เปิดมุมมองความรัก “พลอยไพลิน” สาวโสดหัวใจรักอิสระ

เปิดมุมมองความรัก “พลอยไพลิน” สาวโสดหัวใจรักอิสระ

                เตรียมมีผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่คู่กับพระเอกพันล้าน สำหรับนักแสดงสาว “พลอย พลอยไพลิน ตั้งประภาพร” กับการโคจรมาเจอกันกับ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ในหนังโรแมนติกคอมเมดี้ “Low season สุขสันต์วันโสด” ต้อนรับวันวาเลนไทน์เอาใจคนโสด โดยทีเซอร์ที่ได้ปล่อยออกมาก็เรียกทั้งเสียงฮา และหลอนเบาๆ เพราะว่ามีเอี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติด้วย ส่วนจะสนุกแค่ไหนและทำรายได้แตะกี่หลักต้องรอติดตามกันอีกครั้ง แต่ก่อนอื่นทาง “ดาราเดลี่” มีโอกาสได้เปิดมุมมองทำความรู้จักตัวตน และความรักของสาว “พลอย” สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้ได้ติดตามกัน

อ่านข่าวต่อ : “พลอยไพลิน” ไม่ซีเรียส! คนสับสนคิดว่าเป็น “ลิซ่า BLACKPINK” เผยสถานะหัวใจยังโสด

มุมมองความรักแบบของ “พลอย”
                ความรักของเรามันน่าจะเป็นการเป็นได้ทุกอย่าง เป็นทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เป็นได้ทุกอย่าง อย่างคุณพ่อ-คุณแม่ก็เป็นได้ทั้งพ่อแม่ เป็นเพื่อน อาจจะเป็นแฟนได้บางจังหวะ ถ้ามีแฟนก็น่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ เป็นเพื่อน เป็นพี่เราได้ ความรักมันเหมือนที่ๆ สบายใจและเหมือนคนรู้ใจกันได้

โสดหรือมีแฟน แบบไหนดีกว่ากัน
                จริงๆ ชอบ 2 อย่างเลย เราชอบตัวเองเวลาที่มีอิสระในการไปไหน ไปทำอะไรก็ไปได้ แต่ถ้าตอนมีแฟนก็จะมีอีกแบบหนึ่งเหมือนมีเพื่อนคอยคุย คอยแชร์ประสบการณ์ คนละแบบกัน
อุปสรรคในความรักของ “พลอย”
                เราว่าน่าจะเป็นความเข้าใจ คือถ้าเราขาดความเข้าใจกัน มันก็น่าจะไม่เข้าใจ เป็นปัญหา มันจะเกิดการตั้งคำถามตลอดว่าทำไมๆๆ แต่ถ้าเราเข้าใจและยอมรับมันได้ก็น่าจะผ่านไปได้

ด่านแรกที่จะเข้าถึงหัวใจ “พลอย”
น่าจะเป็นครอบครัว ต้องรักครอบครัวเราด้วย ที่ยากสำหรับเรา ไม่รู้ว่ายากสำหรับคนอื่นไหม คือเรารักอิสระ เราเป็นคนที่ไปไหนไปเลย เที่ยวคนเดียวก็เที่ยวได้ เป็นคนที่มีอิสระในตัวเองสูง
 งานอดิเรก
                ไปเที่ยว ถ่ายรูป จริงๆ เกิดมาจากถ่ายรูปก่อน เราถึงชอบเดินทางเพราะว่าเราอยากเก็บโมเมนต์ จังหวะนั้นๆ ที่เรามีความสุข หรือเราอยากจะจำมันเอาไว้ แล้วพอเราออกไปข้างนอก ไปเที่ยว เราก็รู้สึกว่าสถานที่มันสวย มันน่าถ่าย เราก็เลยอยากไปสถานที่เยอะๆ เพราะว่าอยากจะถ่ายมัน ก็เลยชอบเที่ยวไปด้วย

ไอดอลของ “พลอย”
                แน่นอนอยู่แล้วว่าคือ คุณพ่อ-คุณแม่ แต่ถ้าเป็นคนอื่น เราชอบ “พี่สิงห์ วรรณสิงห์” เราชอบแนวคิด ชอบสิ่งที่เขาทำ ชอบสิ่งที่เขาสุดโต่ง ไปเที่ยวที่แปลกๆ แต่เขาไม่ได้เที่ยวอย่างเดียว เขาเอากลับมาแชร์ให้คนอื่นได้เห็นด้วย และเหมือนเขาจะทำอะไรเขาก็ทำเต็มที่มาก อย่างตอนนี้เขาทำเรื่องสิ่งแวดล้อมก็เป็นกระบอกเสียงที่ยิ่งใหญ่มาก เขาจริงจังมาก เราอยากเป็นแบบนั้นได้บ้าง ช่วยเหลือสังคม ใช้ความสามารถที่มีให้เป็นประโยชน์

สังคมไทยกับการมีอิรสะในตัวเอง
                มันไม่ได้อยู่ที่สังคมเป็นหลัก สำหรับเรามันอยู่ที่เราเป็นหลักมากกว่า ถ้าเราไม่กลัว เรากล้าที่จะลอง แค่นั้นมันก็จบ ไม่ว่าใครจะพูดอะไรมันก็คือจบเลย ส่วนเห็นด้วยไหมกับประโยคที่ว่า “เด็กไทยอยู่ในกรอบ คิดเองไม่ได้” มันแล้วแต่คน ก็อย่างที่บอกมันแล้วแต่คน เราก็เห็นเด็กไทยหลายคนที่นอกกรอบ ไปสุดโต่ง มันแล้วแต่คนเลย
จุดสูงสุดของชีวิต
                Goal สูงสุดของชีวิตคือการมีบ้านและปลูกผักอยู่เงียบๆ มันคนละด้านเลย ตอนนี้คือยากเที่ยวให้สุดโต่งไปเลย แต่ตอนแก่คืออยากปลูกผักอยู่หลังบ้าน เลี้ยงหมาตัวหนึ่ง อยากใช้ชีวิตช่วงกลางให้สุดโต่งไปเลย บั้นปลายก็ไปเงียบๆ สักที่ และก็อยากเป็นคุณยายและก็มีเด็กๆ หลานๆ มานั่งฟังประสบการณ์ของเรา

มีอะไรบ้างที่คนเข้าใจเราผิด
                น่าจะเป็นคนเก่ง คนชอบมองว่าเด็กคนนี้เก่ง เที่ยวคนเดียวได้เป็นเดือนๆ แต่จริงๆ เราก็จะบอกว่าเราไม่ได้เก่งขนาดนั้น เราก็มีความเงอะๆ งังๆ กับตัวเอง ไม่ได้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จขนาดนั้น เราก็ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะแยะมากมาย
 นิยามความเป็นเรา
                สดใสร่าเริง อดีตก็สดใสร่าเริง อนาคตก็สดใสร่าเริง ส่วน Pigkaploy เป็นชื่อที่เราตั้งสมัย MSN มาจาก Pikachu และก็เปลี่ยนมาเป็น Pigkaploy ไม่ได้มีความหมายอะไร