เปิดวีรกรรมสุดแสบของคนดัง แต่ละคนทำอะไรบ้างมาดูกัน
ขึ้นชื่อว่าเด็ก เชื่อว่าจะต้องมีวีรกรรมสุดแสบอย่างแน่นอน หากนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาก็ทำให้เราอดอมยิ้มนึกถึงช่วงนั้นไม่ได้จริงๆ และแน่นอนว่าวีรกรรมของแต่ละคนยังถือว่าเป็นบทเรียนให้กับตัวเองอีกด้วย วันนี้ “ดาราเดลี่” มีเรื่องราววีรกรรมและความฝันของเหล่าซุป’ตาร์มาฝากกัน แต่ละคนจะมีวีรกรรมอะไรบ้างนั้นไปติดตามพร้อมๆ กันเลย
อ่านข่าวต่อ :
น่ารักขนาดไหนมาดู! เปิดภาพดาราย้อนวันวานวัยเด็ก
เริ่มกันที่ “เจ๊น้ำ ณัฐนัน ต้นศึกษา” สำหรับตอนเด็กๆ ดื้อ งอแงจะเที่ยว เอาแต่ใจบ่อยๆ อยากได้อะไรก็งอแงให้พ่อแม่ซื้อให้ พ่อแม่ก็ตามใจ รักลูกเลยต้องตามใจ สมัยเรียนก็เฮ้วๆ หน่อย ก็โดดเรียนไปกินส้มตำ เข้าสายนิดหนึ่ง ครูก็ถามเรา เราก็บอกไปกินส้มตำมา แต่ครูตอนนั้นจำได้ว่าไม่ได้ตี ให้เราไปยืนหน้าห้องแล้วก็อ่านนั่นนี่ แล้วยิ่งภาษาอังกฤษยิ่งอ่านไม่ได้ ครูก็ชอบแกล้งเรา แต่ไม่บ่อยมากเพราะเราเอาตัวรอดเก่ง เอาน้ำไหมคะอะไรไป เราต้องรู้เอาทางรอด (ยิ้ม) ส่วนการเรียนก็อยู่กลางๆ พอเอาตัวรอดได้ ทางด้านความฝันอยากเป็นนางสาวไทยและแอร์โฮสเตส แต่เราไม่ได้ดูความสูงตัวเอง แค่นางนพมาศก็ไม่ไหวแล้ว ความสูงไม่ถึง ก็เลยไปดูเพื่อนเอาก็ได้ค่ะ
คนต่อมาก็คือ สาว “แคนดี้ รากแก่น” สำหรับวีรกรรมในวัยเด็ก ก็เป็นวีรกรรมที่เด็กๆ ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง แต่ก็เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่เรารู้สึกว่าตัวเองเก่ง เป็นฮีโร่ เป็นหัวหน้าแก๊ง แล้วสิ่งที่เราทำก็คือ ขโมยของ เราให้ทุกคนจับตาดูเราโชว์ความเก่ง เราก็เข้าไปขโมยของในร้านขายของชำ โดยมีพี่สาวเป็นคนดูต้นทางให้ ก็ยืนนิ่งเหงื่อแตกพลั่กๆ เลย แต่เรารู้สึกภาคภูมิใจมากที่ไปหยิบของออกมาได้โดยไม่มีคนจับได้ จากของเล็กๆ นานไปก็ใหญ่ขึ้นๆ เราไม่รู้เลยตอนนั้นว่ามันไม่ดี เคยโดนจับได้เพราะเข้าไปขโมยลูกอม กำลังหยิบลูกอมใส่ในกระเป๋าแล้วเจ้าของร้านเห็น เขาก็เดินเข้ามาทักเลยว่า ขโมยของเปล่าเนี่ย ตอนนั้นเราจำได้เลยว่าเราสั่น ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเฟลที่คิดว่าตัวเองเก่งแต่มาโดนจับได้ เจ้าของร้านเขาจะเอาไม้เรียวมาตี แต่เราก็เอาตัวรอดออกมาได้ ของที่อยากได้ตอนเด็ก เราอยากได้ตุ๊กตาโมเดลทหารสีเขียวๆ ที่เด็กผู้ชายเล่น ตอนนั้นอยากได้มาก เอาไว้โยนเล่นแข่งกัน แต่เราไม่ได้นะ “โทนี่ รากแก่น” ได้ แล้วเราก็ไปแย่งน้องชายเล่น
อีกหนึ่งสาวคือ “ธัญญ่า อาร์สยาม” ความฝันในวัยเด็ก มีความฝันในวัยเด็กที่ชัดเจนอยู่แล้ว เพราะว่าโตมาในครอบครัววงการบันเทิง เสียงดนตรี แล้วคุณแม่ก็เป็นหมอลำ เราอยากเป็นนักร้อง แล้วคุณแม่ให้ไปเรียนหมอลำ แบบหมอลำร้อง แต่หนูไม่ชอบ หนูเลยบอกแม่ว่าหนูชอบเป็นนักร้องมากกว่า ก็เดินสายประกวดมาเรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จ ก็เลยคิดได้ว่าถ้าเรามุ่งมั่นพอวันหนึ่งเราก็จะประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเราหยุดทำมันก็จะหยุดทุกอย่าง ด้านวีรกรรม เคยหนีเรียนไปทำบุญค่ะ ชอบทำบุญมาก แล้วปีนรั้วไปทำบุญ แต่มันเป็นความดื้อในสมัยมัธยมปลาย ตอนนั้นมันสนุกมาก พอมาคิดถึงตอนนี้แล้วก็ตลกดี ส่วนของขวัญที่อยากได้ หนูเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากได้อะไร หรือถ้าอยากได้ก็จะเก็บเงินซื้อเอง ตอนเด็กๆ ที่ทำงานได้เงินเดือนหลักพันก็จะให้คุณแม่ แล้วเก็บออมทิปที่ได้ไว้ซื้อของที่อยากได้ ฝากถึงน้องๆ เยาวชนรุ่นใหม่ ฝากถึงน้องๆ ที่มีความฝัน พี่อยากจะให้พยายามทำไปเรื่อยๆ มีจุดมุ่งหมายและมุ่งมั่น มันจะมีสักวันหนึ่งที่เป็นวันของเรา อย่างการประกวดร้องเพลงมันไม่ได้จบแค่ 1 หรือ 2 เวที ตอนที่หนูเดินสายประกวดหนูไม่เคยร้องไห้เลยถึงหนูจะแพ้ ชนะ หรือโดนโกง เพราะหนูจะเก็บไว้ แล้วคิดว่ามันคือประสบการณ์ อยากให้น้องๆ ช่วงวัยคึกคะนองให้นึกถึงคุณพ่อคุณแม่ให้มากๆ เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ และดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด
ปิดท้ายกันที่สาว “ลาดา อาร์สยาม” ชีวิตในวัยเด็กก็เริ่มทำงานตั้งแต่ 6 ขวบ เดินสายร้องเพลงกับที่บ้าน ป๊ะป๋ากับคุณแม่จะสอนว่า ถ้าอยากได้เงินต้องทำงาน วันเด็กของหนูก็จะไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ เพราะถ้าป๊ะป๋ามีงานหนูก็จะไปทำงานด้วย ได้เจอเพื่อนวัยเดียวกันด้วย ก็รู้สึกสนุกไปอีกแบบ วีรกรรมถ้าอยู่กับพ่อแม่ก็จะเป็นอีกแบบ ออกงานก็จะอีกแบบ อยู่กับเพื่อนก็จะอีกแบบ เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนโต อยู่กับเพื่อนค่อนข้างซน เป็นเด็กกิจกรรม ทำกิจกรรมให้โรงเรียน แต่เป็นเด็กที่เรียนคณิตไม่ได้เรื่องเลย รู้สึกว่าสมองไม่รับ แต่ถ้าวิชาอื่นยังพอสู้
ตัว “ลาดา” เรียนโรงเรียนหญิงล้วน แล้วเป็นคอนแวนต์ ซึ่งระเบียบจะเป๊ะมาก แล้วตอนเรียนเราเป็นคนที่ชอบหิว ก็เลยจะมีวิธีการที่แอบเอาของกินขึ้นไปบนห้องเรียนได้ ถ้าเป็นขนมอะไรก็จะเอาขึ้นห้องได้ไม่ยาก อีกอย่าง ตอนนั้นเราจะมีเงินห้อง เราก็เลยซื้อขนมขาไก่เป็นปี๊บ เอากระดาษมาเย็บกระทงแล้วก็แจกแบ่งๆ กันทั้งห้อง แล้วห้องเรียนเป็นห้องแอร์ พออาจารย์เข้ามาเขาก็ถามว่าใครกิน ก็ไม่มีใครตอบได้ เพราะกินกันทั้งห้อง ก็สนุกดี หนูจะเป็นตัวโวยวายของห้อง ชอบแซวครู แซวเพื่อน แล้วหนูเป็นผู้หญิงที่ดูแลผู้หญิงด้วยกันได้ ปีนโต๊ะ ตอกตะปู ทำสแตนด์เชียร์
ความฝันในวัยเด็กของหนูมันถูกปูทางมาด้วยพื้นฐานของครอบครัว บวกกับเราที่ก็สามารถทำมันได้ แล้วเราก็สนุกไปกับมัน มีความสุขดี เพราะตอนนี้เราก็เดินตามความฝันตัวเองมาได้เรื่อยๆ สุดท้ายก็ฝากถึงเด็กๆ “ลาดา” คิดว่าสิ่งที่เราจะสามารถทำให้มันประสบความสำเร็จได้ คือสิ่งที่เราทำทุกวันแล้วเรามีความสุขกับมัน อย่าง “ลาดา” จะปรึกษากับตัวเองให้ดีว่าชอบอะไร เลือกอันนั้น จะได้สามารถทำมันออกมาได้ดีและมีความสุขค่ะ