สิว...ตัวร้าย ทำลายผิวหน้า by KTC BEAUTY
เรื่องสิวไม่เข้าใครออกใคร และไม่ใช่แค่คนหน้ามันเท่านั้นที่จะเป็นสิว เพราะสาเหตุของสิว เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งสภาพผิวที่เกิดจากกรรมพันธุ์ และฮอร์โมนที่แตกต่างกัน รวมไปถึงปัจจัยภายนอก เช่น แพ้เครื่องสำอาง หรือผิวหน้าถูกกระตุ้นจากวัตถุหรือมลภาวะต่างๆ ก็สามารถเกิดสิวขึ้นได้ เราควรทำความเข้าใจกับสิวแต่ละประเภท รวมไปถึงการดูแลรักษาสิวเบื้องต้น เพราะถ้าดูแลไม่ถูกวิธี อาจมีผลกระทบต่อผิวหน้าในระยะยาว เช่นรอยแผลเป็น หรือหลุมสิว ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจอย่างแน่นอน ดังนั้น เรามาทำความรู้จักสิวกันเลย หลักๆ แล้ว เราแบ่งลักษณะสิวออกเป็น 2 ประเภทตามการอักเสบ ได้แก่ สิวอุดตัน (หรือสิวไม่อักเสบ) และ สิวอักเสบ
กลุ่มสิวอุดตัน (Non-Inflammatory acne)
สิวอุดตัน เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน มีความคล้ายสิวผด ไม่แดง กดแล้วไม่รู้สึกเจ็บ แต่จะสร้างความรำคาญใจ และบางครั้งสิวจะหลุดออกไปได้เอง แต่ถ้ามีเชื้อแบคทีเรียเข้ามา ก็อาจจะพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้ ซึ่งผลที่ตามมาหลังจากเป็นสิวอักเสบคือ รอยสิว และหลุม
- สิวหัวดำ (Black Head or Open Comedone) หรือ สิวอุดตันหัวเปิด ลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ เห็นหัวสิวและมีจุดสีดำตรงกลาง รักษาด้วยการใช้ยาแต้มสำหรับสิวอุดตันโดยเฉพาะ และการกดสิว รักษาได้ง่าย
- สิวหัวขาว (White Head or Closed Comedone) หรือสิวอุดตันหัวปิด เป็นตุ่มนูนยังไม่ดันทะลุผิวออกมา ลูบแล้วจะเหมือนมีตุ่มนูนขึ้น ห้ามแกะหรือกดออก เพราะจะเป็นการทำร้ายผิว ดูแลด้วยการทำความสะอาดใบหน้า ควบคุมความมัน
กลุ่มสิวอักเสบ (Inflammatory acne)
สิวอักเสบ คือ สิวอุดตัน ที่มีเชื้อแบคทีเรียเข้ามาเจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว และก่อให้เกิดอาการอักเสบ เชื้อแบคทีเรียนี้ชื่อว่า P.acne กระจายบริเวณรอบๆ ตุ่มสิว ร่างกายจึงพยายามใช้เม็ดเลือดขาวกำจัดเชื้อแบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอม กระตุ้นให้เกิดการอักเสบขึ้นมา ซึ่งสิวเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี อาจกลายเป็นสิวอักเสบที่รุนแรงและก่อให้เกิดแผลเป็นได้ โดยสามารถแบ่งประเภทของสิวอักเสบได้ตามขนาดและความรุนแรงออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
- สิวตุ่มนูนแดง (Papule) สิวอักเสบขนาดเล็กและยังไม่รุนแรง ขนาดไม่เกิน 5 มม. เป็นสิวชนิดหนึ่งที่เป็นตุ่มยื่นขึ้นจากผิว สิวชนิดนี้จะไม่มีหัวไม่มีรูเปิดเหมือนสิวหัวดำ ถ้าสัมผัสโดนจะไม่มีอาการเจ็บใดๆ แต่ถ้าไม่รักษาจะเติบโตเป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ไม่ควรบีบหัวสิวออก เนื่องจากอาจติดเชื้อ และเกิดแผลเป็นได้ รักษาด้วยการทำความสะอาดใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและงดการขัดถูใบหน้า
- สิวตุ่มหนอง (Pastule) เป็นสิวอักเสบที่เริ่มรุนแรงขึ้น ลักษณะเป็นตุ่มแดงนูน มีหัวสีขาว และมีอาการปวด ขนาดใหญ่กว่าสิวอุดตัน ไม่ควรบีบ ควรรอให้สิวปะทุออกมาเอง ใช้เวลาหายประมาณ 2-6 สัปดาห์ ควรดูแลด้วยการล้างหน้าให้สะอาด และแต้มยาที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย วันละ 2-3 ครั้ง
- สิวหัวช้าง (Nodule) สิวอักเสบแดงแบบก้อนลึก ใหญ่ แข็ง อักเสบ มีขนาดตั้งแต่ 5-8 มม. ขึ้นไป บางครั้งเป็นการรวมตัวกันเป็นแพ หายช้าและมักทำให้เกิดแผลเป็นตามมา จับแล้วรู้สึกเจ็บ ข้างในแข็งเหมือนมีไต เป็นสิวขนาดใหญ่ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย จะมีอาการปวดและทรมานมาก หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นฝีหนอง ควรพบแพทย์ผิวหนัง ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาด้วยตนเอง
- สิวซีสต์ (Cyst) เป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่ มักมีขนาดใหญ่ได้หลายเซ็นติเมตร ลักษณะเป็นหนองปนเลือด มีอาการเจ็บร่วมด้วย พบได้ไม่บ่อย ภายในสิวจะมีความนุ่มเพราะมีหนองและเลือดอยู่ มักก่อให้เกิดแผลเป็น เป็นสิวที่รุนแรงที่สุด ถึงแม้รักษาจนหายแล้ว จะกลายเป็นแผลก้อนนูนหรือหลุมสิวขนาดใหญ่ ด้วยความรุนแรงและรักษาได้ยากกว่าสิวแบบอื่น ควรรับการรักษาจากแพทย์เท่านั้น
การรักษาสิว
การรักษาสิวในระยะเริ่มต้น หรือสิวอุดตันทั่วไปนั้น สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ด้วยการไม่แกะหรือบีบสิว ล้างหน้าให้สะอาด และใช้ยาแต้มสิวที่แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องจากคำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง เพื่อลดโอกาสลุกลามและอักเสบจนกลายเป็นสิวที่มีความรุนแรง แต่หากเป็นสิวอักเสบแล้ว จำเป็นต้องรักษาด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการป้องกันการเกิดสิวใหม่ และลดการอักเสบของสิวเดิม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา
ถ้าไปรักษาสิวที่คลินิกผิวหนัง และใช้บัตรเครดิต KTC นอกจากสามารถผ่อนชำระได้นานสูงสุด 10 เดือนแล้ว ยังอาจได้รับสิทธิ์ลุ้นสวยฟรีทั้งบิล 100% เพียงใช้จ่ายตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป แล้วลงทะเบียนลุ้นสวยฟรีได้ที่ www.ktc.co.th/beauty ตั้งแต่ 1 ต.ค. 63 – 31 ม.ค. 64
ข้อมูลอ้างอิง
การรักษาสิวด้วยยา : https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=781
https://www.glamourmagazine.co.uk/article/can-you-pop-acne-pustules
https://www.healthline.com/health/papules-acne