ทนายดังคอมเมนต์กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา...“บอส” ส่อโดนคดีฟอกเงิน

ทนายดังคอมเมนต์กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา...“บอส” ส่อโดนคดีฟอกเงิน

0

ทนายดังคอมเมนต์กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา… “บอสส่อโดนคดีฟอกเงิน

         จากกรณี มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นจำนวนมาก กล่าวหาดิไอคอนซึ่งเป็นเครือข่ายขายตรงที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ โดยมีดารานักแสดงออกมาแถลงโต้ข่าวพัลวันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่ปรากฎเป็นข่าว ล่าสุดทนาย สาคร ศิริชัยได้ออกมาแสดงความเห็นว่าบอสส่อโดนคดีฟอกเงิน

อ่านข่าวต่อ: “กันต์ กันตถาวร” ประกาศขอยุติบทบาทการเป็นพิธีกรในทุกรายการจนกว่าทุกอย่างจะชัดเจน

บอสพอล

บอสพอล

      เขาเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวการดำเนินคดีกับบริษัทจำหน่ายสินค้าผ่านเครือข่ายออนไลน์ชื่อดังในนาม ดิไอคอนกรุ๊ปซึ่งมีการเชิญชวนประชาชนให้สมัครเป็นสมาชิกผ่านเครือข่ายและแม่ข่ายเป็นจำนวนหลักพันถึงหลักล้าน แต่เมื่อนำสินค้าไปจำหน่ายหรือใช้แล้วปรากฏว่าสินค้าที่ซื้อมาเป็นสต๊อก ขายไม่ได้ ใช้ไม่หมดจนก่อให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมากและเป็นวงกว้าง

       “โดยในการบริหารงาน และการขับเคลื่อนธุรกิจ และการการตลาด ดิไอคอนกรุ๊ป ได้ว่าจ้างดารานักแสดงระดับซุปเปอร์สตาร์ตัวท็อปของประเทศไทย เช่น แซม ยุรนันท์” “กันต์ กันตถาวร” “มิน พีชญา” “บอย ปกรณ์ เป็นต้น มาร่วมทำงานเป็นพรีเซนเตอร์ และหน้าที่อื่นๆตามแต่จะได้รับมอบหมาย โดยในการทำงานเป็นพรีเซนเตอร์ของดาราต่างๆ มีการบรรยายสรรพคุณของสินค้าและธุรกิจเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมทำธุรกิจ เป็นนักขายกับ ดิไอคอนกรุ๊ป

สาคร ศิริชัย

สาคร ศิริชัย

       หากทำสำเร็จ จะสามารถพลิกชีวิตสร้างฐานะเป็น เศรษฐีได้ เนื่องจากดาราที่เป็นพรีเซนเตอร์ เป็นบุคคลที่ประชาชนให้ความเชื่อถือได้รับความนิยมชมชอบ เป็นผู้ชักชวนจึงทำให้ประชาชนหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิกผ่านแม่ขายที่วางไว้อย่างเป็นระบบ แต่ต่อมาเมื่อสินค้าไม่สามารถขายได้ตามคำโฆษณาทำให้เกิดความเสียหายบังบางคนเป็นโรคซึมเศร้าถึงขั้นฆ่าตัวตายจากข่าวที่มีการนำเสนอ ผ่านสื่อออนไลน์และสื่อโทรทัศน์จนนำไปสู่การร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป

กันต์  กันตถาวร

กันต์  กันตถาวร

      และดารานักแสดงที่เป็นพรีเซนเตอร์ทั้งหลายซึ่งถูกเรียกขานนามว่า บอสต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองปราบปราม

ต่อมามีดาราที่เป็นพรีเซนเตอร์อย่างน้อยสามคนประกอบด้วย บอย ปกรณ์” “มีน พีชญา และ กันต์ กันตถาวร ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนโดยกล่าวอ้าง ในลักษณะเดียวกันว่าตนเองเป็นเพียงรับว่าจ้างเป็นพรีเซนเตอร์ให้โฆษณาสินค้าซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของดิไอคอนกรุ๊ปเท่านั้น มิใช่ บอสโดยไม่มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของการลงทุนหรือการออกนโยบายต่างๆและมิใช่เป็นพนักงานของบริษัท โดยการแสดงสัญญาว่าจ้างให้สื่อมวลชนดู และปัจจุบันได้มีการยกเลิกสัญญาและตัดขาดจาก ดิไอคอนกรุ๊ปแล้ว โดยได้กราบขอโทษประชาชนและพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

กันต์  กันตถาวร

        การออกมาแถลงข่าวของดาราผู้เกี่ยวข้องดังกล่าวเป็นการกระทำภายหลังจากที่การกระทำที่อ้างว่าเป็นการกระทำความผิดได้สำเร็จแล้วดังนั้นการจะพิจารณาว่าเราดาราหรือบอสทั้งหลายจะมีความผิดฐานใดจะพิจารณาจากการกระทำที่ผ่านมาว่าจะมีมีความผิดในฐานะตัวการหรือในฐานะผู้ สนับสนุนโดยดูจากคลิปต่างๆที่นำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ โดยพนักงานสอบสวนและศาลมิได้ดูแต่เพียงสัญญาว่าจ้างแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะดูจากพฤติกรรมการกระทำความผิดต่างๆ ผู้ที่ถูกกล่าวหาจะอ้างแก้ตัวอย่างไรก็ได้ซึ่งกรณีดังกล่าวหลักกฏหมายระบุว่า กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

ส่วนความผิดที่ถูกกล่าวหามีทั้งความผิดเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชกำหนดกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนซึ่งแล้วแต่พฤติกรรมการกระทำความผิดของแต่ละบุคคล ถ้าหากความผิดของดิไอคอนกรุ๊ปและบรรดาบอสต่างๆ เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนหรือความผิดตามพระราชกำหนดกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน (กฎหมายแชร์ลูกโซ่) ก็จะเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐาน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ. 2542 ซึ่งการถูกดำเนินคดีฟอกเงินจะนำไปสู่การยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเพื่อนำมาคืนให้แก่ผู้เสียหายในคดี

      ดังนั้นกรณีดังกล่าวนี้เป็นคดีสำคัญให้ประชาชนจับตาการดำเนินคดีของกระบวนการยุติธรรมอย่างใกล้ชิด อย่าให้สื่อมวลชนทำงานแต่เพียงลำพัง คนทำผิดต้องได้รับโทษ ผู้ถูกกล่าวหาย่อมได้รับการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม

       และสิ่งที่ดาราบิ๊กบอสทั้งหลายแสดงออกในขณะนี้น่าจะต้องการลดกระแสการพิพากษาของสังคมหรือสาธารณชน ซึ่งรุนแรงและรวดเร็วกว่าการพิพากษาโดยศาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Comments