“น้ำหนึ่ง เทคมีเอาท์” แจ้งความ ปอท.โดนแฮ็กเฟซบุ๊กและไอจี.ไปหลอกยืมเงินและขายกระเป๋าแบรนด์เนม

“น้ำหนึ่ง เทคมีเอาท์” แจ้งความ ปอท.โดนแฮ็กเฟซบุ๊กและไอจี.ไปหลอกยืมเงินและขายกระเป๋าแบรนด์เนม

         วันนี้ (18 ม.ค. 64) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ บก.ปอท. น.ส.อัญญรัตน์ ก้องกิดากรกุล หรือ น้ำหนึ่ง เทคมีเอาท์ อายุ 27 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อัมพร จันทะวงค์ สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปอท. แจ้งความว่า เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมาได้ ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใคร เข้ามาแฮกเฟซบุ๊ก บัญชีชื่อ “น้ำหนึ่ง เทคมีเอาท์” และ อินสตราแกมบัญชีชื่อ “Namneunganyarat” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 3 หมื่นคนไป จากนั้นคนร้ายได้ติดต่ออินบล็อคมาในเฟซบุ๊กของเพื่อน แจ้งว่าถ้าตนอยากได้เฟซบุ๊กและไอจี.ดังกล่าวคืนต้องจ่ายเงินค่าไถ่จำนวน 3 หมื่นบาท แต่ตนไม่เล่นด้วย เพราะไม่เชื่อว่าคนร้ายจะคืนเราจริง

          จากนั้นคนร้ายได้สวมรอยเป็นตนทั้งเฟซบุ๊กและไอจี.ไปหลอกยืนเงินเพื่อนๆ โดยบอกว่ามีปัญหาแอปฯธนาคารโอนเงินไม่ได้ ขอยืมเงินก่อน เดี๋ยวดึกๆ เข้าได้แล้วจะคืน ซึ่งมีเพื่อนหลายคนในเฟซบุ๊กหลงเชื่อโอนไปให้คนร้ายจำนวนหลายบัญชีต่างธนาคารกัน เบื้องต้นติดต่อสอบถามและแจ้งมาให้ตนทราบรวมๆ แล้วกว่า 5 หมื่นบาท เมื่อตนฝากเพื่อนๆ เตือนในเฟซบุ๊กของเพื่อนว่าถูกแฮ็กเฟซบุ๊กและไอจี.อย่าโอนเงินให้เด็ดขาด

           นอกจากนี้คนร้ายยังได้เอาไปหลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนม อ้างว่าราคาถูกกว่าตลาด ซึ่งปกติตนก็ซื้อมาขายไปสินค้ากระเป๋าแบรนด์เนมอยู่แล้ว มีคนหลงเชื่อคิดว่าเป็นตน บางคนจ่ายมัดจำ บางคนจ่ายค่าสินค้าทั้งหมดเลยก็มี รวมมูลค่าความเสียหายที่ถูกหลอกไปประมาณ 5 หมื่นบาท

           ตนได้เปิดบัญชีเฟซบุ๊กและไอจี.ใหม่ชื่อบัญชี “Namneung Anyarat” เหมือนกัน เพื่อใช้งานแล้ว วันนี้มาที่ บก.ปอท.อยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยปิดบัญชีทั้งสองอันที่คนร้ายแฮ็กเอาไปจนถึงวันนี้ยังมีคนถูกหลอกอยู่ เกรงจะสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้

            หลังจากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนช่วยตรวจสอบก่อนเบื้องต้นสงสัยว่าจะเป็นคนใกล้ตัว ก่อนจะแนะนำว่ารอกู้คืนกลับมาก่อนมจากนั้นค่อยปิดบัญชีภายหลัง ก่อนจะสอนให้ตั้งค่ายืนยันตัวตนสองชั้นด้วยเพราะที่ผ่านมาไม่ได้ตั้ง ทำให้คนร้ายสามารถเข้ามาแฮ็กได้ง่าย

            ด้าน พ.ต.อ.วชิรพันธ์ ศิริพากษ์ ผกก.1 บก.ปอท. กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา บก.ปอท. รับแจ้งความกรณีถูกแฮกบัญชีสังคมออนไลน์ตรวจสอบพบว่าการถูกแฮ็กส่วนใหญ่จะเกิดจากกรณีที่เจ้าของบัญชีเองจะเผลอส่งมอบหรือบอกรหัสหรือพลาสเวิร์ดให้แก่คนร้ายเองแทนทั้งสิ้น มีน้อยรายมากที่จะเกิดจากการโดนมัลแวร์เจาะเข้าระบบมาแฮก แม้ บก.ปอท.หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องด้านไอทีจะแจ้งเตือนประชาชน เวลาแถลงข่าวเราก็บอกเตือนประจำว่าห้ามให้รหัสหรือพลาสเวิร์ดเข้าใช้งานบัญชีต่างๆ ก็ตาม แต่ก็ยังมีคนหลงกลมิจฉาชีพอยู่ตลอด ดังนั้นฝากเตือนประชาชนว่ารหัส OTP พาสเวิร์ด ห้ามให้คนอื่นเด็ดขาด