เชียงใหม่แถลงไทม์ไลน์! หลังพบผู้ติดเชื้อโควิดเดินทางมาจากระยอง
ถือเป็นสถานการณ์ที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ล่าสุดวันนี้ 27 ธันวาคม 2563 ณ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ "นายแพทย์กิตติพันธุ์ ฉลอม" ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า
จากที่ทุกท่านได้ติดตามข่าวสารการระบาดของโควิด 19 ใน จ.สมุทรสาคร ในช่วงที่ผ่านมา และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังเข้มข้นนั้น พบว่าได้ตรวจผู้ที่มีประวัติเสี่ยง เดินทางมาจากจังหวัด สมุทรสาครในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (21-26 ธ.ค.) ไปแล้วกว่า 144 คน ผลตรวจหาเชื้อเป็นลบทั้งหมด แต่จากข้อมูลที่ ศบค. แถลงในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา พบว่ามีการระบาดเพิ่มเติม โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ระยอง ทำให้เราต้องเฝ้าระวังกลุ่มผู้ที่มีประวัติเสี่ยงเพิ่มเติมมากขึ้น จนกระทั่งวันนี้ ทาง สสจ.เชียงใหม่ ได้รับรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยจาก จ.ระยอง ได้เดินทางมาใน จ.เชียงใหม่ และตรวจพบเชื้อ เป็นหญิงไทย อายุ 46 ปี ภูมิลำเนาอำเภอเมือง จังหวัดระยอง เดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 ธ.ค. 2563 มีอาการระคายคอ คอแห้ง อุณหภูมิ 37.4 องศา ไม่มีอาการไอ ไม่มีน้ำมูก การได้กลิ่นและรับรสปกติ ประกอบกับได้รับข่าวจากผู้ที่เคยใกล้ชิด พบผลการตรวจติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงได้เดินทางเข้าไปตรวจที่รพ.เอกชน ในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง และสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่จังหวัดระยอง ผลตรวจยืนยันพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (วันที่ 27 ธ.ค. 2563) ขณะนี้รับรักษาตัวที่ห้องแยกความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 47 ของจังหวัดเชียงใหม่ แต่เป็นเพียงการนำเชื้อเข้ามาจากภายนอกจังหวัด ยังไมท่พบการระบาดในจังหวัดเชียงใหม่แต่อย่างใด
ทางทีมสอบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่สอบสวนโรค พบไทม์ไลน์ของผู้ป่วย ดังนี้
วันที่ 24 ธ.ค. 2563
- ได้เข้าใช้บริการในสถานที่ออกกำลังกายแห่งหนึ่ง ในจังหวัดระยอง และได้พูดคุยกับเทรนเนอร์ ซึ่งต่อมาเป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดระยอง
วันที่ 26 ธ.ค. 2563
- เวลา 09.35 – 11.00 น. เดินทางจากอู่ตะเภา มาจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยสายการบิน Thai Airasia (FD101 ที่นั่ง 22C) พร้อมสามี ลูก 2 คน และพี่เลี้ยง 1 คน มารดาไปรับจากสนามบิน แวะเยี่ยมครอบครัวน้องสาวก่อนเข้าไปที่บ้านพักส่วนตัวย่านสถานีรถไฟ
- เวลา 17.00 น. เข้าไปตรวจที่ รพ.เอกชน เนื่องจากทราบประวัติว่าเทรนเนอร์ตรวจพบเชื้อ ก่อนจะรับเข้ารักษาเป็นผู้ป่วยใน เพื่อรอฟังผล
วันที่ 27 ธ.ค. 2563
- เวลา 12.00 น. ผลตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
- เวลา 14.00 น. ส่งต่อผู้ป่วยเพื่อรับการรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์
ผลการติดตามผู้สัมผัส ทั้งหมด จำนวน 127 ราย ได้แก่ ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 30 ราย(ผู้สัมผัสในครอบครัว 4 ราย , ผู้สัมผัสในยานพาหนะ 26 ราย) ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 97 ราย (ผู้สัมผัสในยานพาหนะ 86 ราย , บุคลากรทางการแพทย์ 11 ราย) ซึ่งได้ติดตามตัวและนัดเก็บสิ่งส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 (4-5 วันหลังที่สัมผัส) และได้กักกันตัวเพื่อสังเกตอาการสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง จนครบ 14 วัน
ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีวางมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค โดยให้มีผลกระทบกับการดำเนินชีวิต และเศรษฐกิจของชาวเชียงใหม่ให้น้อยที่สุด เป้าหมายในการควบคุมโรค จึงไม่ใช่การปิดกั้นผู้เดินทางมาใน จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ตัวเลขผู้ป่วยเป็นศูนย์ หากเป็นการตรวจพบผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อที่เข้ามาในจังหวัดอย่างรวดเร็ว และป้องกันไม่ได้เกิดการระบาดในวงกว้าง การตรวจพบผู้ป่วยรายนี้ แสดงให้เห็นถึงมาตรการเฝ้าระวังที่ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้วางไว้ ด้วยความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้ผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อสามารถเข้ารับการดูแลได้อย่างเหมาะสมทันเวลา
นายแพทย์กิตติพันธุ์ ยังคงเน้นย้ำว่า ผู้เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ สามารถเดินทางมาทางเข้ามาได้ โดยการดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมโรคตามที่ทางจังหวัดได้วางไว้ เป็น 3 กลุ่ม คือ
- ผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ หรือเดินทางไปยังพื้นที่ระบาด โดยปกติต้องกักตัวอยู่แล้ว แต่หากมาทราบภายหลัง ก็สามารถเข้าตรวจได้ในทุกสถานพยาบาล
- ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ จ.ที่มีการระบาด แต่ไม่ได้สัมผัสผู้ติดเชื้อ หรือเดินทางไปยังสถานที่ที่มีการระบาด ท่านสามารถรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อได้โดยสมัครใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่อื่นๆ ให้ท่านปฏิบัติตามมาตรการที่ทางจังหวัดได้กำหนด ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกข้อมูลในระบบ CM-Chana เมื่อท่านเดินทางเข้าจังหวัด ปิดหน้ากาก 100% เช็คอินไทยชนะตามจุดต่างๆ
ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก ประชาสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่