หวั่นนำโควิดไปติดตจว. กลับจากกทม. กักตัวที่บ้าน 14 วัน
หลังจากที่ กทม.ประกาศปิดห้างสถานที่ต่างๆ รวม 26 ประเภท ตั้งแต่ 22 มีนาคม-12 เมษายน เพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากนั้น 5 จังหวัดปริมณฑลอย่าง สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นครปฐม, นนทบุรี และปทุมธานี ก็ประกาศปิดเช่นเดียวกับ กทม. ทำให้คนจำนวนมากที่ว่างงานไม่ได้หยุดอยู่กับบ้านดังหวัง แต่จะพากันหลั่งไหลกลับบ้านต่างจังหวัด เสี่ยงต่อการนำพาเชื้อไวรัสโควิดไปแพร่ในต่างจังหวัดตามมา
.jpg "ตจว. กทม. โควิด-19")
อ่านข่าวต่อ : “อิตาลี” วันเดียวดับ 793 ราย ยอดติดเชื้อพุ่ง 53,578 ราย
กรมควบคุมโรค จึงได้ขอความร่วมมือทุกจังหวัดทั่วประเทศ จัดทำแผนปฏิบัติการและฐานข้อมูลผู้เดินทางจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล กลับภูมิลำเนาตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. เลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่น 14 วัน พร้อมทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเตรียมการรับมือ
โดยมีรายละเอียดว่า ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 อันเป็นโรคติดต่ออันตรายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2563 ขณะนี้พบการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยในกรุงเทพฯ อย่างรวดเร็ว ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจึงมีประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 2) จากประกาศดั่งกล่าวส่งผลให้ประชาชนส่วนหนึ่งเดินทางออกจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อกลับภูมิลำเนา
กรมควบคุมโรค จึงได้ขอความร่วมมือทุกจังหวัดทั่วประเทศ จัดทำแผนปฏิบัติการและฐานข้อมูลผู้เดินทางจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล กลับภูมิลำเนาตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. เลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่น 14 วัน พร้อมทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเตรียมการรับมือ
โดยมีรายละเอียดว่า ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 อันเป็นโรคติดต่ออันตรายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2563 ขณะนี้พบการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยในกรุงเทพฯ อย่างรวดเร็ว ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจึงมีประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 2) จากประกาศดั่งกล่าวส่งผลให้ประชาชนส่วนหนึ่งเดินทางออกจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อกลับภูมิลำเนา
กรมควบคุมโรคในฐานะสำนักงานลขานุการของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จึงขอความร่วมมือจัดทำแผนปฏิบัติการค้นหา เฝ้าระวัง และป้องกันโรค ระดับอำเภอและหมู่บ้าน ดังนี้
-จัดตั้งทีมอาสา COVID-19 ระดับอำเภอและหมู่บ้าน เพื่อดำเนินการค้นหาและเฝ้าระวัง
-จัดทำฐานข้อมูลของผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มาถึงภูมิลำเนา ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. เป็นต้นไป
-ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อแยกตัวสังเกตอาการไข้และอาการทางเดินหายใจทุกวัน และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่นในที่พำนักหรือที่พักอาศัยจนครบ 14 วัน นับจากวันที่เดินทางมาถึงภูมิลำเนา
-แจ้งผู้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล
-ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ได้แก่ ไม่รับประทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น, ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว หมอน ผ้าห่ม แก้วน้ำ ช้อนส้อม, ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่นาน 20 วินาที่ หรือแอลกอฮอล์ 70% ลูบมือจนแห้ง, หลีกเลี่ยงการพูดคุย ใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง, หากมีไข้และอาการทางเดินหายใจ ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่โดยทันที
นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือไปยัง ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย อธิบดีกรมขนส่งทางบก คัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางออกจากกรุงเทพฯและปริมณฑล ให้ทำความสะอาดสถานี ยานพาหนะก่อนและหลังเดินทางเน้นพื้นที่สัมผัสร่วม เช่น ราวจับบันได ประตู ห้องน้ำ เก็บบันทึกข้อมูลผู้เดินทาง ลดความแออัดผู้โดยสาร จัดที่นั่งให้เว้นระยะห่าง ให้คำแนะนำผู้โดยสารเรื่องการป้องกันโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า เมื่อถึงเดินทางถึงสถานีปลายทางหากพบผู้โดยสารมีไข้ ไอ และอาการระบบทางเดินหายใจให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อรายงานต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่
ขอบคุณรูปภาพจาก : Twitter @Kai_Chab
