“กุ้งพลอย” เปิดใจเสียงสั่น! “หนุ่ม ศรราม” กีดกันไม่ให้เจอลูก ซัดอีกฝ่ายไม่แมน
หัวอกคนเป็นแม่ เปิดใจเสียงสั่น น้ำตาคลอ หลังจาก “กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ” ได้โพสต์คลิปนำของขวัญไปแขวนไว้หน้าบ้าน “หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์” อดีตสามี เพื่อให้เป็นของขวัญวันเกิดลูกสาว “น้องวีจิ” อายุครบ 4 ขวบ พร้อมเผยว่าไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยผ่านโทรศัพท์หลายเดือนแล้ว บุกมาหาลูกเพราะคิดถึง และไม่ต้องเรียกตำรวจมาไล่
อ่านข่าวต่อ : อะไรยังไง? ชาวเน็ตสงสัยหลังมีซีนหวาน “กุ้งพลอย” กับนักการเมืองดัง
งานนี้เจ้าตัวเปิดใจเสียงสั่นอัดอั้นในใจว่า “คลิปวันเกิดลูกสาวคือไม่ได้เจอลูกมานานมากแล้ว ประมาณ 3 เดือนจากกำหนดที่จะได้เจอ จนเราได้กำหนดไปเจอแล้วก็ไม่ได้เจอ เหตุผลที่ไม่ได้เจอเพราะว่าตอนนั้นก่อนที่เราจะไม่ได้รับอนุญาตให้วิดิโอคอล เราวีดิโอคอลหาลูกทุกวัน มันยากมากๆ ด้วยมันไม่มีกำหนดเวลา เราก็พยายามทำความเข้าใจ
เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นคือ วีจิมาบอกว่าแม่อยากไปดูหนูว่ายน้ำไหมวันเสาร์ เป็นการวิดิโอคอลคุยกับลูกแล้วลูกมีพัฒนาการมากขึ้น เวลาที่เราได้คุยกับทุกวัน การสื่อสารระหว่างแม่กับลูกมันเป็นอะไรที่อบอุ่น เราก็รับปากโอเคได้ ซึ่งมันก็ไม่น่าผิดตามกฎหมายที่แม่จะไปเจอลูกที่โรงเรียน มันก็ย่อมได้ ลูกคงอยากให้เราไปดู คือเราก็เข้าใจว่าเขาคงจะได้ยินการตกลงกันของเรากับลูก ถ้าเขาแมนพอ แบ่งปันได้มากพอกว่านี้อีก เขาจะรู้ว่าการที่แม่เจอลูกมันไม่ใช่เรื่องอันตรายอย่างที่เขาเข้าใจมาตลอด พยายามปรับความเข้าใจตรงนี้มาโดยตลอด ให้กำลังใจตัวเองมาโดยตลอด ด้วยความที่ไม่อยากจะมีปัญหา ไม่อยากให้ถึงขั้นต้องฟ้องศาล พยายามกดดันทางโซเชียลบ้าง เพราะพอคุยกันตัวต่อตัวก็ไม่ได้
วันนั้นก็ไปที่ว่ายน้ำ ก็ไปลงว่ายน้ำกับลูก เราก็มีมารยาทพอที่จะลงไปแบบไม่ขอจับลูก ให้ลูกได้อยู่กับครู แค่ยืนข้างๆ สระน้ำเป็นกำลังใจให้ลูก เขาเลยตะโกนด่าเรากลางสระว่ายน้ำ ซึ่งคนก็เยอะว่าลูกไม่ตั้งใจเพราะเรา มันเป็นสิ่งที่น่าอับอายไหมเขาอยู่ข้างสระแล้วตะโกนขึ้นมา แล้วก็ทำกิริยาหงุดหงิดงุ่นง่าน ไม่แฮปปี้ ไม่พอใจ แล้วก็บอกว่าวีจิไม่มีสมาธิ แล้วก็ตะโกนด่าเรา ไม่ได้เกรงใจหรือให้เกียรติเราเลย มันไม่แมน แล้ววีจิก็อยู่ตรงนั้น เราก็บอกเลยว่าพี่เป็นแบบนี้ไม่แมนพอ ไม่ให้เกียรติความเป็นแม่ หนูอาจจะฟ้องพี่ก็ได้ จากนั้นก็จบกันไป เราก็คิดว่ามันคงจะไม่มีอะไรแล้ว เราอดทนได้กับเขาที่ไม่ควบคุมอารมณ์ ที่ตะโกนด่าเราต่อหน้าลูก ใช้กิริยามารยาท บริบทที่มันทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้แมนพอ เรายังแมนพอมากกว่าเขา เขาก็เดินมาแล้วแบกลูกขึ้นบ่าไปเลยแล้วบอกว่าไปเจอกันที่ศาล
ซึ่งตัวเราไม่คิดว่าจะต้องไปเจอที่ศาลหรอก มันไม่ได้เป็นช้อยที่อยู่ในใจเราตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าเป็นตั้งแต่แรก การที่กีดกันมา ขอใช้คำว่ากีดกันแบบชัดเจนเลยดีกว่า ขอไปส่งที่โรงเรียน ไปรับบ้างก็ไม่ให้ ขอนอนกอดลูกบ้างก็ไม่ให้ ที่ก่อนหน้านี้ได้วิดีโอคอลเขาน่าจะเป็นคน 7 วัน 7 อย่าง อารมณ์นะ ไม่มีอารมณ์ที่เป็นมาตราฐานและตายตัว
ถามว่าจะจะได้เจอลูกสาวอีกเมื่อไหร่ มันไม่มีกำหนด ถ้าเขาอยากให้ไปฟ้อง เราต้องมาคิดอีกทีว่าพฤติกรรมและบริบทที่เขาทำตอนนี้มันจะไปถึงตอนนั้นหรือเปล่า แต่เราเป็นแม่ กลายเป็นว่า เราไม่อยากฟ้อง การโต้เถียงผ่านโซเชียลมันก็มากพออยู่แล้ว เราลองมาปรับทัศนคติมั้ย ไม่ใช่ให้ผู้หญิงมาปรับอยู่คนเดียว
ส่วนโพสต์อันนั้นเคยเข้าไปหาลูกแล้วเขาโทรหาตำรวจ และตำรวจก็แนะวิธีถ้าจะมาหาลูกอย่ามาในยามวิกาล 2 ทุ่มไปแล้ว อย่ามา อย่าพยายามเกินเข้าไปเกินรั้วบ้าน มันผิด มันกลายเป็นบุกรุก ถ้ามายืนแค่พื้นที่สาธารณะ ถนนและหน้าประตูบ้าน เขาไม่มีสิทธิ์เรียกตำรวจมาจับ
ต่อไปนี้จะเจอลูกยากกว่าเดิม น่ายากนะ ทำใจแล้ว แต่เราต้องมูฟออน ไม่ให้ใครคนหนึ่งมาทำให้เราวนลูปความเจ็บปวดที่มีแค่เขาคนเดียวที่ลิขิตเป็นผู้กำหนดโชคชะตากุ้งพลอยให้เจ็บปวด โดยเอาเรื่องลูกมาเป็นเครื่องมือและโล่กำบัง