นักดื่มมั่นใจ เครื่องเป่าวัดแอลกอฮอล์ไม่แพร่ COVID-19
พอมีข่าวว่านักเที่ยวนักดื่มติดเชื้อโควิด-19 จากการดื่มเหล้าแก้วเดียวกัน บรรดานักดื่มทั้งหลายเลยมีผวากันบ้าง พาลให้คิดเลยไปถึงเวลาเจอด่านตรวจจับตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ด้วยวิธีเป่าหลอดยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีหนาวๆ ร้อนๆ แน่นอนเพราะกลัวติดเชื้อโรค
กรมควบคุมโรค เลยออกมาบอกว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจ ว่าการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจเปลี่ยนหลอดใหม่ก่อนเป่าทุกครั้ง ไม่มีการใช้ซ้ำแต่อย่างใดโดยผู้ถูกตรวจสามารถขอฉีกซองบรรจุหลอดเป่าเองได้ เพื่อความสบายใจก่อนเป่า และลดความกังวลในการติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
อ่านต่อ : อย.คุมเข้ม เจลล้างมือแอลกอฮอล์ ไม่ได้มาตรฐานมีโทษจำคุก 2 ปี
"นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ" รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่ช่วงนี้ประชาชนติดตามสถาการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังและกังวลในเรื่องการติดเชื้อดังกล่าว จึงอาจทำให้เกิดปัญหาไม่กล้าเป่าลมหายใจผ่านเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ตรวจ หรืออาจเป็นข้ออ้างในการไม่ตรวจเพราะกลัวติดเชื้อนั้น กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้เครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจ
กรมควบคุมโรค ขอแนะนำการใช้เครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจ ในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังนี้ 1.เจ้าหน้าที่ตำรวจ ควรปฏิบัติ 1 สวมหน้ากากอนามัย 2 สวมถุงมือ และล้างมือบ่อยๆ 3 ให้ผู้ถูกตรวจฉีกซองของหลอดเป่าเอง เพื่อให้ผู้ถูกตรวจมั่นใจว่าเป็นหลอดใหม่ ไม่ได้ใช้ซ้ำ 4 ให้ทำความสะอาดภายนอกตัวเครื่องตรวจด้วยแอลกอฮอล์ 70% ทุกครั้งก่อนและหลังใช้ทุกราย และ 5 ทิ้งหลอดเป่าที่ใช้แล้วในภาชนะที่ปิดมิดชิด และ 2.ผู้ถูกตรวจ ควรปฏิบัติ 1 ขอฉีกซองบรรจุหลอดเป่าเอง เพื่อความสบายใจ และ 2 ให้เป่าลมหายใจออกยาวๆ นับ 1-5 ไม่สูดหายใจเข้าระหว่างเป่า
ทั้งนี้ มีการดำเนินงานดังกล่าวตลอดทั้งปี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ เพื่อเป็นการป้องกัน ไม่ให้คนเมาไปขับรถ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ร่วมทาง