​​​​​​​เมื่อดารามาเป็นครู 

เมื่อดารามาเป็นครู 

                  “ดาราเดลี่” ขอต้อนรับวันครูด้วยเรื่องราวของคนในวงการบันเทิง 3 คน ที่มีอาชีพครู และประสบการณ์การสอนที่สนุกและแตกต่างกัน หนึ่ง “ครูซิลวี่ ภาวิดา มอริจจิ” นักร้อง-นักแสดงที่ได้ทำงานสอนร้องเพลงที่โรงเรียนดนตรีของ “โดม จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม” และ “ครูน้ำนุ่น อาทิตยา” พิธีกรรายการบันเทิง ที่มีลูกศิษย์เป็นนักร้องดารามากมาย  และ “ครูอลิส ทอย” หรือ “อลีสญาฌ์ ทอย” นักแสดงที่สอนหลักสูตร Mass Communication and Digital Media ภาคภาษาอังกฤษ โดยครูทั้ง 3 มีประสบการณ์ในคลาสสนุกๆ มาเล่า 

อ่านข่าวต่อ

เผยบทบาทครูของ “โบว์ลิ่ง ปริศนา”

สอนเด็กต้องมีเมตตา... “ครูซิลวี่” 
                  “ซิลวี่ ภาวิดา มอริจจิ” นักร้อง-นักแสดง เผยแก่ “ดาราเดลี่” กรณีมีอาชีพเป็นครูสอนร้องเพลงว่า สำหรับซิลวี่การร้องเพลงเป็นพื้นฐานของเราตั้งแต่เรียนมหาลัย ช่วงหนึ่งหลังจากประกวดเดอะสตาร์แล้ว งานบันเทิงก็เงียบๆ เราก็อยากต่อยอดเรื่องที่เรียนมา ไปสอนนักเรียนได้ ก็เลยลองดู ความยากของอาชีพครู คือแค่ปกติเราพูดไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ต้องไปสอนให้คนอื่นเข้าใจในแบบที่เราเข้าใจ กระบวนคิดที่เราต้องการสื่อสารออกมา

                  เธอเล่าว่า ซิลวี่ต้องปรับตัวในอาชีพครูเหมือนกัน กว่าจะ ลงตัวก็ 1 อาทิตย์ เราต้องมีวิธีการสื่อสาร การสอนกับนักเรียน แต่คือว่าต้องฝึกต่อไปอีก แรกๆ สอนให้โรงเรียน “พี่โดม จารุวัฒน์” ที่ภูเก็ต หนูเป็นคนภูเก็ตพอกลับบ้านก็ได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ พอเรามีละครก็ไม่ได้สอน เรารับสอนได้ตามเวลาที่มี 

                  “ครูซิลวี่” เล่าว่า วิชาที่สอน คือคลาสวอร์มเสียง คลาสอ่านตัวโน้ต คลาสการแสดงบนเวที คลาสตีความเพลง โดยใช้ประสบการณ์ที่เล่นละครเวทีมาสอนลูกศิษย์ อยากเล่าเรื่องนักเรียนร้องเพลงในคลาสสักเคสหนึ่งเรื่อง ก่อนหน้าที่จะสอน เราจะรำคาญเด็กมาก พอลงไปสอนก็จะรับสอนเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป กลัวรับมือไม่ไหว ก็แต่มีคนหนึ่ง อายุ 10 ขวบเป็นลูกครึ่งอิตาเลียนเหมือนเราก็เลยตัดสินใจสอน พอสอนเขากลัวเรามากไม่กล้าร้องเพลง มาเรียน 4 ครั้งเลยนะแต่ไม่ร้องเพลงให้เราฟัง ต้องให้เขาวิ่งเล่น ต้องมีวิธีการสอนที่ไม่เหมือนใคร 

                  หนูรู้สึกว่าการได้มาเป็นครู ใช้คำว่าครู ทำให้หนูเข้าใจคำว่าให้จริงๆ แล้วก็คำว่าหวังดีจริงๆ เพราะปกติก่อนหน้านี้จะออกแนวทำเพื่อตัวเองกับครอบครัวอย่างเดียว แต่พอได้มาเป็นครูก็มีเมตตา มีความรักให้กับเด็กโดยไม่รู้ตัว รู้สึกใจเย็นแล้วก็มีสติขึ้นมากค่ะ เลยหลงรักการได้เป็นครู...ครูซิลวี่กล่าว 

ล็อกห้องเรียนทุกครั้งเมื่อลงมือสอน... “ครูนุ่น”
                  “น้ำนุ่น” หรือ “ครูนุ่น อาทิตยา ทรัพย์สินวิวัฒน์” พิธีกรรายการทอล์คบันเทิง ล่าสุดคือผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการวิชาการแก่ชุมชน วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เผยแก่ “ดาราเดลี่” ถึงอาชีพครูว่าทุกวันนี้ นุ่นสอนวิทยากรพิเศษ และการอบรมคอร์สสั้นๆ อบรมคอร์สพูดเช่น ที่ กสทช. แต่หลักๆ ที่สอนที่ วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นวิชา Mass Communication and Digital Media ภาคภาษาอังกฤษ นุ่นใช้ประสบการณ์จริงๆ ไปสอนเยอะมาก อย่างหนึ่งที่มานี้ เพราะเรามีอาชีพนี้มาก่อน แน่นอนเราสอนทฤษฎี แต่เราสอนวิธีการพูด เราเอาประสบการณ์จริงมาแนะนำนิสิตได้ พร้อมเนื้อหาปริญญาโทที่เรียนมาเพิ่ม

