เปิดใจอดีตพระเอกยุค 90 “พิทยา ณ ระนอง” ลูกๆ รู้ว่าผมสู้
หลังจากที่ “พิทยา ณ ระนอง” ตกเป็นข่าวว่าอดีตดาราดังหันมาขับ Grab สู้ชีวิตที่จังหวัดเชียงใหม่ สื่อต่างๆก็ประโคมถึงเส้นทางการต่อสู้ของเขา ทว่าในอีกมุมหนึ่ง มุมที่เขาเป็นมนุษย์ เป็นคุณพ่อ เป็นนักขาย และยังต้องดิ้นรนต่อสู้ในภาวะที่โควิด19ยังระบาดในไทย ดาราเดลี่ จึงขอเวลาเขาอีกนิดเพื่อนั่งคุย ไล่เรียวถึงชีวิตในมุมอื่นๆ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้
อ่านข่าวต่อ:เปิดภาพ “เบิร์ด พิทยา” อดีตพระเอกดังยุค90 เจอพิษโควิดขับ
++ทราบว่าตอนนี้นอกจากขับ Grab ก็ยังมีธุรกิจอื่นๆด้วย
ใช่ครับ แรกๆ ที่ผมกลับมาอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ ผมไม่รู้จะทำอะไร ทางญาติๆ เขาขายกาแฟ โกโก้ กันผมก็ติดต่อลองเอามาขายดู มาสร้างเป็นแบรนด์ของตัวเองเป็นกาแฟดริป เพิ่งเริ่มต้นก็ใช้เวลา ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่พอมีโควิดผมก็ต้องหารายได้ประจำวัน ผมก็สมัคร Grab พอเป็นข่าวคนก็จำผมได้ หลังจากนั้น ผมก็ทำกาแฟสดที่เป็นชื่อของเราเอง น้องสาวที่หาดใหญ่ เขาทำกะปิชื่อว่าเคยดิ๊ดี ผมก็เอามาขาย หลังจากนั้นก็เริ่มลองขายกะปิ ขายกาแฟ คู่กับการทำ Grab ไปด้วย พอเป็นข่าว อ่าว ก็เลยไปขายกาแฟมากกว่า ขับ Grab น้อยลง ขับน้อยลงเพราะที่เวลามันหมดไปก็เพราะต้องไปเสนอตามร้านตลาดวัน เวลาก็จะหมดไป
++เป็นคนใต้แต่มาอยู่ถึงเชียงใหม่20 ปีเลย
หลายคนสงสัย คือผมคนใต้ก็จริง คนระนอง แต่พ่ออยู่กรุงเทพ แม่เป็นคนเยอรมัน แต่ตอนหลังพ่อเขาย้ายมาอยู่เชียงใหม่ ผมอยู่นี่ ผมก็กลับมาอยู่ 10กว่าปี ตั้งแต่ปี 50
++จริงๆชื่อพิทยาคนในวงการก็พอรู้จักจำได้ ทำไมหันหลังให้วงการ
ผมหยุดละครไปตั้งแต่ผมอายุ 26 ตอนนี้ผมอายุ 50 แล้ว ที่เลิกไปก็เพราะวงการก็อย่างที่ทราบกัน หลังๆ ไม่ค่อยมีงาน งานละครก็น้อยลง ผมก็มางานประจำ ก็เคยทำบริษัททัวร์แห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ พอมีโควิด แรกๆ ผมคิดว่าน่าจะระบาดไม่เกินปี ตอนนี้ปีครึ่ง จะสองปีแล้ว มันกระทบชีวิตคน ทำมาหากินแย่กันหมด การท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบ
++ ลำบากสุดๆ ที่เชียงใหม่คืออะไร
ลำบากก็ไม่เชิง ผมใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่มีอะไรมากมาย ก็พอกินพอใช้ ผมถือคติว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด
++หนี้สิน
ผมโชคดีมากๆ ที่ไม่มีหนี้สินอะไร แค่จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ประกันสังคมเท่านั้น แล้วทุกวันนี้อยู่บ้านพี่สาวแต่พี่ไม่ได้อยู่ด้วย ผมอยู่กับน้องแมว บ้านก็เก่ามากๆ ก็พออยู่ได้
++คนในวงการรู้จัก เคยคิดกลับมาของานไหม
เราอายุมากแล้ว ไม่ใช่เวลาเข้าวงการ ผมตั้งใจทีจะทำกาแฟระนอง และกระปิหรือเคย หาดใหญ่ของน้องสาว แบบจริงจังมากกว่า ทำสองอย่างนี้ให้ดีที่สุดสำหรับ เวลาที่เหลืออยู่
++อยู่ลำพัง โดดเดี่ยวขนาดไหน
มันก็มีบ้าง แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นข่าว ทำให้คนรู้จักผมมากตอนนี้ เวลาผมไปขายกาแฟ ขายกะปิ เราเจอคนทุกวัน มีแต่คนแนะนำมาทักผม มาช่วยให้ผมไปขายที่ต่างๆ ทำให้ผมมีความสุขมากๆ
++รายได้ทุกวันนี้
พอมีคนจำได้ ก็ทำให้ผมขายกาแฟได้ แต่รายได้ไม่แน่นอน บางวันก็เยอะ บางวันก็น้อย แค่มีคนซื้อผมก็ดีใจสุด ต้องใช้เวลา ยอดขายดีไหม ก็อาจต้องใช้เวลาเป็นปี เราอายุขนาดนี้ ทำให้เราใจเย็น ผมไปเรื่อยๆ ครับ
รายได้จาก Grab วันหนึ่งก็พออยู่ได้ พอใช้จ่ายซื้อข้าวกิน คือผมเพิ่งเริ่ม ไม่เยอะ แต่อยู่ได้ เจอเพื่อนๆ ที่ขับ Grab ผมถือว่าผมจะลำบากไม่ได้ เพื่อนบางคนขับแต่เช้ามืด ไปจนร้านปิด เขาต้องหารายได้เพราะเขาต้องดูแลพ่อแม่ ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน เยอะเลย ถามว่าผมลำบากไหม เทียบกันแล้วจะเอาตัวผมมาลำบากไม่ได้เลย ผมคลุกคลีเพื่อน Grab เยอะมาก ผู้หญิงมาขับก็เยอะมากๆ คนอื่นๆ ทุกข์กว่าเราเยอะมากๆ
++ชีวิตครอบครัวของพิทยา
อยู่เชียงใหม่ 20 ปี ไม่เหงานะ ผมใช้ชีวิตง่ายๆ ลูกๆก็มี พวกเขาอยู่กรุงเทพหมด ผู้ชายคนโต คนกลางเป็นลูกสาว คนเล็กก็ลูกชาย ผมมีลูกสามคน แม่เขาดูแล ลูกๆ ทำงานแล้ว เหลือคนเล็กเรียนมหาลัย แต่เขาทำงานด้วย พอผมมีข่าวเขาก็ไลน์ แชทกัน คงรู้ว่าพ่อลำบากเหมือนกัน ผมไม่ได้ส่งเงินอะไรให้เขาเพราะแม่เขาก็ดูแลลูกๆ อยู่ เป็นเพื่อนกัน คุยกันบ้าง ดูแลตัวเองได้