ้งจะหลุดมือไป มันต้องนอนกับพื้น แต่อันนี้มันตั้งอยู่ จนเราล้มตัวลงไปแล้วก็โดนแทงเข้าเอว แล้วเขาก็ยังไม่สั่งคัทเลยได้ดึงกริชออกเล่นต่อ เพราะถ้าไม่ได้ยินเสียงคัทจะไม่หยุดเล่น และเป็นซีนดราม่าหนักมากด้วย โดยเรื่องการไปเช็กดวงอย่างที่บอก ก่อนหน้านี้มีไปทำกฐินมาก่อนที่จะโดน แต่คิดว่าถ้าไม่ได้ไปทำกฐินคุณหมอบอกว่าถ้าม้วนแรปมันเข้าตาก็คือตาแตกตาบอดเลย เพราะว่าหนักถึง 6-7 กิโลกรัมได้ จริงๆ เขาบอกว่าราศีเราปีนี้ดวงดีมากเลยนะ ราศีพิจิก เพิ่งจะอ่านดวงว่าดวงดี ล่าสุดก็อ่านมาว่าจะเป็นมหาเศรษฐี สงสัยมันจะต้องเจ็บตัวก่อนถึงจะรวย และคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นความสะเพร่าและเป็นความไม่ระวังของตนด้วย และเคยมีอุบัติเหตุกับการเล่นละครมาครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็มีทำประกันอุบัติเหตุไว้ คือพร้อม แต่ว่าทำงานตรงนี้ยังไงเหตุการณ์มันเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เลยไม่ค่อยได้ไปซีเรียสอะไร ซึ่งคงยังระวังอะไรไม่ได้มาก จริงๆ ก็ใช้ชีวิตให้ช้าลง ทำอะไรให้ระวังมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็คิดมาตลอดว่าอะไรมันจะเกิดก็คือเกิด
ด้านหวานใจ “ไฮโซนิน” พอเขาก็รู้ก็ช็อก ตอนเกิดอุบัติเหตุถ่ายที่รามคำแหง มันไกลบ้านมาก แล้วเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยให้คุณแม่ไปกองด้วย แต่วันนั้นขอคุณแม่แต่เช้าเลยว่าไปกองเป็นเพื่อนหน่อย พอเกิดอุบัติเหตุตอนค่ำๆ แล้วตาคุณแม่ไม่ดี ขับรถไม่ได้ ก็โทรไปหาพี่เขาว่าเกิดอุบัติเหตุ เขาก็ตกใจรีบมาเลย เพราะเขาเห็นเราตั้งแต่โดนตอนแรกแล้วคุณหมอมาบอกว่าร้าวอีก ก็ไปกันใหญ่