“หมิง อรินทร์มาศ” รับคุยหนุ่มนอกวงการ ยังไม่เรียกแฟน
ไปออกรายการดังเล่าเรื่องความรักในอดีต สำหรับสาว “หมิง อรินทร์มาศ บุญครองทรัพย์” จนหลายคนสงสัยว่าชายคนที่สาวหมิงพูดถึงคือใครกันแน่ ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวสาวหมิงเจ้าตัวเลยเผยว่า
อ่านข่าวต่อ : "หมิง อรินท์มาศ" ลงมือเข้าครัวทำอาหารแจกประชาชนที่เดือดร้อน
สำหรับรายการที่ไปออกจริงๆ เป็นรายการที่กลัวมาก ต้องบอกว่าเป็นรายการที่ตอนแรกไม่กล้าอยากจะไปออก พอดีคุยกับน้องทีมงานว่าเราสะดวกใจที่อย่กจะพูดเท่านี้ ต้องยอมรับว่าเวลาเหตุการณ์ เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา เราก็ไม่ค่อยอยากไปพูดถึงเรื่องคนเก่าๆมากนัก เพราะบางทีตัวเราเองก็มีทางเดินเส้นใหม่ของเรา เขาก็มีเส้นใหม่ของเขา แต่หมิงก็ไปพูดในมุมมองความรักมากกว่า มันเหมือนการสะท้อนให้เห็น บางคนอาจจะมีประสบการณ์เหมือนเรา แล้วในวันนี้เขายังหาทางออกไม่ได้ แต่เราออกมาได้แล้ว มันก็เป็นกำลังใจให้เขามากกว่า
ตอนนั้นมันเข็ดจริงๆ คือสิ่งที่เจอในเทปที่เล่าไป มันเข็ดจริงๆ เพราะหมิงเชื่อว่ามันไม่ใช่หมิงคนเดียวที่เจอเหตุการณ์แบบนั้น มันมีหลานต่อหลายคนที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้การที่เรามีโซเชี่ยลเยอะแยะมากมาย มันทำให้คนเรารู้จักกันง่ายขึ้น เราทำความรู้จักกันได้เร็วขึ้น มันไม่ได้มีกำแพงมากนัก มันก็เป็นดาบสองคมของชีวิตคู่ หมายถึงคนที่คบกัน ความสัมพันธ์แบบนี้
หลายคนก็ถามว่าเป็นใคร หมิงว่าอย่ารู้เลยดีกว่า เอาเป็นว่าขอไม่บอก แต่ว่ามันเป็นประสบการณ์มาเล่าให้ทุกๆคนได้ฟังว่าเราเคยเจอแบบนี้ บางคนตอนนี้อาจจะประสบอยู่ แล้วคิดว่ามันเป็นเรื่องราวที่แย่ที่สุดในชีวิต บางคนถึงขั้นคิดในทางที่ไม่ดีกับตัวเอง อยากจะบอกว่าทุกอย่างมันมีทางออก และอยากจะให้รักตัวเองเยอะๆ ไม่มีใครรักเราเท่าพอ่แม่เราและตัวเราแล้ว ถ้าเขาทำไม่ดี ไม่ต้องคิดอะไรเลย เราทำตัวของเราให้ดีที่สุดดีกว่า
ถามว่าโสดมากี่ปีแล้ว ก็น่าจะเกือบปี ก็มีคนเข้ามาคุยๆ บ้างเป็นคนนอกวงการ จริงๆมันก็มีคนเข้ามาแหละ เราก็อายุเท่านี้แล้ว เราก็ต้องดูๆกันไป ถ้ามีเข้ามาแล้วทำให้ชีวิตเราดีขึ้น หมิงว่าเราคบไปก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าอะไรที่เราก็ดูแลตัวเองได้ อยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องสร้างความทุกข์ให้กับตัวเอง ก็ต้องเลือกเอา
กับคนใหม่ก็ยังแค่คุยๆ กันยังไม่เรียกแฟน อย่างที่บอกกำแพงสูงมาก ถ้าเขาไม่ชนะใจเรา ไม่ชนะใจคุณพ่อคุณแม่ หมิงพูดเลยว่าจะไม่เริ่มต้น หมิงว่าเป็นปราการสุดท้ายแล้วหล่ะ ให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยดูด้วย เพื่อนๆก็เชียร์ให้แต่ง เพราะเพื่อนแต่งงานกันหมดแล้ว เขาอยากเห็นเรามีครอบครัว แต่จังหวะชีวิตคนเราไม่เท่ากัน ถ้าจังหวะเราไม่มา รีบไปก็เท่านั้น แต่ถ้าเจอคนที่ใช่ บางที 3 เดือน 6 เดือน อาจจะแต่งงานเลยก็ได้
ทางคุณพ่อแม่เคยเจอแล้วเขาบอกค่อยๆ ดูๆ กันไป ค่อยศึกษาไป คนดีเราอาจจะตัดสินไม่ได้ภายใน เดือน 2 เดือน ถ้าคนที่อยากเข้ามา เขาอยากชนะใจเรา ระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์