“อุ๊บ วิริยะ” ขอโทษ “แม่สาวิตรี” หลังทัวร์ลงทำหนัง “น้องชมพู่”
“อุ๊บ วิริยะ” เผยแก่ "ดาราเดลี่" กรณีทัวร์ลง หลังจากเดินทางไปเยี่ยม “แม่สาวิตรี วงศ์ศรีชา” แม่ของ “น้องชมพู่” บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร โดยโดนถล่มว่าเห็นแก่เงินและเอาชีวิต “น้องชมพู่” มาย่ำยีรวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่กำลังดราม่าในขณะนี้
อ่านข่าวต่อ:ฝันเป็นจริง "น้องแจ๋วแหวว" เด็กขายพวงมาลัย พลิกโฉม
ไปบ้านกกกอก ทำไม?
มีข่าวว่าพี่จะทำ “กกกอก เดอะซีรีส์” มาบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ “น้องชมพู่” ที่เป็นข่าว จากนั้นก็มีนักข่าวถามว่าในปีนี้จะมีข่าวเรื่องไหนที่สามารถทำเป็นหนังได้ พี่ก็บอกว่ามีเรื่อง “จ่าคลั่งโคราช” “แจ๋วแหววขายมาลัยใต้ทางด่วน” “พี่เตี้ยมช.” และเรื่อง “น้องชมพู่ บ้านกกกอก”
คือทุกเคสที่เกิดขึ้นก็มักจะมีพี่ไปเกี่ยวข้อง แล้วข่าวก็นำเสนอออกมาถูกแปรสภาพไปมากมาย จนพี่ได้ข่าวว่า “แม่น้องชมพู่” ไม่ค่อยแฮปปี้ ที่จะมีคนเอาชีวิตของน้องชมพู่มาเป็นละคร พี่เลยตัดสินใจไปบ้านกกกอก เพื่อไปชี้แจง ถ้าเราสร้างความเดือดร้อนให้เขา พี่ก็ยินดีขอโทษ พี่ติดตามข่าว “น้องชมพู่” 80 กว่าวัน พี่ก็อยากให้กำลังใจทุกครอบครัวที่ บ้านกกกอก
เมื่อไปถึงได้สัมผัสอะไรที่บ้านกกกอก?
ไปถึงบ้านกกกอก หลายบ้านจะเขียนป้ายว่าไม่ต้อนรับคนนั้นคนนี้ เราก็มโนเลยสิ ยิ่งได้ดูข่าว “น้องชมพู่” คุณแม่ก็ชัดเจน คือพร้อมที่จะด่า เราไปบ้านเขา ก็คือเข้าตามตรอกออกตามประตู พี่ไปหา “ตาชาญ” และ “ยายสมควร” พ่อแม่ของ “แม่สาวิตรี” และ “ป้าแต๋น” เขาบอกว่ารู้จักพี่นะ
แต่พอพี่ไปพูดเรื่องทำหนังกับ “ตาชาญ” เขาบอกว่าเป็นการโปรโมทหมู่บ้านกกกอก ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ประชาชนในกกกอกจะได้มาขายของกัน มีอาชีพกัน แล้วหลังจากไหว้ “ตาชาญ” พี่ก็ไปบ้าน “แม่ชมพู่ สาวิตรี” “พ่ออนามัย” ทุกคนต้อนรับเป็นอย่างดี เพราะเราใช้รอยยิ้มและความจริงใจ
ส่วนเรื่องการทำหนัง “น้องชมพู่” นั้น เมื่อแม่ไม่อนุญาต เราเคารพการตัดสินของแม่ แต่ถ้าคดีจบ ก็อาจจะทำเป็นหนังได้ เหมือนอดีตที่ผ่านมา เช่นเรื่องซีอุย, ตี๋ใหญ่, ศยามล, เชอรี่แอน, คืนบาป, พรหมพิราม หรือ เสือใบ ทุกเรื่องก็ได้ทำเป็นหนังหลังจากคดีจบแล้ว และถ้าแม่สบายใจก็มาคุยกันได้ เพราะเมื่อได้ทำหนังแล้ว สิ่งที่ตามมาคือผลประโยชน์จากค่าลิขสิทธิ์ที่แม่จะได้
ทัวร์ลงเรื่องเงินสามล้าน อยากให้ชี้แจงว่ายังไง เป็นค่าลิขสิทธิ์ทำหนังหรือเปล่า?
