“อัจฉริยะ” กล่าวหาเส้นทางการเงิน จากสว.คนดัง ถึง “นอท กองสลากพลัส”
ที่ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง) “นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางนำหลักฐานของกลุ่มขบวนการฟอกเงินคดียาเสพติดมอบให้กับ “นายสมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม และ “นายวิชัย ไชยมงคล” เลขาธิการ ป.ป.ส. เพื่อสืบสวนดำเนินคดี พร้อมขอให้ติดตามยึดอายัดทรัพย์นักการเมืองชื่อดังระดับประเทศมูลค่า 5,000 ล้านบาทในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสมคบกันฟอกเงินและเป็นนายทุนใหญ่กลุ่มการเมืองเชื่อมโยงกับกลุ่มพนันออนไลน์ชื่อดังระดับประเทศ โดยเชื่อมโยงกับผู้ต้องตามหมายจับ 8 คนในคดีความผิดดังกล่าวข้างต้น
อ่านต่อ:“นอท กองสลากพลัส” เล่าความหลังคอเป็ด 13 บาท กิน 3 มื้อ
โดยนายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของคดีสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และฐานสมคบกันฟอกเงิน โดยมีนายมานะ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ “แบงค์ สอนโส” นายทุนเจ้าของโรงงานผลิตยาบ้า ประเทศเมียนมาร์โดยนายมานะได้ใช้บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรของนายคมกฤต และนำเงินจากยาเสพติดกว่า 1.6 ล้านบาท โอนเข้าบัญชี นาย ธ. ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด และยังเป็นลูกจ้างของนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยมีการถอนเงินและนำเงินกว่า 1,978 ล้านบาทเข้าบัญชีธนาคารนายอุปกิต อย่างไรก็ตาม นาย ธ. ยังได้ยืนยันว่าได้รับเงินโอนจากนายคมกฤต 4 รายการ เป็นจำนวนเงิน 1.6ล้านบาท และยืนยันว่าตัวเองเป็นลูกจ้างของบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด
นายอัจฉริยะ เผยอีกว่า การถอนเงินจากบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทยแต่ละครั้งของ นาย ธ. มีตั้งแต่ 15 ล้านบาทไปจนถึง 20 ล้านบาท โดยถอนเงินสดจากในประเทศไทยถือข้ามไปยังประเทศเมียนมาร์ให้แก่นายอุปกิต สำหรับข้อมูลที่ตนนำมาในวันนี้ คือ เส้นทางการเงินของนายอุปกิต ตั้งแต่ปี 2562 ที่พบว่ามีเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาตามหมายจับคดีสมคบกันฟอกเงินยาเสพติดรวม 8 หมายจับ โดยมีทั้งผู้ที่ถือครองทรัพย์สินแทน และเบิกเงินออกจากบัญชีมูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท แต่โดยรวมจริงๆคือ 10,000 ล้านบาท และแม้ว่านายอุปกิตจะอ้างว่าได้ขายธุรกิจบ่อนกาสิโนในประเทศเพื่อนบ้านให้กับนายเอ็ดดี้-พัณนรงค์ ไปแล้วนั้น แต่กลับไม่พบหลักฐานการโอนเงินซื้อขายกัน และตนเชื่อว่าเป็นการให้นายเอ็ดดี้ถือครองแทน นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลอีกว่านายอุปกิตมีคดีสมคบกันฟอกเงินภายใต้การกำกับของกรมสอบสวนคดีพิเศษอีก 1 คดี และคดีของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดอีก 1 คดี ที่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวน
"สรุปว่า บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด บุคคลที่ถือหุ้นคือนายอุปกิต ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.62 จนถึงวันที่ 30 เม.ย.63 จากนั้นในวันที่ 30 เม.ย.63 เป็นนายดีน ยัง จุลธุระ ลูกเขย เป็นผู้ถือหุ้นแทน แม้ว่าเมื่อวันที่ 9 พ.ค.62 นายอุปกิตจะอ้างว่ามีการทำสัญญาซื้อขายโรงแรมกับนายชาคริส กาจกำจรเดช แต่นายชาคริสได้ให้การว่าไม่ได้มีการซื้อขายจริงอย่างไรก็ตาม แม้ว่านายอุปกิตยืนยันว่ามีการซื้อขายในจำนวนเงิน 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐและตกลงชำระเงินในต่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้มีการยื่นหลักฐานการซื้อขายดังกล่าวให้กับทาง ป.ป.ช. ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลอันเชื่อได้ว่าทรัพย์สินหลายรายการในขณะนี้ยังคงเป็นของนายอุปกิตดังเดิม" นายอัจฉริยะ ระบุ
นายอัจฉริยะ เผยต่อว่า หลักฐานทั้งหมดในวันนี้ ตนได้ส่งให้นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นำไปตรวจสอบพร้อมกันนี้ตนยังเชื่อว่าภายหลังการเปิดเผยเรื่องในวันนี้แล้ว คาดว่านายอุปกิตจะเตรียมหลบหนีภายใน 3 วัน ซึ่งหากพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ยังไม่ดำเนินการขอศาลออกหมายจับนายอุปกิต ตนจะไปร้องเอาผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังเผยว่า กรณีที่ “นายเอ็ดดี้-พัณนรงค์” อ้างว่าเป็นเจ้าของบ่อนกาสิโนนั้น ยังพบว่าได้นำเงินที่นายอุปกิตฝากไว้ไปฟอกไว้ที่ “นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์” หรือ “นอท กองสลากพลัส” ซึ่งตนมีหลักฐานเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกันชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และพนันออนไลน์ ทั้งนี้ ตนประสงค์ให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงไปตรวจสอบผู้ที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 กับกองสลากพลัส โดยตรวจบัญชีเงินฝากของผู้ที่ถูกรางวัลว่ามีเงินตามที่ถูกจริงหรือไม่ และได้นำเงินฝากเข้าบัญชีธนาคารจริงหรือไม่ เพราะตนทราบมาว่ามีความบิดเบี้ยวเรื่องล็อตเตอรี่ที่ถูกรางวัลอยู่ แต่ตนขอเปิดเผยไว้เพียงเท่านี้ก่อน