เปิดบทสัมภาษณ์ “มีน พีรวิชญ์” นั่งแท่นผู้กำกับครั้งแรก ในซีรีส์ “หนังสือรุ่น The Yearbook”
นอกจากเป็นนักแสดงมากฝีมือแล้ว ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของนักแสดงหนุ่มหล่อสุดฮอต “มีน พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร” จากบ้าน Ultimate Troop พร้อมปล่อยของกับการทำงานเบื้องหลัง ในโปรเจคมินิซีรีส์ “หนังสือรุ่น The Yearbook” ซึ่งจะพาคุณย้อนเวลาไปสู่ช่วงปี พ.ศ. 2545 กับเรื่องราวความน่ารัก มิตรภาพ ความฝัน คำสัญญาของ 2 เพื่อนสนิท “นัท - ภพ” ที่มีอันให้ต้องจากลา ก่อน 4 ปีผ่านไป หนังสือรุ่นจะทำให้ทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
งานนี้นอกจากหนุ่มมีนจะรั้งตำแหน่ง Exclusive Producer ร่วมกับนักแสดงหนุ่ม “พิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล” จากภาพยนตร์เรื่องดัง “รักแห่งสยาม” แล้ว ยังควบบทบาทผู้กำกับ ทุ่มประสบการณ์ทั้งจากงานแสดงและการเรียนในสาขาภาพยนตร์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด
ซึ่ง “มีน” เผยว่า “ก็ยังไม่ใช่ผู้กำกับเต็มตัวขนาดนั้น (หัวเราะ) ถือว่ากำกับร่วมตอนอยู่หน้ามอนิเตอร์ เพราะว่าจะมีพี่สนุ๊กที่เป็นต้นเรื่อง กับครูลูกแก้วแอคติ้งโค้ชคอยดูเรื่องการแสดงอยู่แล้ว ผมกับพี่เบ้น ผู้กำกับอีกคนจะเน้นไปที่การเล่าเรื่อง ภาพ มุมกล้อง แสง มากกว่า ก็สนุกดีได้ร่วมกันแชร์ไอเดีย ได้ทำอะไรใหม่ๆ”
Q : เรื่องนี้แฝงสัญญะไว้ด้วย ตั้งแต่โปสเตอร์เลย?
A : ถ้าใครได้ดูจะเห็นว่าโปสเตอร์จะเล่าผ่าน โทนภาพ ฟิล์ม แสง หรือสีเสื้อของนักแสดงที่ถูกวางไว้ตั้งแต่แรก เราเป็นคนชอบเรื่องสัญญะ ถ้าสังเกตในงานของเราดี ๆ เราทิ้งสัญญะไว้แทบจะทุกภาพ อย่างตัวละครจะมีตัวละครนึงสีโทนเย็น อีกตัวละครสีโทนอุ่น และจะมีโปสเตอร์นึงที่ตัวละคร กำลังเดินตรงรางรถไฟ มีตัวละครนึงที่ใส่เสื้อสีโทนเย็นตามอีกตัวละคร จริงๆ มันคืออารมณ์ไขว้เขวของตัวละคร และรางรถไฟที่ขดไปมามันคือเส้นทางที่ตัวละครต้องเลือกความสับสนของเด็กในยุคนั้นจนอาจจะเป็นทางแยก นี่ขนาดแค่โปสเตอร์ก็แฝงสัญญะนะครับ (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ต้องซีเรียสดูเอาสนุกๆ ดีกว่าครับ เห็นก็ถือว่าเป็นโบนัส (หัวเราะ) อยากให้ทุกคนได้ตีความหมายจากภาพครับ
Q : ทำไมต้องเป็นยุค 2000 ตอนต้น?
A : เราคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่มีเสน่ห์ มีช่วงเวลาความรักที่ยากกว่าปัจจุบันมาก ยากที่จะเจอกัน ยากที่จะติดต่อ ยากที่จะตามหา หรือแม้กระทั้งยากที่จะรู้ใจตัวเอง เลยรู้สึกว่าอยากดึงเสน่ห์และกลิ่นอายอะไรเหล่านี้มานำเสนอในซีรีส์เรื่องนี้ อีกอย่างยุคนั้นเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนถ่ายทางเทคโนโลยี เช่น เพจเจอร์ มาเป็นมือถือ มีแชท msn ผมว่ามันมีเสน่ห์ของมันนะ เชื่อว่าคนที่อยู่ในยุค พ.ศ. นั้นต้องคิดถึงกันแน่ๆ ถ้าได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ อีกอย่างความคิดของคนในยุคนั้นก็เริ่มจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ดูได้จากตัวละครในเรื่องที่จะมีความคิดต่างกันตามแนวคิดที่เปลี่ยนไป
Q : ความแตกต่างซีรีส์เรื่องนี้กับเรื่องอื่นๆ คืออะไร?
A : มีนว่าความต่างคือเรื่องนี้ค่อนข้างเรียล แต่มีความน่ารักของยุค 2000 ตอนต้น อาจเพราะงบจำกัดมาก (หัวเราะ) อีกอย่างคือซีรีส์เรื่องนี้มันถูกเริ่มต้นมาจากความเป็นหนัง คนดูน่าจะได้เห็นการเล่าเรื่อง ภาพ หรือการถ่ายทอดแบบภาพยนตร์ด้วย
Q : ทำงานภายใต้งบประมาณจำกัด?
A : เอาเป็นว่ารู้แล้วจะตกใจ เรื่องนี้ลงทุนไม่ถึงล้านครับ กับซีรีส์ 8 ตอนถือว่าน้อยมากๆ แต่เราโชคดีครับ เราได้ทีมดี ได้พี่ๆ น้องๆ มาช่วยเหลือด้าน production ต่างๆ ได้แอคติ้งโค้ชอย่างครูลูกแก้วมาช่วยก่อนถ่ายทำและระหว่างถ่ายทำด้วย มีพี่พิชมาช่วยเสริมตั้งแต่ประชุมบท เราเตรียมงานค่อนข้างมาก เพื่อให้ตอนถ่ายทำไม่พลาดจะได้ไม่เกินงบที่ตั้งไว้ครับ ถ้าไม่ได้ทีมที่ดีมาช่วยนี่ยากแน่ๆ
Q : กลัวการเปรียบเทียบกับซีรีส์ชายรักชายเรื่องอื่นๆ ไหม?
A : การเปรียบเทียบมันเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เลยไม่ได้กลัวขนาดนั้น แล้วก็บอกทุกคนตลอดว่างานที่เราทำมันอาจจะไม่ใช่งานแนวที่นิยมทั่วไปในตลาดขนาดนั้น ก็น่าจะคลายความกดดันได้บ้าง ผมว่าการเปรียบเทียบทำให้เราได้เปิดมุมมองและพัฒนาผลงานต่อไปด้วยครับ
Q : อยากฝากอะไรกับคนดูซีรีส์เรื่องนี้?
A : อยากชวนทุกคนมาดูกันเยอะๆ ครับ งานนี้เราทุ่มเทเต็มที่ สนุกกับงานมากๆ หวังว่าทุกคนจะสนุกกับงานนี้เหมือนกัน ได้ย้อนหวนคืนความทรงจำกลับไปสู่อดีตไปด้วยกัน เผื่อจะค้นเจอความทรงจำอะไรดีๆ ในหนังสือรุ่นเล่มนี้ครับ
มิตรภาพ ความผูกพัน ความฝันของ “นัท-ภพ” จะกลับมาอีกครั้งหรือไม่หรือจะเหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำในหนังสือรุ่นเล่มหนึ่ง ร่วมลุ้นพร้อมกันทางLINE TV เร็วๆ นี้ พร้อมติดตามอัปเดตข่าวสารได้ทาง เฟสบุ๊กแฟนเพจ :Theyearbooktheseries หรือ ทวิตเตอร์ Theyearbook2545