                  “ครูนุ่น” เผยอีกว่า ยกตัวอย่างลูกศิษย์คนหนึ่ง เราอยากสอนให้เด็กมีวินัยจะบอกเด็กว่าการเรียนเหมือนการทำงานจริง นัดเรียน 8.30 น. พอเรียน 9.30 น. จะล็อกประตู การที่เขามาช้าจะเสียอะไรบางอย่าง แต่จะเปิดห้องให้เข้ามาทีละช่วง เด็กก็ค่อยๆ ปรับตัว มีคนหนึ่งกลัวเข้าเรียนช้า คือ “น้องเพลง อาร์สยาม” เขารู้ว่าเราจะล็อกห้องเรียน เขาวิ่งมาเรียนถึงชั้น 9 แต่น้องพลาดลื่นล้มเจ็บหน้าห้องเรียนเลย เพื่อนก็มาเคาะห้องว่า เพื่อนเขาล้มหน้าห้อง บอกครูว่า อาจารย์หนูหัวแตก กลัวเข้าสายเราก็บอกให้ไปทำแผลแล้วก็มาเรียน คือเด็กจะไม่ค่อยกล้าสายในวิชาที่เราสอน ครูจะบอก 1 นาทีก็สายไม่ได้ 

เน้นเวิร์คช้อป และภาษาอังกฤษ... “ครูอลิส” 
                  “อลีสญาฌ์ ทอย” เล่าที่มาของอาชีพครูว่า อลิสได้รับเลือกได้ทุนผู้ช่วยอาจารย์ปริญญาโท การละคร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พอจบปริญญาโท ทางภาควิชาภาษาและวัฒนธรรม (BALAC) จุฬาลงกรณ์ฯ ได้เชิญให้เป็นอาจารย์พิเศษค่ะ ปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษ คณะนวัตกรรมฯ มศว ประสานมิตร เป็นวิทยากรพิเศษตามสถาบันต่างๆ

                  เธอเผยว่า การสอนนักศึกษาเราได้นำประสบการณ์ในบันเทิงไปสอน โดยนิสิตแต่ละชั้นปี แต่ละมหาวิทยาลัย มีความสนใจที่ต่างกัน ทำให้เราต้องกระตือรือร้นในการอัปเดตการสอนเรื่อยๆ ทุกๆ ปีอลิสจะปรับวิธีการสอนให้เข้ากับนิสิตกลุ่มนั้นๆ บางคลาสสนใจทฤษฎี บางคลาสชอบปฏิบัติ ก็พยายามบาลานซ์ให้นำไปใช้จริงให้ได้มากที่สุด ส่วนตัวอยากเน้นการคิดวิเคราะห์ให้กับนิสิตค่ะ  ความยากอยู่ตรงที่ว่า ด้วยความที่วิชาที่อลิสได้รับเชิญเป็นวิชาที่ใช้ภาษาอังกฤษ บวกกับตัววิชาที่ไม่ได้ง่าย  สำหรับนิสิตก็ต้องพยายามเป็นพิเศษ คือโชคดีที่ส่วนมากนิสิตน่ารัก และตั้งใจเรียน ตั้งใจทำข้อสอบ เห็นเราก็ชื่นใจ หายเหนื่อย 

                  ประสบการณ์ในวงการนำมาใช้ได้มาก โดยเฉพาะวิชาอย่าง Mass Communication and Digital Media ที่เราจะนำทฤษฎีต่างๆ มาทำให้เห็นเป็นรูปธรรมผ่านตัวอย่างที่เราได้ลองทำมาแล้วผ่านมุมมองทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง  หรือบางครั้งเราก็มีโอกาสพานิสิตไปดูการถ่ายทำจริงๆ ด้วย

                  “อลิศ” เล่าถึงนักเรียนที่ประทับใจว่า ทุกๆ เทอมจะมีการประเมินจากนิสิตตลอด ซึ่งทุกเทอมจะมีข้อความว่า รับรู้ถึงความตั้งใจและแพชชันในการสอนของอาจารย์ มันทำให้เรามีกำลังใจในการสอนมากๆ หลายๆ คนที่เรียนไปทำงานไปด้วยแล้วเขาพยายามจัดสรรเวลาได้ดี เราก็ดีใจด้วย หรือส่วนหนึ่งที่เราให้คำปรึกษาไป จนตอนนี้เรียนจบ ประกอบอาชีพตามทางที่เขาฝันไว้ ก็น่ายินดี  หรือง่ายๆ การที่เราพานิสิตไปทัศนศึกษา ชมงานศิลปะในวิชา Contemporary Aesthetics และหลังจากนั้นเขาไปเอง มีครั้งที่บังเอิญเจอนิสิตที่แกลอรีได้คุยวิเคราะห์งานกัน ก็ประทับใจที่ได้เห็นการต่อยอดจากสิ่งที่เรามอบให้ค่ะ