พี่ไม่มีให้แม่นะ เงินสามล้านมันเป็นเงินที่รับบริจาคเพื่อช่วยแม่จ่าคลั่งที่โคราช คือสามล้านนี้ไม่เกี่ยวกับหมู่บ้านกกกอกเลย เพราะพี่เป็นคนเอาบัญชีแม่มาเปิดรับบริจาค เพื่อช่วยชีวิตแม่จ่าคลั่งโคราชให้ดีขึ้น จนได้ยอดบริจาคมา 3ล้าน แต่สำหรับพี่มีพอเพียงแล้ว ก็ตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจะช่วยเหลือคนและสัตว์
พี่อธิบายกับ “แม่น้องชมพู่” ว่าเงินสามล้านเป็นของแม่จ่าคลั่ง ไม่ใช่ค่าลิขสิทธิ์ให้ “แม่น้องชมพู่” สื่ออาจจะเข้าใจผิดนำไปเผยแพร่ในลักษณะที่ว่า แม่น้องชมพู่จะได้ค่าลิขสิทธิ์สามล้าน แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปงานทำบุญ100 วัน “น้องชมพู่” พี่บอกแม่ว่าจะช่วย 1หมื่น แกก็เริ่มกินได้ มีรอยยิ้ม
อยากชี้แจ้งเรื่องเงินที่ไปพาดพิงแม่น้องชมพู่หน่อยไหม?
อยากชี้แจงและขอโทษ “คุณแม่สาวิตรี” เพราะเป็นความเข้าใจผิดของสื่อบางสื่อ ต้องทำให้แม่โดนต่อว่าสารพัด ใครไม่เข้าใจก็อยากให้เข้าใจแม่น้องชมพู่ใหม่ ในส่วนตัวพี่ได้ขอโทษไปแล้ว เรื่องทุกอย่างจบเรียบร้อย และยังบอกแม่ว่า งานทำบุญ “ชมพู่” 100 วัน พี่จะไปร่วมบุญด้วย
ถ้าได้ทำหนังจริงๆ “แม่น้องชมพู่” จะได้ค่าลิขสิทธิ์เท่าไหร่?
ประมาณ 5 หมื่น แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของอนาคต อาจจะมีคดีใหม่ที่น่าสนใจกว่าก็ได้ เราไม่ได้เอาชีวิต “น้องชมพู่” มาย่ำยี เราอยากสอนคน อะไรที่ยังน่าสงสัย ทำไมจับคนร้ายไม่ได้ อยากสอนสาระให้คนดู พี่ขอระงับ
“โครงการกกกอก เดอะซีรีส์” เพราะเราเคารพในการตัดสินของ “แม่น้องชมพู่”
นายทุนเป็นใคร ดาราวางใครบ้าง ?
นายทุนเป็นคนนอกวงการ ส่วนตัวละครที่จะมารับบทในหนัง “น้องชมพู่” ก็พอนึกออกว่าจะให้ใครมาเล่นบ้าง แล้วก็จะเป็นหนังแนวดราม่า ถ้าพี่รีบทำตอนนี้ก็เหมือนไม่ให้เกียรติ “น้องชมพู่” แล้วทุกคนบอกว่าคดีไม่เรียบร้อย ทำตอนนี้ก็เท่ากับฉวยโอกาส แต่อนาคตถ้าทุกสิ่งเรียบร้อยก็ค่อยไปคุยกับพ่อแม่ น้องชมพู่ใหม่
โดนด่าในโซเชียลว่าเกาะกระแสน้องชมพู่?
นักข่าวเป็นคนถามพี่ว่าอยากไปบ้านกกกอกไหม จริงๆ พี่อยากไปอยู่แล้ว พี่ยอมรับว่าเกาะกระแสจริง แต่พี่ไปลงพื้นที่จริงเพื่อไปสร้างสิ่งที่ดีๆให้เขา เราเป็นผู้รับและเป็นผู้ให้ในเวลาเดียวกัน เราไปสร้างรอยยิ้ม สร้างกำลังใจให้ทุกๆคน ได้เจอ “ป้าแต๋น” “ลุงพล” พี่เดินขึ้นเขาเลยนะ ทุกคนทำได้ไหม พี่ไปโดยใช้เงินส่วนตัว ใครจะว่าเป็นอีห้อยอีโหน เราคิดดีทำดี สิ่งดีๆ จะตามมา ทุกอย่างพี่เชื่อคำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ พี่ช่วยมาหลายคน พี่ถูกหวย รางวัลที่ 5 สองใบ มีความรู้สึกว่าเราได้ช่วยคน พอเรามีก็อยากช่วยชาวบ้านต่อไป