เปิดใจทั้งน้ำตา “สีดา พัวพิมล” อยู่ได้เพราะเบี้ยชรา
จากกรณีชีวิตพลิกผันของ “สีดา พัวพิมล” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ วัย 65 ปี แม่ของพระเอกหนุ่ม “อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล” ที่จากไปเมื่อหลายปีก่อน
ล่าสุดเธอเปิดใจกับดาราเดลี่ว่า ต้องออกมาทำงานเป็นแม่บ้านลูกจ้างรายวันเพื่อหาค่าเช่าบ้านและ สู้ชีวิตขนาดต้องอาศัยเบี้ยคนชราและข้าวกล่องโควิดกิน ถือว่าทุกข์อย่างสาหัส
Q : ชีวิตตอนนี้ทำอะไรอยู่ ?
A : ตอนนี้ชีวิตว่างเพราะตกงานในช่วงโควิด แรกๆ ก็ดีขึ้น คือเรามีงานทำ แต่พอเจอสถานการณ์โควิดร้านอาหารก็ปิดหมด ก็เลยไม่มีงานทำ
Q : งานสุดท้ายที่ทำหลังออกจากวงการคือไร ?
A : ตอนนั้นทำงานเป็นลูกจ้างร้านอาหาร คือไม่ได้เล่นละครนานแล้ว มีช่วงหลายปีก่อน มีละครของ “หนิง ปณิตา” เรื่อง “อีพริ้งคนเรืองเมือง”
Q : ชีวิตตอนนี้คือ ?
A : แย่มาก ตกงาน ลำบาก
Q : ข่าวว่าไปขอข้าวแจกประทังชีวิต ?
A : คือเรื่องเข้าคิวขอข้าวแจกโควิด คือเราไปช่วย “ต่าย สายธาร” น้องขอให้เราไปช่วยแจกอาหาร “ ต่าย” ชวนไป แม่ก็ได้ไปทำบุญ มีข้าวทาน ดีกว่าอยู่ว่างๆ ไม่ถึงขนาด ขอเขา แต่เราไปช่วยเขาแจกข้าวของ พออาหารเยอะ “ต่าย” ก็บอกอันนี้แม่กินได้นะ
Q : ที่เป็นข่าว นี่คือเพราะ ?
A : ตอนที่ไปงานกับ “ต่าย” ก็เป็นข่าวหนหนึ่ง ไปช่วยเขา เสร็จแล้วเจอนักข่าว เราก็มีนักข่าวที่รู้จักกันนานมากตามหาแม่ และก็คงไปเห็นที่เราแจกข้าวของ แกก็ได้มาเจอแม่สีดา
Q : รายได้ตอนนี้ ?
A : ไม่มีเลย วันนี้ไปที่ธนาคารกรุงไทยคือ เป็นเงินคนชรา ปกติจะได้ 600 บาทต่อเดือนก็ไม่ไหว เมื่อวานเพื่อนโทรมาบอก รู้ยังว่าได้เงิน 3,000 บาทเป็นเงินช่วยคนชรา ซึ่งก็ได้ทุกคนนะ ลองดูว่าจริงไหม ก็จะได้ค่าเช่าบ้าน ถึงกำหนดแล้ว ปรากฏว่าได้จริงๆ เราก็มาเบิก แล้วทีวีก็อยากมาสัมภาษณ์ก็มาเจอหน้าธนาคาร
Q : ถามว่าชีวิตมันแย่ตั้งแต่ตอนไหน?
A : จริงๆ ชีวิตพังพินาศ ตั้งแต่มีข่าวที่ถูกฟ้อง เรื่องในอดีต ไม่อยากรื้อฟื้น ทั้งหมดเราชนะคดีที่เขาฟ้องทั้งสามศาล เรามีหลักฐานหมด บอกว่าเราไม่ใช่คนที่มีสันดานฉ้อโกง ไม่เคยหลอกลวงใคร
Q : งานที่ทำคือไร?
