กรมควบคุมโรคเตือน อย่าตื่นตระหนก แนะวิธีรอดพ้นวิกฤติโควิด-19
"นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์" รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แนะวิธีดูแลตัวเองและสังคมให้รอดพ้นจากวิกฤติโควิด-19 ในการแถลงข่าวสถานการณ์การแพ่ระบาดของโควิด-19 ประจำวันว่า
อ่านข่าวต่อ : ไทยไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม ด้านแรงงานเกาหลี 186 คน อาการปกติ
จากการเฝ้าระวังใน 3 จุด จุดที่หนึ่งคือที่สนามบิน จุดที่สองคือการเฝ้าระวังในชุมขน และจุดที่สาม คือการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาล เราพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสอบสวนโรค ตอนนี้เราขึ้นไปที่ 4,518 คน ในจำนวนนี้ติดเชื้อประมาณ 50 คน แปลว่าคนที่เดินทางกลับมาจากประเทศเสี่ยง ทุกๆ 100 คน จะติดเชื้อประมาณ 1 คน เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นไม่ได้หมายความว่าคนที่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทุกคนจะเป็นโควิด แต่แค่ร้อยละ 1 เท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้นเวลาที่เราดูข้อมูลว่าคนที่เดินทางมาจากประเทศนั้นประเทศนี้ มีอาการไข้แล้วเราจะตื่นตระหนกว่าเป็นโควิด ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล จะเป็นการติดเชื้อโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการได้คล้ายคลึงกัน เพราะฉะนั้นเวลาที่เรารับทราบข่าวสารพวกนี้ แล้วเอามาแปลงเป็นว่าแล้วเราจะใช้ชีวิตของเรายังไงดีกว่า คือ ถ้าเราสามารถเลี่ยงได้ อย่าไปในสถานที่ที่มีผู้คนเยอะแยะ แออัด อันที่สอง ถ้าจำเป็นต้องไปเตรียมหน้ากากฝ้าไป หลีกเลี่ยงคนที่มีอาการไอ จาม พกเจลแอลกอฮอล ล้างมือบ่อยๆ ถ้าจะรับประทานอาหารก็ล้างมือก่อน รับประทานอาหารร้อน ใช้ช้อนกลาง ของพวกนี้จะช่วยเราป้องกันการติดเชื้อได้
ในการที่จะจัดการกับโรคนี้ หรือลดการที่จะแพร่โรคนี้ มีคนอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ๆ ที่จะต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ กลุ่มแรกก็คือกลุ่มหน่วยงานภาครัฐ ทำได้เต็มที่ด้วยการทำสภาพแวดล้อมให้ดี เป็นเกาะป้องกันการแพร่เชื่อโควิด-19 แต่คนที่จะต้องหยุดมันร่วมกับเราก็คือคนไทยทุกคน ทั้งที่เป็นส่วนบุคคล ในระดับครอบครัว ไปจนถึงระดับชุมชน สังคม และรวมถึงสถานที่ทำงาน สถานที่ประกอบการร้านค้า โรงงาน ทุกๆ ภาคส่วน ที่จะต้องเข้ามาร่วมมือกัน นำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไปปฎิบัติอย่างเคร่งครัด จริงจัง ถ้าเราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี สังคมเราก็จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่ต้องตื่นตกใจไปมากกว่านี้ ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ แล้วก็รู้ว่าต้องทำอะไร เวลารับข่าว แปลงข่าวพวกนี้ไปเป็นวิธีปฎิบัติ ไม่เอาข่าวลวงข่าวหลอนมาหลอนตัวเอง จนสุดท้ายไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วก็กลัวไปอย่างไม่มีเหตุมีผลไปหมด
ถามว่า คนเดินทางกลับมาจากประเทศเสี่ยง ตกลงติดเชื่อทุกคนไหน ตอบว่าไม่ ถึงแม้เขาจะมีอาการ แต่โอกาสเป็นโควิดต่ำมาก เพราะเขาผ่านการสกีนจากสนามบินเรียบร้อยแล้ว ถามว่าถ้าเขาขึ้นรถสาธารณะ รถสาธารณะต้องพ้นยาฆ่าเชื้อโอโซนกันอุตลุตหรือเปล่า ตอนว่า ไม่ แต่เขาจะเริ่มแพร่เชื่อก็ต่อเมื่อเขามีอาการ แล้วอาการนั้นเป็นอาการของโควิด เพราะฉะนั้นให้เราเข้าใจว่าเราต้องเตรียมตัวอย่างไร ให้เราเข้าใจว่าข่าวสารพวกนี้มันแปลว่าอะไร เสพข่าวอย่างมีสติ แล้วแปลงวิธีปฎิบัติไปใช้สำหรับตัวเอง สำหรับครอบครัว สำหรับสถานที่ทำงานของตัวเอง ถ้าสถานที่ทำงานไหนยังไม่ตื่น ยังไม่มีมาตรการ ป้องกันที่ถูกต้องในหน่วนงานของตัวเองก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือไปเขย่าให้ตื่น แล้วก็เริ่มดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสม ช่วยบอกกับทุกๆ คนที่เราเกี่ยวข้อง ไปบอกวิธีการปฎิบัติตัวที่ถูกต้อง ถ้าคนในสังคมไทยทุกคนรู้วิธีปฎิบัติตัวที่ถูกต้อง เราจะรอดพ้นวิกฤติตรงนี้ไปได้อย่างดี ฝากเป็นหน้าที่ของทุกคนช่วยกันตรงนี้ก็เชื่อว่าเราจะผ่านระยะเวลาตรงนี้ไปได้