"โบวี่ อัฐมา" จ่อแจ้งความเอาผิดหลังสั่งหน้ากากบริจาคแต่กลับไร้คุณภาพแถมราขึ้น
ออกอาการเซ็งไม่น้อยหลัง จากได้มีการสั่งหน้ากากอนามัยเพื่อบริจาคให้กับโรงพยาบาลที่จ.ยะลา แต่กลับได้ของไม่มีคุณภาพ ทั้งบางเฉียบแถมมีราขึ้นอีกต่างหาก งานนี้ก็จะต้องมีการจัดการเข้าแจ้งความเอาผิดหากเคลมคืนไม่ได้ สำหรับนักแสดงอย่าง "โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์" ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้เปิดใจกับทาง "ดาราเดลี่" ถึงประเด็นดังกล่าวว่า
อ่านข่าวต่อ : "โบวี่" เผยซื้อที่ดินปลูกบ้านที่โคราช รับแฟนหนุ่มร่วมหุ้นด้วย
ก็มีการไปช่วยทาง "พี่ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ" และ "พี่ก้อง ปิยะ เศวตพิกุล" ที่ได้มีการรวมของส่งให้โรงพยาบาลต่างๆ รวมถึงโรงพยาบาลยะลา ตนก็ดูแลในส่วนนี้ ก็ได้มีการสั่งของหลายอย่าง ไม่ได้มีปัญหาอะไร มีแค่หน้ากากที่สั่งทั้งหมด 2 พันชิ้น แต่ผิดสเปคที่คุยกันไว้ ก็เลยคุยกับคนที่ซื้อเขาก็ตกใจ เพราะไม่ได้เป็นโรงงาน ไปรับจากบริษัทอื่นอีกที ตัวเขาก็คงไม่เห็นของเพราะอยากจะส่งให้โรงพยาบาลได้ใช้เร็วที่สุด ก็อยากให้ส่งจากแหล่งที่ผลิตหรือบริษัทที่ขายส่งไปให้ทางโรงพยาบาลเลย ทางคนที่โอนเงินให้ บอกจะเคลมจะจัดการให้และหาของใหม่ ส่งไปก็ดูว่าจะเคลมได้จริงไหม ถ้าจัดการไมได้จะแจ้งความเอาผิดเพราะมีหลักฐานทั้งหมดทุกอย่าง
ทั้งนี้รู้สึกเซ็ง แต่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ทั้งหมดว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะใคร เพราะคนที่สั่งซื้อก็ตกใจ และไม่รู่ว่าทางโรงงานที่ส่งของให้เข้าใจผิดหรือมีเจตนายังไง ยังไม่อยากสรุปแต่อย่างที่บอกหากเคลมไม่ได้ จะแจ้งความแล้วค่อยหาต้นสายปลายเหตุอีกทีว่าเกิดอะไรกันแน่ โดยที่โพสต์ไปก็อยากเตือนให้คนระวังให้ดีคนที่ซื้อใช้อาจจะไม่มีปัญหามาก แต่คนที่ซื้อเยอะอาจจะไม่ได้เช็คของด้วยก็ไม่ได้ดูหน้าร้านช่วงนี้กักตัวด้วย ฉะนั้นต้องระวังดูให้ดีส่วนตัวไม่ค่อยชอบมีเรื่องกับใคร แต่เรื่องนี้ถ้าไม่รับผิดชอบต้องแจ้งความเอาเรื่อง มองว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาทำแบบนี้ตอนนี้บ้านเมืองวิกฤตคนที่โก่งราคา หรือโกงขายหน้ากากรวมทั้งคนที่ขายกับรัฐในราคาที่สูงเขาได้เงินเท่าเดิม แต่ได้ของที่น้อยคุณภาพกว่าที่จะเป็นอยากจะบอกว่าบาปกรรมมีจริง การที่โกงคนทั้งประเทศกรรมหนักและตามไวมากอยากให้คิดดูให้ดีทำไปจะคุ้มไหม
ส่วนที่ได้กักตัว 14 วันก็ผ่านไปด้วยดี ไม่ได้มีอาการอะไรก็จะต้องอยู่บ้านให้มากที่สุด ตนจะออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็น ซึ่งน้อยมากและรีบไปรีบกลับเวลาอยู่ข้างนอกก็จะระวังมากทั้งใส่หน้ากาก ทาเจล หรือการจะจับอะไรก็ระวังและพยายามอยู่ห่างจากคนอื่นไว้ แต่ไม่ได้แพนิคมาก แค่ระมัดระวังตัวเองพร้อมทั้งอยากให้ทุกคนร่วมมือกับทางรัฐ ให้อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติกันด้วย