A : อะไรก็ทำ ทำให้ได้ เพื่ออยู่ประคองชีวิตให้ได้ อยากเก็บเงินสักก้อน อยากมีร้านข้าวแกงเล็กๆของตัวเอง ทุกวันนี้ก็เช่าอยู่ คือมันก็เหนื่อย ไม่มีเงินก็จะล๊อกห้อง สภาวะแบบนี้ ไม่เคยเจอบางทีมันก็ทุกข์ ไม่อยากฟังอะไร อยากให้เขาเมตตา เราก็อยากหาให้ได้ทุกเดือนๆ บางคนก็มาให้ความเมตตา ค่าเช่าห้องไม่พอหรอก อย่างมีคนให้ก็มาผสมผสาน น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ บุญกุศลแรงนะ ได้รับเท่ากัน วันๆ สวดมนต์ ทำงานบ้าน ไปช่วยคนรู้จัก ให้เกียรติเรา คือเขาทำอาหารเดลิเวอรี่ เรียกไปช่วยอาทิตย์นึงครั้งหนึ่งก็ได้เงินมาสะสมบ้าง
Q : ผอมไปเยอะ?
A : สภาพจิตใจไม่ดี ก็ผอม แต่ไปช่วยเพื่อนทำงานก็ทำให้แม่มีกำลังใจ มีความสุข อยู่คนเดียว ข้าวกล่องก็เก็บกินให้มันอยู่ได้ แต่ละวัน หรือข้ามวัน กินให้พออิ่มแล้ว กล่องเดียวต่อวันนะ ไม่เคยมีสองกล่อง เราไม่ได้เป็นคนหยิ่ง เราอยากได้งานทั้งนั้น ขอให้มีงานจริงๆ เพื่อให้มีเงินเข้ามา อยากเก็บเงินสักก้อน ปีนี้ก็อายุ 65 แล้ว แต่ก็เชื่อมั่นว่าแข็งแรง เป็นแม่บ้าน ทำอาหารกองถ่าย ทำได้หมดเลย
Q : เรื่องติดพนัน ตอนนี้เลิกแล้วหรือยัง ?
A : ขอโทษ ซ้ำซากมากเรื่องนี้ ถ้าเราเป็นนักเล่น เข้าบ่อนทุกวันก็ไม่ใช่ เป็นข่าวในอดีต เราเล่นจริง ไม่ได้เข้าบ่อนทุกวัน บ่อนปอยเปต นานๆ เพื่อนชวนก็ไป ไปเองก็ไปไม่ถูกหรอก เราไม่ได้เป็นสิงห์การพนัน
Q : ทุกข์ในช่วงโควิด ที่ทุกข์หนักสุดคือ?
A : ไม่มีงาน ไม่มีเงิน และ ไม่มีกิน ก็มีเพื่อนเรียกให้ไปทำงานก็ผสมเก็บเล็กน้อย ซื้อของที่จำเป็น วันไหนที่เขาไม่ได้เรียก ก็ให้นิดๆ หน่อยๆ ก็ดีกว่าเราอยู่ว่างๆ
Q : กับ “อ๊อฟ” ลูกชาย เคยฝันถึงเขาไหม?
A : เขาจากไป 10 กว่าปี ตั้งแต่เขาจากเราไป ชีวิตแม่ก็ไปเหมือนกัน ชีวิตที่ตกต่ำสุดๆ ก็อยู่ที่บ้านพี่ นอนคนเดียว น้ำไฟ โดนตัด ลำบากถึงขั้นเปิดไฟฉายนอน วันนั้น “อ๊อฟ” มายืนปลายเท้า ไม่สวมเสื้อผ้า เขาบอก หนาวเหลือเกิน ไม่มีเสื้อผ้า เลย เราก็บอกพี่ ”ตุ๊ก เดือนเต็ม” ส่งไปให้เยอะนะ แม่ต้องทำบุญให้เขา เราก็ต้องนำพระประธาน กัดฟันไปขาย ได้แค่ 3 พัน เขากดราคามาก แต่จำยอม เพื่อทำบุญเสื้อผ้ารองเท้าให้ “อ๊อฟ” พระแนะนำว่าต้องทำเดี๋ยวนั้นเพราะลูกจะได้เลย เขาก็ได้จริงๆ แม่ชีเห็นกันทุกคน เราไปทำบุญให้ลูก แม่ชีบอกโยม “สีดา” เห็นลูกชายเดินไปมาในวัด เราก็บอกว่าใช่แน่เหรอ แม่ชีเห็นกันทุกคน แม่ชีบอกเป็นชุดที่เราซื้อให้ ก็ตรงเลย
A : ส่วนเรื่องบ้านที่หลุดไปคือแม่ เอาไปขายฝาก ช่วงนั้นเอาไปเงินไปลงทุน แม่ไปกู้นอกระบบมา เอาเงินไปใช้จ่ายต่องาน ซึ่งก็นานแล้ว ก่อนโควิด พี่เอาไปขายฝาก จากนั้นก็โดนยึด